ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: การห่มจีวรของพระ ในศาสนาพุทธ มีกี่แบบ.?  (อ่าน 7914 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 29432
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0


รู้ไปโม้ด : จีวร (ตอนแรก)
โดย...น้าชาติ ประชาชื่น nachart@yahoo.com

ถามโดย ภูศรี : อยากทราบว่าการห่มจีวรของพระในศาสนาพุทธมีกี่แบบ และนิกาย อื่นๆ ห่มจีวรแบบไหนบ้าง

ตอบ ภูศรี : เกี่ยวกับการห่มจีวรของพระภิกษุ ศูนย์ข้อมูลเทคโนโลยีสารสนเทศ มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย รวบรวมเรียบเรียงไว้ เริ่มจากนิกายเถรวาท ว่า การห่มจีวรของพระในนิกายเถรวาทมีหลักฐานที่แน่ชัดมากขึ้นในราวศตวรรษที่ 12 หรือราวปี พ.ศ.1700-1800 ศูนย์กลางสำคัญของพระพุทธศาสนาแบบเถรวาทในขณะนั้นมีอยู่ 3 แห่งด้วยกัน แต่ละแห่งเป็นอิสระไม่ขึ้นแก่กัน แต่ใช้บาลีเช่นเดียวกัน มีการแลกเปลี่ยนอุปัชฌาย์และคัมภีร์ต่างๆ ระหว่างกัน อันได้แก่ วัดมหาวิหารในศรีลังกาแห่งหนึ่ง อาณาจักรของชาวพยู ทางตอนเหนือของพม่าแห่งหนึ่ง และอาณาจักร ทวารวดีแถวลุ่มน้ำเจ้าพระยาแห่งหนึ่ง

ต่อมาชาวพยูประสบภัยพิบัติ ผู้คนล้มตายจากโรคระบาดครั้งใหญ่ ชาวมอญเข้าไปครอบครองพร้อมรับวัฒนธรรมพยูไปด้วย คัมภีร์เก่าแก่ของชาวพยูถูกแปลเป็นภาษามอญ และเมื่อพม่าแผ่อิทธิพลเข้าครอบครองดินแดน ก็ได้แปลคัมภีร์เหล่านั้นเป็นภาษาพม่าในสมัยต่อมา โดยสิ่งที่น่าจะเป็นผลโดยตรงคือการเกิดวิธีการห่มผ้าของพระพม่าและมอญที่แตกต่างไปจากศรีลังกา ทั้งสีของผ้าจีวรก็หลากหลายออกไป



การห่มจีวรของพระในประเทศไทยได้รับอิทธิพลจากทั้ง 2 ประเทศ คือ ศรีลังกา และมอญ ส่วนการห่มผ้าของภิกษุที่มีผ้าประคดอกและสังฆาฏิพาดไหล่ อาจจะเก่าแก่กว่าวิธีการห่มจากลังกา และอาจเป็นวิธีการห่มผ้า ของภิกษุกลุ่มแรกๆ ที่เข้ามาเผยแผ่พระพุทธศาสนาในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ การห่มผ้าในลักษณะเช่นนี้ยังพบกันมากในแถบสิบสองปันนาและยูนนาน สำหรับธรรมยุติกนิกาย ห่มผ้าลูกบวบหมุนซ้ายได้รับอิทธิพลจากพระมอญซึ่งอพยพเข้ามามากในสมัยรัชกาลที่ 2 และได้รับการปรับปรุงในสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้า เจ้าอยู่หัว สมัยที่พระองค์ทรงผนวช

 st12 st12 st12 st12

ในประเทศไทย พระภิกษุแต่เดิมครองจีวรแบบที่เรียกว่า ห่มมังกร หมุนผ้าลูกบวบทางขวาเวลาออกนอกวัด เมื่อถึงเวลา ทำสังฆกรรมจะห่มผ้ารัดประคดคาดที่หน้าอก มีผ้าสังฆาฏิพาดที่ไหล่ซ้าย การห่มผ้าในลักษณะเช่นนี้ปัจจุบันมีน้อยวัด เนื่องจากมีคำสั่งของสมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส ให้พระภิกษุทั่วสังฆมณฑลห่มผ้าตามแบบของธรรมยุติกนิกายทั้งหมด พระภิกษุส่วนใหญ่จึงห่มผ้าแบบธรรมยุติกนิกายตั้งแต่นั้นเรื่อยมา ปัจจุบันแม้มีความแตกต่างกันบ้างก็ถือว่าเป็นการห่มแบบพระสงฆ์ไทย คืออยู่ในวัดห่มเฉวียงบ่า เวลาออกนอกวัดห่มคลุมไหล่ทั้งสองข้าง

