ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: รื้อศาลาผิดกฎหมายในวัดกัลยาณ์  (อ่าน 1585 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 29340
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
รื้อศาลาผิดกฎหมายในวัดกัลยาณ์
« เมื่อ: กรกฎาคม 24, 2015, 08:44:11 pm »
0


รื้อศาลาผิดกฎหมายในวัดกัลยาณ์

อธิบดีกรมศิลปากรนำผู้รับเหมาเริ่มลงค้อนทุบ 2ศาลาวัดกัลยาฯ ย้ำทำตามกฎหมาย โดยมีตำรวจ และทหารร่วมเป็นสักขีพยาน

บวรเวท รุ่งรุจี อธิบดีกรมศิลปากร ทุบศาลาวัดกัลยาณ์ วัดกัลยาณมิตรวรมหาวิหาร ทำลายโบราณสถาน วัดกัลยาณ์ พ.ร.บ.โบราณสถาน รื้อถอนสิ่งปลูกสร้างผิดกฎหมาย วัชรา พรหมเจริญ ชุมชนวัดกัลยาณ์ วันนี้( 24 ก.ค.) เวลา 14.00น.ที่วัดกัลยาณมิตรวรมหาวิหาร ผู้สื่อข่าวรายงานว่านายบวรเวท รุ่งรุจี อธิบดีกรมศิลปากร พร้อมด้วยทีมงานผู้รับเหมารื้อถอนอาคาร ได้เดินทางเข้ามาที่วัดกัลยาฯเพื่อทำการรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างภายในวัดที่สร้างขึ้นโดยไม่ได้รับอนุญาตจากกรมศิลปากร โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจจากสถานีตำรวจนครบาล(สน.)บุปผาราม

นำโดย พ.ต.อ.ณัฐพัชร์ ผดุงจันทร์ ผกก.สน.บุปผาราม และเจ้าหน้าที่ทหาร ร่วมเป็นสักขีพยาน รวมถึงยังมีกลุ่มชาวบ้านชุมชนวัดกัลยาฯกว่า 50 คนเข้ามาติดตามดูการรื้อถอนด้วย ทั้งนี้ทางวัดได้นำป้ายไวนิลมาติดไว้บริเวณศาลาที่กรมศิลปากรจะทำการรื้อถอนโดยมีข้อความว่าประกาศวัดกัลยาณมิตรวรมหาวิหารศาลารายหลังนี้สร้างขึ้นด้วยเงินบริจาคของอุบาสกและอุบาสิกาผู้มีศรัทธาเป็นศาสนสมบัติของพระพุทธศาสนาและสมบัติของวัดใช้เพื่อการศึกษาพระปริยัติธรรมของพระภิกษุสามเณรเพื่อการธำรงรักษาพระพุทธศาสนาไว้ให้ยาวนานสืบไป ผู้ใดมีเจตนารื้อทุบทำลายศาสนาสมบัติของวัดกัลยาณมิตรวรมหาวิหารมีความผิดทางกฏหมายทางวัดจะดำเนินการตามกฏหมายกับผู้นั้นทันที

 :96: :96: :96: :96: :96:

โดยนายบวรเวท กล่าวว่า กรมศิลปากรได้มีการเตือนไม่ให้มีการก่อสร้างในเขตโบราณสถาน โดยไม่ได้รับอนุญาต แต่ทางวัดได้ฝ่าฝืนจนก่อสร้างแล้วเสร็จ ทางกรมศิลปากรจึงอาศัยอำนาจตามพ.ร.บ.โบราณสถานฯ แจ้งทางวัดเป็นลายลักษณ์อักษรตั้งแต่วันที่13 ก.ค.ที่ผ่านมาให้ทำการรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างที่ไม่ได้รับอนุญาต แต่จนถึงวันนี้เมื่อทางวัดไม่ดำเนินการรื้อถอนทางกรมจึงเข้ามาดำเนินการเอง

