ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: 10 วิธีบำบัดความเครียด.! สำคัญที่สุด คือ 'อย่าคิดซ้ำ'  (อ่าน 973 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 29340
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0

10 วิธีบำบัดความเครียด.! สำคัญที่สุด คือ 'อย่าคิดซ้ำ'

"ความเครียด" เป็นปัญหาที่เราไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้และต้องเผชิญอยู่ทุกวัน ส่วนใหญ่มาจากการใช้ชีวิตที่เร่งรีบและสังคมที่เต็มไปด้วยการแข่งขัน

"ความเครียด" เป็นปัญหาที่เราไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้และต้องเผชิญอยู่ทุกวัน ส่วนใหญ่มาจากการใช้ชีวิตที่เร่งรีบและสังคมที่เต็มไปด้วยการแข่งขัน ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนแต่ทำให้เราเครียดได้โดยไม่รู้ตัว หากปล่อยปละละเลยให้ความเครียดรบกวนจิตใจ และสะสมเป็นเวลานาน อาจส่งผลกระทบต่อร่างกายและจิตใจที่ไม่ดีตามมาอีกมายมาย

นพ.ปราการ ถมยางกูร” จิตแพทย์ กลุ่มงานจิตเวช โรงพยาบาลราชวิถี อธิบายว่า "ความเครียด" เกิดขึ้นได้ทุกวัย และเกิดจากหลายปัจจัย ไม่ว่าจะด้านของเศรษฐกิจที่ขึ้นๆ ลงๆ สังคม สิ่งแวดล้อม การเป็นอยู่ในชีวิจประจำวัน การคาดหวังว่าจะต้องสมหวัง รวมไปถึงความรัก ที่ปัจจุบันมีทั้งรักต่างวัย รักต่างเพศ รักเพศเดียวกัน โดยช่วงอายุ 25-34 ปี จะเป็นช่วงที่เกิดความเครียดมากที่สุด และเกิดอัตราการฆ่าตัวตายมากที่สุด ถึง 4,000 รายต่อปี โดยคนเหล่านี้ส่วนใหญ่จะมองว่า ตัวเองไม่มีประโยชน์ ไม่รู้จะอยู่ไปทำไม อยู่ไปก็ไม่มีใครชอบ ไม่อยากเจอใคร อาจเกิดจากการเครียดสะสม หรือป่วยเป็นโรคซึมเศร้า


"ในขณะที่มีผู้คนจำนวนไม่น้อยที่ฆ่าตัวตาย แต่ไม่สำเร็จ จำนวนสูงถึง 10,000ล้านรายต่อปี ส่วนใหญ่จะอยู่ในพื้นที่ภาคเหนือคือ เชียงใหม่ เชียงราย น่าน จันทบุรี (ข้อมูลล่าสุดของปี 2557) ผู้ที่มีความเครียดสะสม จะส่งผลเสียต่อร่างกายทั้งภายในและภายนอก ไม่ว่าจะเป็นอาการปวดหัว ความเหนื่อยล้าของร่างกาย ประสิทธิภาพในการทำงานที่ลดลง รวมถึงโรคซึมเศร้า บางรายถึงขั้นป่วยเป็นจิต"

“วัยทำงาน” ถือเป็นช่วงวัยที่เกิดการเครียดมากเป็นอันดับแรก หากเกิดอาการตึงเครียด ควรหยุด และละสายตา จากการทำงาน อาจพักสมองด้วยการ นั่งพัก จินตนาการไปถึงช่วงเวลาที่เรามีความสุข ฟังเพลง หรือหันไปคุยกับเพื่อนร่วมงานบ้าง เพื่อให้ร่างกายได้ผ่อนคลายและลดอาการตึงเครียด

ดังนั้นเพื่อให้ชีวิตคุณ...กลับมากระปรี้กระเปร่าดี๊ดีกันอีกครั้ง เราจึงมี 10 วิธีที่จะช่วยผ่อนคลายความเครียดไม่ให้พุ่งปรี๊ดจนเสียสุขภาพจิตมาฝากกัน