 :25: :25: :25: :25:

สำหรับการห่มจีวรของพระในนิกายมหายานชาติต่างๆ เมื่อพระพุทธศาสนาจากอินเดียเผยแผ่เข้าไปในจีน เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในเรื่องสีของจีวร ด้วยสีเหลืองเป็นสีของฮ่องเต้ คนธรรมดาใครสวมใส่ชุดสีเหลืองต้องได้รับโทษ พระจีนต้องเปลี่ยนสีจีวรเป็นสีน้ำตาล หรือน้ำตาลไหม้ และสีดำสำหรับเณร นอกจากนี้อากาศที่หนาวเย็นทำให้พระจีนต้องมีชุดกันหนาวข้างในและสวมรองเท้ามิดชิด ขณะที่ในเวียดนาม แม้จะได้รับพระพุทธศาสนามาจากจีน แต่ก็มีเอกลักษณ์ของตนเองที่ห่มจีวรสีเหลืองเปล่งปลั่ง ส่วนในทิเบตเกิดการเปลี่ยนแปลงทำนองเดียวกันในเรื่องชุดกันหนาว พระลามะสวมเสื้อกั๊กกันหนาวข้างใน หมวกและจีวรเป็นผ้าหนาหรือขนสัตว์ สีจีวรเป็นสีแดงปนม่วงซึ่งเป็นสีของชนเผ่าทั้งหลายที่อยู่ในที่ราบสูง ด้วยเป็นสีที่ตัดกับสีของท้องฟ้าทำให้เห็นได้แต่ไกล นับเป็นสีแห่งความปลอดภัยในพื้นที่แถบเทือกเขาหิมาลัย

ฉบับพรุ่งนี้ (25 มี.ค.) อ่านกันต่อนะ ว่าด้วยการห่มจีวรของพระภิกษุในพระพุทธศาสนาอีกหลากหลายนิกาย


ที่มา http://daily.khaosod.co.th/view_news.php?newsid=TURONWIzVXdNakkwTURNMU9BPT0=&sectionid=Y25Wd1lXbHRiMlJs&day=TWpBeE5TMHdNeTB5TkE9PQ==
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 29432
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
Re: การห่มจีวรของพระ ในศาสนาพุทธ มีกี่แบบ.?
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: พฤษภาคม 28, 2015, 08:18:14 pm »
0


รู้ไปโม้ด : จีวร (ตอนจบ)
โดย...น้าชาติ ประชาชื่น nachart@yahoo.com

ฉบับวานนี้ (24 มี.ค.) ภูศรี ถามมาถึงการห่มจีวรของพระภิกษุในศาสนาพุทธว่ามีกี่แบบ และนิกาย อื่นๆ มีห่มจีวรแบบไหนบ้าง วันนี้มาตอบกันต่อ

ภิกษุมองโกเลียได้รับอิทธิพลจากทิเบต ยุครุ่นหลานของ เจงกิสข่าน หลานชายของจักรพรรดิเลื่อมใสพระทิเบตรูปหนึ่ง นิมนต์มาเป็นพระอาจารย์ในราชสำนัก แต่งตั้งเป็นทะไลลามะ

ต่อมาการห่มจีวรก็ได้พัฒนาไปเช่นกัน พระมองโกเลียสวมหมวก ห่มจีวรคล้ายพระทิเบตแต่มีลวดลายศิลปะของราชสำนักมองโกล ส่วนที่เกาหลีและญี่ปุ่นได้รับอิทธิพลจากพระพุทธศาสนาจากจีน สีจีวรจึงคล้ายกัน ทั้งสวมเสื้อ กางเกงและรองเท้าป้องกันความหนาวเย็น ก่อนจะมีวิวัฒนาการอย่างมากในพระญี่ปุ่น โดยเฉพาะนิกายชิงกง หรือวัชรยาน ที่นำมาทอและวาดลวดลายวิจิตรพิสดาร แต่ยังคงลักษณะรูปคันนาเป็นตารางสี่เหลี่ยมผืนผ้าใหญ่น้อย