นายบวรเวท กล่าวต่อไปว่า กรมศิลปากรเริ่มรื้อศาลารายบริเวณด้านหลังพระวิหารหลวงจำนวน2 หลังจากจำนวนสิ่งปลูกสร้างภายในวัดที่ไม่ได้รับอนุญาตทั้งหมด22 รายการ คาดว่า 1-2สัปดาห์น่าจะดำเนินการื้อถอนเสร็จทั้ง 2 หลัง จากนั้นจะทยอยรื้อถอนในส่วนที่เหลือต่อไป ซึ่งในการรื้อสิ่งปลูกสร้างดังกล่าวทางกรมจะดำเนินการอย่างดี โดยส่วนที่จำเป็นต้องทุบทำลายจนแตกหักเสียหายก็ทิ้งไป แต่ส่วนที่ยังคงใช้ได้จะนำมากองไว้เป็นสมบัติของวัด และถ้าภายใน 15 วันทางวัดไม่นำของเหล่านั้นไปดำเนินการใดๆทางกรมก็จะนำไปขายทอดตลาดและนำเงินที่ได้นำมาหักเป็นค่าใช้จ่ายในการรื้อถอน ซึ่งครั้งนี้ได้จ้างผู้รับเหมารื้อศาลา 2 หลังเป็นเงิน 4 แสนบาท



" การดำเนินการครั้งนี้ถือเป็นการบังคับใช้กฏหมายในส่วนที่เป็นอำนาจหน้าที่เพราะถ้ากรมไม่ทำจะต้องถูกฟ้องในฐานะที่เป็นเจ้าหน้าที่แล้วละเลยการปฏิบัติหน้าที่แต่หากทางวัดคิดว่าจะแจ้งความเอาผิดกับกรมก็ยินดีแต่ขอยืนยันว่าไม่ได้ทำโดยพลการ หรือลุแก่อำนาจ และชี้แจงและทำความเข้าใจประชาชนทุกคนว่าโบราณสถานเป็นเกียรติของชาติอิฐเก่าๆแผ่นเดียวก็มีค่าดังนั้นการดำเนินการใดๆต้องเห็นใจในส่วนของเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบดูแลโบราณสถานของชาติด้วยเพราะหากไม่ทำอะไรเลยปล่อยให้ทุบทำลายโบราณสถานตลอดเวลาอนาคตคงไม่มีโบราณสถานเหลืออยู่ในประเทศไทย" อธิบดีกรมศิลปากร กล่าว

ด้านนายวัชรา พรหมเจริญ ประธานที่ปรึกษาวัดกัลยาณมิตรฯกล่าวว่า ที่ผ่านมาทางวัดก็อยากจะพุดคุยกับทางกรมศิลปากรเพื่อไม่ให้มีการทุบศาลาทั้ง2 หลัง แต่หลังจากได้รับหนังสือวัด ก็ต้องขนย้ายโต๊ะ เกาอี้ที่อยู่ในศาลารายดังกล่าวซึ่งใช้สำหรับให้สามเณรเรียนได้เรียนพระปริยัติธรรมส่วนที่กรมศิลปากรจะมีการทุบอาคารเพิ่มต่อไปอีก 22 หลังนั้นทางวัดจะรวบรวมหลักฐานและข้อมูลต่างที่กรมศิลปากรเข้ามาดำเนินการกับทางวัดเพื่อให้นักกฎหมายช่วยพิจารณาว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป ซึ่งการรื้อถอนศาลารายครั้งนี้ ถือว่ากะทันหันมากเพราะทางวัดเพิ่งได้รับหนังสือไม่นานกรมศิลปากรก็เข้ารื้อถอนแล้ว


 :91: :91: :91: :91:

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ระหว่างผู้รับเหมาเริ่มรื้ออาคารได้มีเสียงชาวบ้านบางส่วนตะโกนถามถึงอัฐิที่ญาตินำมาบรรจุไว้ภายในศาลาซึ่งเรื่องนี้ทางผู้รับเหมาชี้แจงว่าก่อนหน้านี้ได้มาทำพิธีจุดธูปบอกกล่าวแล้วและทางกรมศิลปากรก็จะประสานญาติและนำป้ายมาติดประกาศให้นำออกไปบรรจุในที่อื่นแทนส่วนชาวบ้านที่สนับสนุนการดำเนินงานของกรมศิลปากรบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า รู้สึกเสียดายที่มีการทุบเหมือนกันแต่ก็ควรทำเพราะชาวบ้านอยากได้ของเดิมกลับมาซึ่งไม่ได้ชำรุดเสียหายเลย ทั้งนี้ทางสน.บุปผารามจะส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจมาประจำที่วัดตลอดเวลาที่ดำเนินการรื้อถอนเพื่อให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย และป้องกันปัญหาการทะเลาะวิวาทที่อาจเกิดขึ้นได้