 :96: :96: :96: :96:

1.ดนตรีคลายเครียด นั่งปล่อยใจให้ล่องลอยอย่างเป็นธรรมชาติ แล้วฟังเพลงเบาๆ ทั้งเสียงของดนตรีบรรเลง หรือเสียงธรรมชาติ เช่น คลื่น..เสียงน้ำตก..เสียงนกร้อง

2.พูดคุยคลายเครียด แม้ว่าหัวใจสาวมั่นจะแข็งแกร่งเพียงใด ก็ยังต้องการที่พึ่งพิงเสมอ ยกหูโทรศัพท์หาเพื่อนรู้ใจสักคน แล้วระบายความรู้สึกให้เพื่อนได้รับรู้ อย่างน้อยก็ยังรู้สึกว่า ไม่ได้แบกปัญหาอยู่คนเดียวในโลก

3.นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ จะช่วยให้คุณสดชื่นขึ้นได้มาก เหมือนได้ชาร์จแบตเตอรี่ในร่างกายใหม่ ให้เราสดชื่น ผ่อนคลาย เอาเรื่องเครียดปัญหาต่างๆ วางไว้นอกตัว ไม่เอามาคิดตอนนอน


4.เขียนไดอารี่ เปรียบเสมือนการเปิดประตูอารมณ์ที่ปล่อยให้ความอัดอั้นตันใจต่างๆ ให้ไหลลงสู่หน้ากระดาษอย่างเป็นอิสระและเป็นส่วนตัวที่สุด เพราะการถ่ายเทความรู้สึกในใจออกมา จะทำให้จิตใจปรับสมดุลได้เร็วขื้น

5.สร้างอารมณ์ขัน เป็นการช่วยกระตุ้นจิตใจที่แสนห่อเหี่ยวให้หัวเราะได้อีกครั้ง เนื่องจากการหัวเราะจะช่วยลดความดันโลหิตและระดับฮอร์โมนคอร์ติซอลลง (ฮอร์โมนคอร์ติซอล = ฮอร์โมนแสดงความเหนื่อยล้าในกระแสเลือด) แถมยังช่วยเสริมสร้างระดับของ "อิมโมโนโกลบูลินเอ" ซึ่งเป็นสารแอนตี้บอดี้ที่สร้างภูมิคุ้มกันให้ร่างกายอีกด้วย

6.สูดกลิ่นหอมบำบัด กลิ่นหอมของดอกไม้มีผลในการช่วยปลุกประสาทสัมผัสให้สดชื่นตื่นตัว แถมยังกระตุ้นพลังงานในจิตใจได้เป็นอย่างดี

7.พักผ่อนท่องเที่ยว หาเวลาหลบไปสูดอากาศบริสุทธิ์กับชีวิตท่ามกลางธรรมชาติสักพัก หายใจเข้าลึกๆ ช้าๆ ปล่อยสมองให้ว่างที่สุด หลบไปนอนตากน้ำค้างดูดาว หัวใจจะได้ชาร์จพลังได้ดีขึ้น

8.ผ่อนคลายกล้ามเนื้อ เริ่มด้วยการนั่งหรือนอนในท่าสบายๆ จากนั้นค่อยๆ เกร็งกล้ามเนื้อส่วนต่างๆ ขึ้นมาโดยอาจไล่จากปลายเท้า ข้อเท้า น่อง ต้นขา ลำตัว แขน มือ นิ้ว ไหล่ คอ ศีรษะ และใบหน้า เกร็งไว้สักอึดใจหนึ่ง จากนั้นค่อยๆ ผ่อนคลายย้อนกลับไปโดยเริ่มจากใบหน้า จนถึงปลายเท้า สามารถใช้การฝึกผ่อนคลายกล้ามเนื้อในยามที่รู้สึกตึงเครียด อึดอัด ไม่สบายใจ หรือแม้แต่ยามที่คุณต้องการให้สมาธิกลับคืน

