ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: ไปแล้วหลง"ลับแล".! 10 ข้อชวนรู้ ก่อนเที่ยวอุตรดิตถ์ เมืองชิคชิคในหุบเขา  (อ่าน 1992 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 29432
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0


ไปแล้วหลง"ลับแล".! 10 ข้อชวนรู้ ก่อนเที่ยวอุตรดิตถ์ เมืองชิคชิคในหุบเขา

จังหวัดอุตรดิตถ์อาจไม่ใช่จุดหมายปลายทางในใจเวลาไปเที่ยวภาคเหนือ แต่ขอบอกว่าถ้าได้ลองไปสักครั้งแล้วอาจจะหลงรักในเสน่ห์ความเรียบง่าย น่ารัก และความเป็นกันเองของผู้คนที่นี่ก็ได้

จังหวัดเล็กๆ แห่งนี้ตั้งอยู่ในแถบเดียวกันกับจังหวัดแพร่และน่าน หากคุณชอบบรรยากาศของภาคเหนือและชอบเที่ยวในเมืองเรียบง่ายอย่างแพร่และน่านล่ะก็ รับรองว่าจะต้องชอบที่นี่ด้วยเหมือนกัน วันนี้ ไทยรัฐออนไลน์ ขอพาไปสัมผัส 10 เสน่ห์น่ารักๆ ของ เมืองลับแลและทองแสนขัน ในอุตรดิตถ์กันสักหน่อย ไม่แน่...คุณอาจจะได้ไอเดียแหล่งท่องเที่ยวพักผ่อนในวันหยุดครั้งต่อไปก็ได้

 ans1 ans1 ans1 ans1

1. ทำไมต้อง 'ลับแล' ?

ขอเริ่มต้นจากเมืองท่องเที่ยวสำคัญของจังหวัดอุตรดิตถ์อย่าง เมืองลับแล กันก่อน หลายคนสงสัยว่าทำไมที่นี่ถึงชื่อว่าลับแล คำว่า 'ลับแล' แปลตรงๆ ว่า 'ที่ซึ่งมองดูไม่เห็น' เป็นชื่อเมืองที่ตั้งตามลักษณะภูมิประเทศ เนื่องจากเมืองลับแลตั้งอยู่ในภูมิประเทศที่เป็นป่าเขาสลับซับซ้อน หากมองจากภายนอกจะเห็นแต่ป่า ไม่เห็นหมู่บ้าน ว่ากันว่าถ้าคนต่างถิ่นหลงเข้าไปในเมืองลับแลแล้วจะหาทางออกไม่ได้


โมเดลจำลองเมืองลับแล


มีที่มาของชื่อลับแลอีกอย่างหนึ่ง อธิบายว่า พอตกเย็นความมืดจะเข้าปกคลุมเมืองแห่งนี้อย่างรวดเร็ว ทำให้เมืองทั้งเมืองหายลับไปจากสายตา ด้วยว่ามีดอยม่อนฤาษีสูงใหญ่เป็นฉากกั้นแสงอาทิตย์ ผู้คนสมัยก่อนจึงเรียกเมืองนี้ว่า 'ลับแลง' (แลง แปลว่า ตอนเย็นหรือพลบค่ำ) ต่อมาจึงเพี้ยนมาเป็น 'ลับแล'

นอกจากนี้ลับแลยังมีฉายาว่าเป็น 'เมืองแม่ม่าย' เนื่องจากชาวลับแลมีอาชีพทำสวนซึ่งอยู่บนภูเขา ฝ่ายสามีจะต้องไปใช้ชีวิตอยู่ในสวนเป็นเวลานานๆ ส่วนฝ่ายภรรยาก็จะเลี้ยงลูกๆ หลานๆ และอยู่เฝ้าบ้าน เมื่อผู้คนผ่านไปมาก็มักจะเห็นเมืองนี้มีแต่ผู้หญิงเป็นส่วนใหญ่ จึงเป็นที่มาของฉายานี้นี่เอง