ขอบคุณภาพข่าวจาก : http://www.dailynews.co.th/education/337214
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ

ธัมมะวังโส

  • ธัมมะวังโส
  • ผู้บริหารเว็บ
  • โยคาวจรผล
  • *
  • ผลบุญ: +180/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 7283
  • Respect: +6
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
Re: รื้อศาลาผิดกฎหมายในวัดกัลยาณ์
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: กรกฎาคม 24, 2015, 09:07:40 pm »
0
ยุคมืดของพระสงฆ์ เริ่มแล้ว .....
ตอนนี้ พระสงฆ์ เริ่มจะไม่ใช่สัญญลักษณ์ ของ บุญ แล้ว
 ที่จริงเรื่อง ความเสื่อมศรัทะาของพระสงฆ์ จริง ๆ มันเริ่มมาหลายสิปปีแล้ว แต่ ก็ได้กลุ่มพระสงฆ์ ที่มุ่งเผยแผ่เรื่องศีลธรรม จริยธรรมฟื้นฟูกลับมาครั้งหนึ่ง แต่ครั้นหมดผู้นำ ก็เริ่มกลับไปสู่ยุคเดิม คือ ยุคที่สงฆ์ เอาแต่ ชี้ทางเรื่องเทวดา สะเดาะห์ ดูดวง เสก สวด และ ก้าวเข้าสู่ยุค โลกาภิวัฒน์ คือ ชาวโลก เรามี เช่น ความเห่อในเรื่อง ป.ตรี ป.โท ป.เอก เป็นต้น พระสงฆ์ยุคปัจจุบัน มุ่งเรียนแบบชาวโลก คือ การเป็น นิสิต มหาวทยาลัยต่าง ๆ ตามความถนัด และตั้งค่านิยม ว่า ต้อง มี วุฒิ  ป.ตรี โท เอก ในขณะเดียวกัน ทางสายธรรม ไม่มีใครสนใจ นธ.ตรี โท เอก ก็ มัวหมองเพราะการโกงสอบ เดี่ยวนี้มีให้โควต้า ด้วย ซ้ำไป บาลี ปธ. ต่าง ๆ นั้น ไม่มีค่านิยมในหมู่ พระนิสิต เพราะว่า สอบยาก มหายาก แต่บางครั้ง ก็เกิดวิบัติว่า คนที่ไม่เคยไปเรียน มัวแต่ทำงานที่นั่น ที่นี่ ท่องจำไวยากรณื ไม่ได้แต่สอบได้ .. จนเป็นที่กังขา ของผู้รู้ว่า สอบได้อย่างไร ?
  ตอนนี้พระสงฆ์ เดินทางปลอดภัยน้อยลง
  ความระบาดของพระปลอม และ พระต่างชาติ ทั้งพม่า เขมร เข้ามาหากินในเมืองไทย เสียภาพลักษณ์ ของเนื้อนาบุญ ประกอบกับพระสงฆ์ ในปัจจุบันไม่สนใจ หรือ ขวนขวายเรื่องการภาวนา แต่สนใจแต่เรื่องโลกเป็นส่วนใหญ่ เรื่องยศ ลาภ สักการะ

   ทัั้งนี้ ที่ละเมิดพระธรรมวินัย มีมากขึ้น โดยเฉพาะ พระที่ได้รับการแต่งตั้ง ถึงขั้นพระปกครองต่าง ๆ อย่างที่มีข่าวออกมา ถึงกับมีการเข่นฆ่า เพื่อชิงตำแหน่งกัน ไป ตามข่าวที่ออกมา

   ดังนั้น ภาพลักษณ์ ของพระสงฆ์ ในสายตาของ ชาวพุทธในปัจจุบันนั้น เป็นภาพวุ่นวาย มากกว่า ความสงบ