9.หาสัตว์เลี้ยงเป็นเพื่อน ลองหาสัตว์เลี้ยงสักตัวมาเป็นเพื่อนเล่น เพราะการให้เวลากับสัตว์เลี้ยงตัวโปรด คุยเล่น หยอกล้อกับมันเสียบ้าง จะช่วยให้จิตใจอันแสนจะฟุ้งซ่าน สงบลงได้ แถมรู้จักการให้และมองโลกในแง่ดีมากขึ้นอีกต่างหาก

10.การสัมผัส หาใครสักคนช่วยโอบกอดหรือสัมผัสเบาๆ เวลารู้สึกเหนื่อยล้า เพราะร่างกายคนเราเวลาถูกสัมผัส จะทำให้เกิดฮอร์โมนที่ชื่อ "อ๊อกซี่โทชิน" ซึ่งมีผลในการลดระดับความเหนื่อยและความเครียด ช่วยให้ร่างกายที่กำลังอ่อนล้ารู้สึกผ่อนคลายได้อย่างไม่น่าเชื่อ

 ans1 ans1 ans1 ans1

นพ.ปราการ กล่าวเสริมว่า การจัดการกับความเครียด สิ่งที่สำคัญที่สุด คือ อย่าคิดซ้ำ สิ่งที่ผ่านมาแล้ว ให้มันผ่านไป หาเพื่อนที่ดี หาที่ระบาย มองโลกในแง่บวก คิดเสมอว่า ชีวิตยังต้องเดินต่อไป และหาเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจ เช่น การออกกำลังกาย สวดมนต์ ฟังเพลง หากรู้สึกว่าอัดอึดจนทนไม่ไหว ให้รีบปรึกษาแพทย์ หรือ โทรปรึกษาสายด่วน ที่เบอร์ 1323 สายด่วนกรมสุขภาพจิต ตลอด 24 ชั่วโมง

“ความเครียด” หรือ “ความทุกข์” นั้น เป็นสิ่งที่เราไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ จะเป็นสิ่งที่ผ่านเข้ามาแล้วก็ผ่านออกไป เกือบจะตลอดชีวิตของคนเรา

ฉะนั้น...ไม่จำเป็นต้องแบกรับความเครียดไว้ตลอดเวลา ลองมองไปรอบตัว หรือหาอะไรใหม่ๆทำ ที่จะช่วยให้ความเครียดนั้นจางหายไป

เพียงเท่านี้คุณก็จะดำเนินชีวิตในแต่ละวันได้อย่างมีความสุข และมีสุขภาพร่างกายที่ดีอีกด้วยค่ะ


จีรานุช ฤทธิสนธิ์


ขอบคุณภาพและบทความจาก : http://www.dailynews.co.th/article/347331
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ

PRAMOTE(aaaa)

  • ศิษย์ตรง
  • โยคาวจรผล
  • *****
  • ผลบุญ: +5/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: ชาย
  • กระทู้: 3598
  • ความศรัทธาคือเชื่อเรื่องการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
 gd1 like1

         ถ้าจะให้เลิกเคลียดเลย  ต้องหาทางมาปฏิบัติธรรม   ตามไตรสิกขาแล้วล่ะครับท่าน

          พระพุทธองค์ตรัสไว้ว่าไม่เกินเจ็ดปี.........ใครที่เกินแล้ว   รีบหาสำนักใหม่ครับ  แสดงว่าผิดทาง


         แนะนำให้ที่หนึ่ง......วัดราชสิทธาราม ครับ...www.somdechsuk.org
บันทึกการเข้า
การมีกัลยาณมิตร ครูบาอาจารย์ ที่สั่งสอนธรรม เป็นเรื่องที่ดี
..เชื่อเรื่องการตรัสรู้ธรรม ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
...และเชื่อในพระธรรมที่เป็นตัวแทนของพระศาสดา