พิมพ์

[raponsan]

พบปทุมธานี หมู่บ้านรักษาศีล 5 ไม่คืบ

"พระพรหมเสนาบดี" ตรวจความคืบหน้าโครงการหมู่บ้านรักษาศีล 5 กำชับทุกฝ่ายต้องรวมมือกัน สั่งเจ้าคณะจังหวัด พศจ.รายงานผลทุกเดือน หลังพบปทุมธานีทำงานไม่คืบหน้า

วันนี้ ( 9 มิ.ย.) พระพรหมเสนาบดี (พิมพ์ ญาณวีโร) เจ้าอาวาสวัดปทุมคงคา ในฐานะประธานคณะกรรมการขับเคลื่อนโครงการสร้างความปรองดองสมานฉันท์ โดยใช้หลักธรรมทางพระพุทธศาสนา “หมู่บ้านรักษาศีล5” เปิดเผยว่า ตามที่คณะกรรมการมีแผนลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมความคืบหน้าการดำเนินโครงการฯ ในเขตการปกครองคณะสงฆ์ 18 ภาค ทั้งฝ่ายมหานิกายและธรรมยุต นั้น จากการลงพื้นที่ติดตามงานในหลายจังหวัด ได้แก่ ปทุมธานี ลพบุรี พระนครศรีอยุธยา นครปฐม สมุทรสงคราม ระยอง พบว่า

การปฏิบัติหน้าที่ของจังหวัดปทุมธานี ตั้งแต่ผู้ว่าราชการจังหวัด เจ้าคณะจังหวัด สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัด(พศจ.)ปทุมธานี ยังไม่เป็นไปตามเป้าหมาย ไม่มีการผลักดันงานโครงการให้เกิดผลเท่าที่ควร การประสานระหว่างคณะสงฆ์ หน่วยงาน และ พศจ.ปทุมธานี ก็ยังมีปัญหา ดังนั้น คณะกรรมการจึงได้แจ้งให้เจ้าคณะจังหวัด พศจ.ปทุมธานี และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องปรับการทำงาน เพื่อให้งานเกิดผลตรงตามเป้าหมายมากกว่านี้

 

พระพรหมเสนาบดี กล่าวต่อไปว่า สำหรับจังหวัดอื่นๆนั้น พบว่า มีการสร้างนวัตกรรมวิธีการส่งเสริมศีล 5 ให้เข้าถึงพุทธศาสนิกชนทุกกลุ่มมากขึ้น เช่น จ.ลพบุรีใช้ดนตรีลูกทุ่งมากล่อมเกลาจิตใจเด็กให้เรียนรู้ศีล 5 รวมถึงขยายผลสู่สถานศึกษา สถานประกอบการทั้งภาครัฐ เอกชนรักษาศีล 5 จ.พระนครศรีอยุธยา มีการประสานระหว่างผู้ว่าราชการจังหวัด คณะสงฆ์ พศจ. อย่างเป็นระบบ โดยผู้ว่าราชการจังหวัดตั้งเป้าหมายจะให้ประชากรที่นับถือพระพุทธศาสนาเข้าร่วมโครงการให้ได้ 100% ในการขับเคลื่อนระยะที่ 3 ส่วน จ.นครปฐม มีการแต่งตั้งคณะกรรมการระดับจังหวัดกำหนดตัวชี้วัดทำแผนปฏิบัติงานให้ตรงตามบริบทของพื้นที่ เป็นต้น

“คณะกรรมการได้กำชับเจ้าคณะจังหวัด และสำนักงาน พศจ.ทั่วประเทศ ให้รายงานผลการทำงานทุกวันที่ 20 ของทุกเดือน เพื่อประเมินผล สภาพปัญหา ความคืบหน้า ต่อสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์(ช่วง วรปุญฺโญ) ผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช รวมทั้งขอให้ทุกจังหวัดประสานการทำงานร่วมกันทั้งคณะสงฆ์ สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัด และหน่วยงานต่างๆ ในการช่วยกันขับเคลื่อนโครงการให้เกิดผลเป็นรูปธรรม อย่าเกี่ยงกันทำงาน เพราะหากร่วมมือกันทำให้พุทธศาสนิกชนทุกช่วงอายุรักษาศีล 5 ได้จริงจัง ไม่ใช่เพียงแค่ระบุในบัตรประชาชน ก็จะส่งผลให้สังคม ประเทศชาติเกิดความสงบสุข และเกิดความมั่นคงในอนาคตได้แน่นอน” ประธานคณะกรรมการขับเคลื่อนโครงการฯ กล่าว.

ขอบคุณภาพข่าวจาก : http://www.dailynews.co.th/education/326993