ในญี่ปุ่น การ ทำจีวรพระเป็นศาสตร์ที่ตกทอดกันมาในวงศ์ตระกูล จีวร พระญี่ปุ่นที่สั่งทำพิเศษสำหรับเจ้าอาวาสนั้นมีราคาแพงมาก มีทั้งลวดลายและสีสันละเอียดอ่อน เป็นศิลปะแขนงหนึ่งที่เก่าแก่มีอายุนับพันปี พระญี่ปุ่นยังได้พัฒนาจีวรไปไกลกว่านั้นอีกมาก บางนิกายย่อจีวรให้เล็กลงจนเหลือเป็นเพียงผ้าผืนเล็กนิดเดียว คล้องเหมือนผ้ากันเปื้อนไขว้คอ กว้างประมาณคืบหนึ่งยาวประมาณคืบเศษๆ แต่ยังคงลักษณะลายรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าแบบคันนาให้เห็นอยู่ บางนิกายย่อเล็กยิ่งไปกว่านั้น เป็นผ้าขนาดจิ๋วปะอยู่ด้านในของสูทสากล ลักษณะเหมือนป้ายยี่ห้อร้านตัดเสื้อทั่วไป เพื่อความสะดวกในสังคมสมัยใหม่ที่ต้องการความเรียบง่าย

การห่มจีวรของพระในนิกายมหายานมีรูปแบบหลากหลายมาก คือ พระลามะใส่จีวรสีแดงสด ส่วนการจะแยกว่าอยู่นิกายไหนให้ดูที่สีผ้าอังสะ เช่น สีเหลืองนิกายเกลุก สีแสดหรือสีแดงนิกายศากยะ เป็นต้น ขณะที่พระในนิกายเนนบุทสุซุจากญี่ปุ่น สวมกางเกงและห่มจีวรเหลืองแก่คล้ายพระไทย ส่วนพระในนิกายเซน สวมกางเกงสีกรมท่า สวมเสื้อและห่มจีวรสีกรมท่า


โดยรวมก็คือ พระในนิกายเถรวาทยังรักษารูปแบบการห่มจีวรไว้ตามแบบพระเถระในอดีต ส่วนในนิกายมหายานมีการเปลี่ยนแปลงรูปแบบไปตามความเหมาะสม บางนิกาย สีของจีวรอาจบ่งบอกถึงตำแหน่งฐานะทางการบริหาร เช่น พระจีน พระเกาหลี เป็นต้น อย่างไรก็ตาม แม้จีวรหลายสี การแต่งกายหลายรูปแบบ และรายละเอียดปลีกย่อยอาจจะแตกต่างกันบ้าง แต่ก็มีพระพุทธเจ้าองค์เดียวกันคือพระศากยโคตมะพุทธเจ้า

การแต่งกายของภิกษุในพระพุทธศาสนาทั้งสองนิกาย คือ มหายานและเถรวาทมีความแตกต่างกัน อาจจะเป็นเพราะสภาพแวดล้อมทางภูมิศาสตร์ของแต่ละประเทศทำให้เครื่องแต่งกายต้องเปลี่ยนไปด้วย เช่น พระลามะในทิเบต อากาศหนาวมาก จึงต้องห่มจีวรสีแดง มองเห็นได้แต่ไกล ส่วนพระจีน เกาหลี ญี่ปุ่นต้องใส่กางเกงแทนสบง แต่เมื่อพระทั้งสองนิกายมาชุมนุมกัน ภาพที่มองจากมุมกว้างอาจจะมองเห็นแปลกแยก แต่เป็นความแตกต่างที่ลงตัว สีของจีวร รูปแบบการนุ่งห่ม ความเห็นที่แตกต่างได้รับการประสานและสรุปเพื่อเป้าหมายสืบทอดและเผยแผ่พระพุทธศาสนาต่อไป


ที่มา http://daily.khaosod.co.th/view_news.php?newsid=TURONWIzVXdNakkxTURNMU9BPT0=&sectionid=Y25Wd1lXbHRiMlJs&day=TWpBeE5TMHdNeTB5TlE9PQ==
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