
สำหรับจดหมาย แต่ละท่านที่ส่งมาปรับทุกข์ กับอาตมา ในเรื่องต่าง ๆ นั้น
หลังจากเมื่อวานออกจากสมาธิ ก็ได้เปิดอ่านจดหมายไปตามลำดับ ประมาณ 160 กว่าฉบับ มีข้อความปรับทุกข์เป็นส่วนใหญ่ มีตั้งแต่ ป่วยหนัก ญาติเสีย เป็นอัมพฤต อัมพาต ถูกโกงที่ดิน แฟนมีชู้ ตกงาน และอีกสาระพัดที่ได้อ่าน แม้ท่านทั้งหลาย จะเขียนจดหมายมาขอ ทรัพย์จากอาตมา เพื่อไปลงทุน จะดั้นด้นเดินทางมาหา จากที่ไกล
สรุปรวมความสาระทุกข์ ของแต่ละท่าน
อาตมา ก็มีความเห็นใจ ทุกท่าน ไม่อยากให้ท่านทั้งหลาย ประสบทุกข์ อย่างที่ท่านเล่ากันมา ยามเจ็บป่วย ตกทุกข์ นึกถึงกัน ก็เป็นธรรมดา แต่ก็จนใจที่ไม่สามารถจะช่วยท่านทั้งหลาย ได้ถ้วนหน้าทุกคน ที่ช่วยได้ทันที ก็คือ การมอบธรรม เตือนสติ ว่า อย่าประมาท วันนี้ยังมีลมหายใจ อยู่ อย่าท้อ อย่าถอย อย่าคร่ำครวญ อย่าสำออย อย่าบ่น อย่าเพ้อฝันทำเพ้อเจ้อ แต่จงมีสติระลึกถึงลมหายใจเข้า ระลึกถึงลมหายใจออก
ใครที่มองเห็นโทษแห่งสังสารวัฏ ก็ควรพิจาณา พระดำรัสของพระพุทธเจ้า ต่อไปนี้
พระสุตตันตปิฎก มัชฌิมนิกาย มูลปัณณาสก์ (๓. โอปัมมวรรค)
๖. ปาสราสิสูตร
(๒๗๖) ภิกษุทั้งหลาย เมื่อก่อนเราเป็นโพธิสัตว์ ยังไม่ได้ตรัสรู้
ตนเองมีความเกิดเป็นธรรมดา ก็ยังแสวงหาสิ่งที่มีความเกิดเป็นธรรมดาอยู่นั่นแล
ตนเองมีความแก่เป็นธรรมดา ก็ยังแสวงหาสิ่งที่มีความแก่เป็นธรรมดาอยู่นั่นแล
ตนเองมีความเจ็บไข้เป็นธรรมดา ก็ยังแสวงหาสิ่งที่มีความเจ็บไข้เป็นธรรมดาอยู่นั่นแล
ตนเองมีความตายเป็นธรรมดา ก็ยังแสวงหาสิ่งที่มีความตายเป็นธรรมดาอยู่นั่นแล
ตนเองมีความเศร้าโศกเป็นธรรมดา ก็ยังแสวงหาสิ่งที่มีความเศร้าโศกเป็นธรรมดาอยู่นั่นแล
ตนเองมีความเศร้าหมองเป็นธรรมดา ก็ยังแสวงหาสิ่งที่มีความเศร้าหมองเป็นธรรมดาอยู่นั่นแล
เราเองมีความแก่เป็นธรรมดา ทราบชัดถึงโทษในสิ่งที่มีความแก่เป็นธรรมดาแล้ว
ควรแสวงหานิพพานที่ไม่มีความแก่ ไม่มีธรรมอื่นยิ่งกว่า และเกษมจากโยคะ
เราเองมีความเจ็บไข้เป็นธรรมดา ทราบชัดถึงโทษในสิ่งที่มีความเจ็บไข้เป็นธรรมดา
แล้ว ควรแสวงหานิพพานที่ไม่มีความเจ็บไข้ ไม่มีธรรมอื่นยิ่งกว่า และเกษมจากโยคะ
เราเองมีความตายเป็นธรรมดา ทราบชัดถึงโทษในสิ่งที่มีความตายเป็นธรรมดา
แล้ว ควรแสวงหานิพพานที่ไม่มีความตาย ไม่มีธรรมอื่นยิ่งกว่า และเกษมจากโยคะ
เราเองมีความเศร้าโศกเป็นธรรมดา ทราบชัดถึงโทษในสิ่งที่มีความเศร้าโศก
เป็นธรรมดาแล้ว ควรแสวงหานิพพานที่ไม่มีความเศร้าโศก ไม่มีธรรมอื่นยิ่งกว่า
และเกษมจากโยคะ
เราเองมีความเศร้าหมองเป็นธรรมดา ทราบชัดถึงโทษในสิ่งที่มีความเศร้าหมอง
เป็นธรรมดาแล้ว ควรแสวงหานิพพานที่ไม่มีความเศร้าหมอง ไม่มีธรรมอื่นยิ่งกว่า
และเกษมจากโยคะ