พระยาพิชัยดาบหัก สัญลักษณ์เมืองอุตรดิตถ์


2. มาลับแล ห้ามพูดโกหก

มีตำนานที่อยู่คู่เมืองลับแลมายาวนานนั่นคือ ตำนานเมืองแห่งสัจจะวาจา เล่ากันว่าในอดีตมีชายหนุ่มจากหมู่บ้านแห่งหนึ่งเดินไปหาของป่าในดงป่าลึก เขาได้เห็นหญิงสาวงามหลายคนเดินออกมาจากชายป่า แต่ละคนก้มหยิบกุญแจที่ซ่อนไว้ตามพุ่มไม้ แล้วก็เดินหายลับเข้าป่าไปอย่างไร้ร่องรอย มีหญิงสาวอีกคนเดินมาหลังสุด นางค้นหากุญแจของนางอยู่นาน แต่ก็หาไม่พบ พลันชายหนุ่มเห็นกุญแจวางอยู่พุ่มไม้ใกล้ๆ ตน จึงเก็บเอาไว้

เขาออกไปแสดงตัวกับหญิงสาวพร้อมบอกว่า ถ้าอยากได้กุญแจนี้คืน ต้องพาตนเข้าไปในเมืองที่นางอาศัยอยู่ นางจำยอมเพื่อแลกกับกุญแจเข้าเมือง แต่มีข้อแม้ว่าเมื่อชายหนุ่มเข้าไปแล้วต้องห้ามพูดโกหกเด็ดขาด ชายหนุ่มรับปาก ต่อมาทั้งสองก็ได้อยู่กินกันมีลูกด้วยกัน 1 คน วันหนึ่งนางไม่อยู่บ้าน ลูกร้องหาแม่โยเย ผู้เป็นพ่อปลอบยังไงก็ไม่หยุดร้อง จึงบอกลูกไปว่า "แม่มาแล้ว แม่มาแล้ว" ลูกจึงหยุดร้อง แต่ชาวบ้านคนอื่นๆ แถวนั้นได้ยินและเห็นว่าชายหนุ่มพูดโกหก จึงขับไล่เขาออกจากเมือง

ฝ่ายภรรยาพอทราบข่าวว่าสามีต้องออกจากเมือง นางจึงเก็บเสบียงไปส่ง ในย่ามใบนั้นนางขุดขมิ้นใส่ไว้ให้หลายหัวพร้อมบอกสามีว่าอย่าเปิดดูจนกว่าจะถึงบ้านของเขา ฝ่ายสามีระหว่างทางเดินกลับบ้านเขารู้สึกว่าย่ามนั้นหนักขึ้นมาก จึงเปิดดูพร้อมหยิบขมิ้นทิ้งไปจำนวนมาก พอถึงบ้านหัวขมิ้นเหลืออยู่เพียงเล็กน้อย เปิดย่ามดูอีกทีปรากฏว่าขมิ้นเหล่านั้นได้กลายเป็นทองคำ เขาเกิดนึกเสียดายที่ระหว่างทางทิ้งขมิ้นไปเยอะ จึงย้อนกลับไปหาดู แต่ก็ไม่พบอีกเลย


 :49: :49: :49: :49:

3. ทุเรียนลับแล ของดีที่ต้องชิม


ทุเรียนหลงลับแล ถ้าซื้อหน้าสวนจะถูกกว่ามาก เพียง 200 บาท


ลับแลเป็นเมืองในหุบเขาเต็มไปด้วยความอุดมสมบูรณ์ สามารถปลูกผลไม้ได้หลายชนิดทั้งลางสาด ลองกอง มังคุด ทุเรียน โดยเฉพาะราชินีผลไม้อย่างทุเรียนหลงลับแลและหลินลับแล ใครที่ได้ชิมทุเรียนป่าสายพันธุ์พื้นเมืองของที่นี่แล้วเป็นต้องติดใจในรสชาติ เนื่องจากเนื้ออร่อย ไม่เละ และมีกลิ่นอ่อนๆ ละมุนเหมือนกลิ่นดอกไม้ ไม่เหม็นรุนแรง

สามารถ เสริมสกุล เลขานายกอบต.แม่พูล อ.ลับแล และเป็นเจ้าของสวนด้วย


ส่วนที่ชื่อว่าหลงและหลินลับแลนั้น สามารถ เสริมสกุล เลขานายกอบต.แม่พูล อ.ลับแล เล่าให้ฟังว่า ในปี พ.ศ. 2520 มีการประกวดทุเรียนสายพันธุ์พื้นเมืองขึ้นที่ตลาดหัวดง ต.แม่พูล ผู้ชนะเลิศได้ที่ 1 คือ ป้าหลง ส่วนรองชนะเลิศหรือที่ 2 คือลุงหลิน จากนั้นทางเกษตรอำเภอจึงได้ตั้งชื่อทุเรียน 2 สายพันธุ์นี้ว่าหลงกับหลินตามชื่อของเจ้าของสวน ต่อมาได้สนับสนุนให้ชาวลับแลปลูกทุเรียนทั้ง 2 พันธุ์นี้มากขึ้นจนเป็นที่รู้จักของคนไทยทั่วประเทศ โดยหลงลับแลขายอยู่ที่กิโลกรัมละ 400-500 บาท (หน้าสวน 200 บาท) หลินลับแลกิโลกรัมละ 600-700 บาท