  กรณีอย่างที่ ระบบรารชการทำไมต้องลงมือถึงขนาดนี้ ก็เพราะว่า มันมีเรื่องลึกมากกว่า เรื่องนี้ แต่บางทีวัดเองก็น่าหมั่นไส้มากขึ้น โดยเฉพาะวัดใน กทม. นั้น หากินอย่างเดียว ค่าน้ำ ค่าไฟฟ้า ค่าจอดรถ ค่าใช้ห้องน้ำ ค่่าอะไร ต่าง ๆ นั้นมันมีมากเหลือเกิน ขนาดเป็นพระยังถูกเก็บเลย แค่เข้าห้องน้ำ ยังต้องถูกเก็บเลย เมื่อก่อนเขาเรียกว่า แล้วแต่บริจาค แต่พระไม่ต้องบริจาค เดี๋ยวนี้เปิดประตูออกมา หลวงพี่ค่าห้องน้ำ สองบาท คะ

   ต่อไป ยุคมืดของพระสงฆ์ ใกล้เข้ามาแล้ว จะเป็นช่วงที่พระสงฆ์ ไปที่ไหนก็ไม่ปลอดภัย

   เจริญพร

 
บันทึกการเข้า
เว ทา สา กุ กุ สา ทา เว ทา ยะ สา ตะ ตะ สา ยะ ทา สา สา ทิ กุ กุ ทิ สา สา กุ ตะ กุ ภู ภู กุ ตะ กุ

ธุลีธวัช (chai173)

  • ปัญญา นัตถิ อฌายโต “ปัญญาไม่มีแก่ผู้ไม่พินิจ”
  • ศิษย์ตรง
  • โยคาวจรผล
  • *****
  • ผลบุญ: +35/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 2905
  • Respect: +2
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
Re: รื้อศาลาผิดกฎหมายในวัดกัลยาณ์
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: กรกฎาคม 24, 2015, 10:02:13 pm »
0
พระบัณฑิตสงฆ์คันถธุระเป็นที่เฟื่องฟูในปัจจุบันทั้งยังรั้งบทบาทสาธารณะสงเคราะห์ให้มีให้เป็น สงฆ์ภาวนาข้างฝ่ายวิปัสสนาธุระบทบาทนั้นถูกลดทอนลงให้เป็นรองซะงั้น ครั้นจะหนีเร้นป่าก็ใช่ว่าปลอดภัย ผมเคยไปเข้ากลุ่ม Bike Team ร่วมทำโป่งดินเค็มเลี้ยงช้าง ณ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าซับลังกา เป็นพื้นที่ป่าในราชินูปถัมภ์ ซึ่งสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงใช้พระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ซื้อช้างนำมาปล่อยเลี้ยงในเขตป่าฯ ทั้งนี้พื้นที่ป่ามีอาณาเขตครอบคลุมพื้นที่ถึง 3 จังหวัดด้วยกัน (ลพบุรี,เพชรบูรณ์ และ ชัยภูมิ) ผมดั้นด้นเข้าเยี่ยมชมพื้นที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าซับลังกา พบเห็นเศษกองไฟสุมทิ้งไว้กลับได้รับการบอกกล่าวจากเจ้าหน้าที่รักษาป่าว่า นั่นเป็นกองไฟสุมของกลุ่มภิกษุธุดงค์ที่ทางเจ้าหน้าที่รักษาป่าผลักดันออกไปถ้าเจอ แม้ในป่าก็ใช่ว่าพระสงฆ์จะธุดงค์จรกันได้ปลอดภัย หากลุกล้ำเข้าเขตป่าอนุรักษ์เจ้าหน้าที่อาศัยกฏหมายจัดการได้ เป็นเสียอย่างนี้อย่าหมายคิดอยากทำบุญเอากับพระปฏิบัติภาวนากันเลยนะขอบอก สงฆ์อยู่ป่าเร้นคนคงต้องเร้นไกลโน้นเมืองพญานาคครับ เรียกว่าลงบาดาลกันหละคราวนี้  คนเรามีบ้านอยู่เมืองวุ่นวายไม่เลิกมันน่าเศร้า
บันทึกการเข้า
ศรัทธา, ศีล, พาหุสัจจะ, วิริยารัมภะ, ปัญญา