ผู้ได้ อุปายาส สาระทุกข์ พึงสังวร ในธรรมเฉพาะหน้า เห็นโทษแห่งสังสารวัฏ ว่า ความเป็นธรรมดาทั้งหลายเหล่านั้น ย่อมเบียดเบียนผู้ที่ต้องเกิดอีกต่อไป ทุกภพ ทุกชาติ ทุกขณะ
สังสารวัฏ มีความรัก เป็นมูล มีทุกข์เป็นผล ย่อมผิดหวัง มากกว่า สมหวัง ย่อมถูกประหารด้วยกาย ด้วยวาจา ด้วยใจบ้าง สัตว์ทั้งหลายล้วนแล้วต้องช้ำชอก ร้องไห้จนน้ำตาแห้งแล้วแห้งอีก คร่ำครวญแล้ว คร่ำครวญอีก อย่างไม่รู้จบ ไม่รู้สิ้น
สัตว์ทั้งหลาย ล้วนแล้วตั้งข้ออ้างเพื่อให้ตนได้สมหวัง แต่ก็มิได้สมหวัง ไม่มีสัตว์ที่มีปาณะชาติ เหล่าใด ถึงที่ความสมหวัง เพราะการเวียนว่ายอยู่ในสังสารวัฏ แห่งนี้ ลาภ ยศ สุข สรรเสริญ เป็นสิ่งที่อันมารทั้งหลายล่อหลอกสัตว์เหล่านั้น ให้ติดอยู่ในร่างแห แห่งวัฏฏะ และสัตว์ทั้งหลายที่ติดร่างแหนั้น ก็ถูกมารบีฑา ย่ำยี ด้วย ความเสื่อมลาภ เสื่อมยศ ทุกข์ และ นินทา
นานนับเป็น สตวรรษ ทศวรรษ วิวัฏฏะ กัปป์ ภัททกัปป์ อสงไขย ที่สัตว์ทั้งหลาย ล้วนแล้วแต่ ถูกมารล่อหลอก และย่ำยี ด้วย คำว่า สุข และ ทุกข์ อันเจือปน ในสังสารวัฏ มีบุรุษ และ สตรี เด็ก คนชรา บัณฑิต และ คนทราม ล้วนแล้วก็หลงชื่นชม ในคำลวงของมาร ที่ให้ไว้ ดั่งสัญญา ว่า แกทั้งหลาย ถ้ายังอยู่ในสังสารวัฏ นี้ จักได้สมความปรารถนา เป็น บุรุษ เหนือ บุรุษ เป็น สตรี เหนือ สตรี เป็น บัณฑิต เหนือ บัณฑิต เป็นผู้เลิศในโลก
คำล่อลวงที่ มารทั้งหลายสร้างไว้ ถูกส่งข้อความเข้าไปเป็นอนุสัย สันดาน ของ สัตว์ทียังเวียนว่ายตายเกิดนี้อย่างไม่สูญสิ้น
จนกระทั่ง พระพุทธเจ้า ได้อุุบัติอีกครั้ง นานนับอสงไขย ในภัทรกัปป์เป็นองค์ที่ 4 มีพระนามว่า โคตมาศากยพุทธเจ้า ผู้มาโปรดและส่งคำบอกอันเป็นรหัส แก่สัตว์ทั้งหลาย ที่พึ่งรู้ข้อความลับนั้นโดยตรง ซึ่งก็มีไม่นาน พระธรรมถูกเปิดเผยอีกครั้ง โดยจอมพระศาสดา ผู้เป็นครูของเทวดาและมนุษย์ ประตูอมตะที่ถูกซ่อนได้เผยอีกครั้ง แต่เพราะอำนาจของมารก็ยิ่งใหญ่ แม้จะมีพระพุทธเจ้าอุบัติขึ้นมาก็ตาม แสงแห่งธรรมก็มิได้สาดส่องไปถึงทุกที่ในจักรวาล ยังมีสัตว์ที่ยังต้องคร่ำครวญ ปริ่มใจจะขาด อีกมากมาย
ที่กล่าวมานี้ อยากให้ท่านทั้งหลายพิจาณาธรรม ในเฉพาะหน้า อย่าได้ง่อนแง่นคลอนแคลน เพราะความลำบาก ที่เกิดขึ้นแม้มันจะเจ็บปวด แสนสาหัส ก็จงอาศัยโอกาสที่มีนี้ ไปสู่ประตูอมตะนั้นเถิด เพราะผู้ที่คอยเปิดประตูไว้นั้น เริ่มจักหมดแล้ว เราทั้งหลายยังอยู่ในช่วงที่พระพุทธศาสน์ ยังเจริญไม่ใช่บั้นปลาย ควรยินดีต่อธรรมอันมีขึ้นในเฉพาะหน้า
ยามทุกข์ก็พึ่งเปล่งวาจา ว่า พุทธัง สรณัง คัจฉามิ ธัมมัง สรณัง คัจฉามิ สังฆัง สรณัง คัจฉามิ อย่าได้ขาดสติ จงมี พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เป็นที่ระลึกเถิด
เจริญธรรม / เจริญพร