 :s_hi: :s_hi: :s_hi: :s_hi:

4. หลง-หลิน ทุเรียนเงินล้าน


หลินลับแล ต่างกับหลงลับแลตรงที่ร่องพูเหมือนมะเฟือง มองเห็นชัดเจนกว่า


ทำไมทุเรียนหลงหลินถึงแพงขนาดนี้? ส่วนหนึ่งก็เพราะทุเรียนทั้งสองสายพันธุ์เป็นทุเรียนพื้นเมือง กว่าจะโตจนเก็บผลผลิตได้ต้องใช้เวลานาน หลงลับแลต้องปลูกนาน 8 ปีจึงจะให้ผล ส่วนหลินลับแลต้องปลูกนานถึง 10 ปี  (ต่อมาพัฒนาการขยายพันธุ์โดยการเสียบยอด ใช้เวลา 4 ปีจึงให้ผลผลิต) นอกจากนี้ขั้นตอนการเก็บและขนส่งก็ยากลำบาก เนื่องจากสวนทุเรียนแถบนี้ปลูกกันบนภูเขาสูง การขนส่งต้องใช้สลิงขนเข่งทุเรียนข้ามเขา จากนั้นการลำเลียงเข่งทุเรียนลงจากเขา ต้องใช้มอเตอร์ไซค์ในการขนส่งเท่านั้น เพราะเส้นทางแคบและชันมาก (สวนทุเรียนที่อื่นจะปลูกบนพื้นที่ราบ)

ขนส่งด้วยมอเตอร์ไซค์

นอกจากหลงและหลิน ชาวสวนก็ปลูกหมอนทองแซมด้วย


ด้วยความที่ต้องใช้เวลาปลูกนาน ขนส่งยาก แต่มีรสชาติอร่อย เป็นที่ต้องการของตลาดมาก จึงอาจพูดได้ว่านี่เองคือสาเหตุที่ทำให้ทุเรียนของที่นี่ได้ราคาดี ในแต่ละปีชาวสวนทุเรียนเมืองลับแลมีรายได้กันเป็นหลักล้านเลยทีเดียว

 :29: :29: :29: :29:

5. พระแท่นศิลาอาสน์อันศักดิ์สิทธิ์


พระแท่นศิลาอาสน์

วัดพระแท่นศิลาอาสน์

จิตรกรรมบนบานประตูวัดพระแท่นฯ


สิ่งที่น่าสนใจอีกอย่างของการมาเที่ยวอุตรดิตถ์ คือ การได้มาชมวัดสวยงามหลายแห่ง หนึ่งในนั้นเห็นจะเป็น วัดพระแท่นศิลาอาสน์ (วัดมหาธาตุ) ตั้งอยู่ที่บนเนินเขาเต่า บ้านพระแท่น ต.ทุ่งยั้ง อ.ลับแล ที่นี่เป็นวัดโบราณ มีพระแท่นศิลาอาสน์ที่เชื่อว่าเป็นที่ประทับของพระพุทธเจ้าประดิษฐานอยู่ เป็นที่เคารพสักการะของผู้คนในเมืองลับแล นอกจากจะไปกราบสักการะพระแท่นศิลาอาสน์แล้ว ภายในยังมีพระพุทธรูปสวยงามหลายองค์ มีองค์เทพทันใจ และภาพจิตรกรรมลงรักปิดทองที่บานประตูสวยงามเช่นกัน

 :sign0144: :sign0144: :sign0144: :sign0144:

6. ลอดใต้โบสถ์ ปัดเป่าแคล้วคลาด


วัดดงสระแก้ว มีโบสถ์เป็นไม้สักทอง

หลวงพ่ออู่ทองจำลอง


วัดอีกแห่งหนึ่งที่น่าไปเที่ยวคือ วัดดงสระแก้ว ต.ไผ่ล้อม อ.ลับแล ที่นี่มีโบสถ์ที่สร้างจากไม้สักทองทั้งหลัง ภายในประดิษฐานหลวงพ่ออู่ทองจำลองที่มีความศักดิ์สิทธิ์ ว่ากันว่าสมัยก่อนหลวงพ่อองค์จริงได้รับมาจากพระอารามหลวงแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ เมื่อนำมาประดิษฐานที่วัดแห่งนี้บังเอิญว่าวันหนึ่งมีกระเบื้องหลังคาหล่นลงมาใส่บริเวณไหล่ขององค์พระ จนปูนปั้นแตกออกจนเห็นองค์พระหล่อด้วยทองคำด้านใน สวยงามมาก ต่อมาได้หายสาบสูญไปอย่างไร้ร่องรอย ชาวบ้านจึงได้ร่วมใจกันสร้างองค์จำลองขึ้นมาแทน

ลอดใต้โบสถ์ ความเชื่อช่วยเรื่องสุขภาพ


อีกอย่างที่น่าสนใจคือ ที่นี่สร้างโบสถ์แบบยกพื้น และมีความเชื่อว่าถ้าได้มาลอดใต้โบสถ์ 3 ครั้งจะช่วยให้หายจากโรคภัยและแคล้วคลาดจากสิ่งไม่ดีต่างๆ ปัจจุบันมีคนที่ศรัทธาเลื่อมใสมาร่วมกิจกรรมลอดใต้โบสถ์อยู่ไม่ขาดสาย

 :welcome: :welcome: :welcome: :welcome:

7. อาหารพื้นถิ่น ของกินพื้นบ้าน


ข้าวพันผักเสวย

ไข่ม้วน เป็นข้าวพันที่ใส่ไข่และใส่ผักไปพร้อมๆ กับน้ำแป้ง พอสุกก็ม้วนออกมาใส่จาน


ของประจำถิ่นลับแลอีกอย่างที่ไม่ควรพลาดลองลิ้มชมรสคือ ข้าวพันผัก ข้าวแคบ และหมี่พัน เป็นอาหารเฉพาะถิ่นที่หาทานที่อื่นไม่ได้ เริ่มจาก 'ข้าวพันผัก' ลักษณะเป็นน้ำแป้งละเลงลงบนหม้อนึ่งที่มีผ้าขาวบางปิดปากหม้อไว้ (ทำเหมือนข้าวเกรียบปากหม้อ) แล้วใส่ผักลวกสุก จากนั้นพับตลบแผ่นแป้งไปมาให้หุ้มไส้ผัก ตักใส่จาน โรยแคบหมู หมี่กรอบ กระเทียมเจียว เป็นอันเสร็จพร้อมเสิร์ฟ

หมี่พัน ใช้แผ่นข้าวแคบมาห่อหมี่ลวกปรุงรส


ส่วน 'ข้าวแคบ' เป็นแผ่นแป้งที่ทำเหมือนกันกับข้าวพัน แต่เมื่อนึ่งสุกแล้วจะเอาแผ่นแป้งมาตากแห้ง เก็บไว้กินได้นาน เวลาทานก็จะเอาไปห่อไส้ที่ทำจากเส้นหมี่ขาวลวก ผักลวก ปรุงด้วยพริก น้ำปลา น้ำส้ม น้ำตาล กลายเป็น 'หมี่พัน' หรือเอาแผ่นแป้งที่ตากแห้งแล้วไปย่างไฟอ่อนๆ ก็จะกลายเป็น 'ข้าวเกรียบว่าว' ของว่างกรุบกรอบเคี้ยวเพลิน

 :s_good: :s_good: :s_good: :s_good:

8. มหาบุญ 'อัฏฐมีบูชา' ถวายพระเพลิงพระพุทธเจ้า


เตรียมเปิดงานอัฏฐมีบูชา

นางรำสวยงาม


ไม่ใช่แค่สถานที่ท่องเที่ยว ผลไม้ และอาหารพื้นถิ่นที่เป็นเอกลักษณ์เท่านั้น แต่ลับแลยังมีประเพณีโบราณที่น่าสนใจ นั่นคือ ประเพณีอัฏฐมีบูชาแห่งเมืองทุ่งยั้ง งานนี้จะจัดขึ้นในช่วงวันวิสาขบูชา (ช่วงเดือนมิ.ย.) ของทุกปี เป็นการจำลองพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระพุทธเจ้า โดยจัดขึ้นที่วัดพระบรมธาตุทุ่งยั้ง เนื่องจากที่นี่มี 'พระธาตุเจดีย์' ทรงระฆังสมัยกรุงสุโขทัย ที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุส่วนพระนลาฎ (หน้าผาก) ของพระพุทธเจ้าเอาไว้ พุทธศาสนิกชนและพระสงฆ์จะสวดมนต์บูชาระลึกถึงองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าในวันที่พระองค์สละพุทธสรีระสังขาร

วัดพระบรมธาตุทุ่งยั้ง


สำหรับปีนี้ก็จะมีการจัดงานเหมือนเช่นเคย โดยจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 1 - 9 มิถุนายน 2558 ณ วัดบรมธาตุทุ่งยั้ง ตำบลทุ่งยั้ง อำเภอลับแล ภายในงานจะมีการเวียนเทียนเนื่องในวันวิสาขบูชา มีพิธีสรงน้ำพระบรมธาตุพระราชทาน พิธีแสดงพระธรรมเทศนา กิจกรรมลานเทศน์-ลานธรรม พิธีแห่ผ้าห่มและพิธีห่มผ้าพระบรมธาตุทุ่งยั้งพระราชทาน จากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ มีพิธีสลากภัต มหรสพสมโภช มวยพื้นบ้าน และการแสดงแสงเสียงจำลองเรื่องราวของพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระพุทธเจ้า

9. เหล็กน้ำพี้ ของดีแก้อาถรรพณ์


ใช้แม่เหล็ก ไปตกแร่น้ำพี้ในบ่อ

โมเดลจำลองการตีเหล็กน้ำพี้


นอกจากนี้ยังมีแหล่งท่องเที่ยวในอำเภอทองแสนขัน (อยู่ใกล้ๆ กับลับแล) ที่น่าไปเยี่ยมชม จุดเด่นของที่นี่คือมี พิพิธภัณฑ์พื้นบ้านบ่อเหล็กน้ำพี้ ว่ากันว่าเป็นแร่เหล็กที่คงทนแข็งแรงที่สุด ปัจจุบันพบบ่อแร่เหล็กชัดเจนอยู่ 2 บ่อ คือ บ่อพระแสง และบ่อพระขรรค์ โดยเฉพาะบ่อพระแสงจะเป็นบ่อที่มีเนื้อเหล็กดีกว่าบ่ออื่น

บ่อแร่เหล็กน้ำพี้


ในสมัยโบราณนายช่างผู้ทำพระแสงดาบถวายพระมหากษัตริย์จะนำเอาเหล็กน้ำพี้ในบ่อพระแสงไปถลุงทำพระแสงดาบ จึงได้ชื่อว่าบ่อพระแสง ส่วนอีกบ่อเป็นบ่อแร่เหล็กที่เอาไว้สำหรับทำพระขรรค์ ทั้งนี้ห้ามไม่ให้ชาวบ้านขุดเอาแร่เหล็กจากบ่อทั้งสอง เพราะสงวนไว้สำหรับพระมหากษัตริย์เท่านั้น

ของที่ระลึก


พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ได้รวบรวมหลักฐานและรายละเอียดต่างๆ ไว้ให้ศึกษาด้วย เช่น ประวัติเหล็กน้ำพี้ ขั้นตอนการขุดแร่ การถลุง การตีเหล็กจนเป็นดาบที่มีความแกร่งและคมเป็นเลิศ ปัจจุบันได้เปิดให้นักท่องเที่ยวมาตกแร่ด้วยแม่เหล็กจากบ่อทั้งสอง สามารถนำแร่เหล็กที่ตกได้กลับไปเป็นของที่ระลึกหรือบูชา ใกล้ๆ กันมีโซนขายของที่ระลึก เช่น หินแร่เหล็ก หินไหลดำไหลเขียว ดาบ มีด ลูกประคำ เป็นต้น

 :s_hi: :s_hi: :s_hi: :s_hi:

10. ชิลชิลที่ไร่องุ่น 'คานาอัน'


บรรยากาศโดยรอบ


ยังไม่หมดแค่นี้ ในอำเภอทองแสนขันยังมีไร่องุ่นแห่งแรกของอุตรดิตถ์ตั้งอยู่ ชื่อว่า ไร่องุ่นคานาอัน เป็นที่เที่ยวแห่งใหม่ที่เพิ่งเปิดให้บริการเมื่อต้นปีที่ผ่านมา ภายในนอกจากจะมีไร่องุ่นและแกะตัวน้อยรอต้อนรับแล้ว ยังมีร้านอาหารและร้านเครื่องดื่มอยู่ในตัวอาคารที่มีสถาปัตยกรรมแบบทัสคานี ของประเทศอิตาลี เน้นความโค้งมนและใช้สีส้มสลับสีเหลืองโดดเด่น ด้านหน้ามีสวนขนาดย่อม มีซุ้มศาลาเล็กๆ ไว้ให้นั่งเล่น ถัดไปอีกนิด มีบันไดวนให้เดินขึ้นไปบนชั้นสองเพื่อชมวิวสวยงามรอบๆ ไร่องุ่นได้ด้วย เปิดให้บริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 10:00-20:00 น.

ไร่องุ่นคานาอันและน้องแกะตัวน้อย

อาคารสีสดสวย

มุมน่ารักๆ ที่คานาอัน

ตึกแนวทัสคานีที่คานาอัน

เครื่องดื่มและของว่างก็มีบริการด้วย


การเดินทาง

สะดวกที่สุดคือนั่งเครื่องบิน โดยมีหลายสายการบินให้บริการจากดอนเมือง ไปลงที่สนามบินพิษณุโลกหรือสนามบินสุโขทัย จากนั้นต่อรถไปเที่ยวต่อที่อุตรดิตถ์ได้เลย ถ้าไปลงที่สนามบินสุโขทัยจะใกล้กว่าแต่อาจจะต้องหารถต่อเอง แต่ถ้าลงสนามบินพิษณุโลก จะมีบริการรถตู้วิ่งตรงไปที่อุตรดิตถ์ให้ทันที จากนั้นก็สามารถไปเที่ยวในเมืองอุตรดิตถ์ มีที่พัก ร้านอาหาร และร้านกาแฟให้เลือกชิลได้เพียบ



แต่ถ้าจะมาเที่ยวที่ อ.ลับแล ก็มีโฮสเทลน่ารักๆ อย่าง 'ณ ลับแล' ไว้ให้บริการ เป็นที่พักราคาย่อมเยา ตั้งอยู่ติดถนนใหญ่ ไม่ไกลจากซุ้มประตูเมืองลับแล บริเวณนั้นสามารถไปเที่ยวชมพิพิธภัณฑ์เมืองลับแลได้ ใกล้ๆ กันก็จะมีศูนย์บริการเช่าจักรยาน สามารถปั่นชมรอบเมืองตอนเช้าๆ ได้ อากาศดี ไม่ร้อนมาก

นอกจากนี้ยังสามารถต่อรถไปเที่ยวชมสวนทุเรียนหลงและหลินลับแล เที่ยวชมวัดสวยงามต่างๆ เช่น วัดพระแท่นศิลาอาสน์ วัดดอนสัก (ประตูไม้สักแกะสลักศิลปะโบราณ) และวัดดงสระแก้ว


ขอบคุณแผนที่ : utdc.coj.go.th
ที่มา http://www.thairath.co.th/content/501018
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ

PRAMOTE(aaaa)

  • ศิษย์ตรง
  • โยคาวจรผล
  • *****
  • ผลบุญ: +5/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: ชาย
  • กระทู้: 3598
  • ความศรัทธาคือเชื่อเรื่องการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
  เป็นเมือง ที่น่าสนใจมากครับ

   อยากไปอยู่แต่ยังคงไม่ใช่ตอนนี้   สงสัยคงต้องรอหลังสอบเสร็จ

     ยังไม่แกร่งกล้า  ....ใจอยาก ไปเดี่ยว (แต่มีครู)

   สาธุธรรม ท่านศิษย์พี่  ลับแล....นั้นหมายใจ    ไว้สามเมืองครับ แต่ก็ต้องตามครูครับ

  ขึ้นอยู่ที่พิกัดกำหนด  สำหรับยามนี้ ยังไม่ถึงฝั่ง  ก็ได้แต่เป็นเรื่องคุย ประกอบ unseen work trip story
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤษภาคม 29, 2015, 01:33:30 am โดย aaaa »
บันทึกการเข้า
การมีกัลยาณมิตร ครูบาอาจารย์ ที่สั่งสอนธรรม เป็นเรื่องที่ดี
..เชื่อเรื่องการตรัสรู้ธรรม ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
...และเชื่อในพระธรรมที่เป็นตัวแทนของพระศาสดา