ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: เดินเที่ยวย่านฝั่งธน ชมวัดไทย-จีน-ฝรั่ง-มัสยิด....รวมมิตรในย่านกุฎีจีน-คลองสาน  (อ่าน 1216 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 29302
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0
บรรยากาศริมคลองบางกอกใหญ่


เดินเที่ยวย่านฝั่งธน ชมวัดไทย-จีน-ฝรั่ง-มัสยิด
รวมมิตรในย่านกุฎีจีน-คลองสาน
โดย : หนุ่มลูกทุ่ง
     
       ช่วงวันหยุดที่ผ่านมาฉันได้มีโอกาสร่วมทริป Walking Bangkok (กรุงเทพฯเดินเที่ยว) กับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) นับว่าเป็นโอกาสที่ดีมากที่ได้เห็นมุมมองหลากหลายในกรุงเทพฯ เมืองหลวงของเรา ในครั้งนี้มาเดินเที่ยว "เส้นทางฝั่งธนบุรี : กุฎีขาว - กุฎีจีน - คลองสาน" ย่านเก่าที่ทำให้เห็นความหลากหลายที่อยู่ร่วมกันได้ของคนเมืองกรุงที่สุด เพราะย่านนี้มีทั้งวัดเก่าแก่ มัสยิดติดริมแม่น้ำ ศาลเจ้าจีน และโบสถ์คริสต์อยู่เคียงกัน หลายๆ คนอาจยังไม่เคยมีโอกาสได้ไปชื่นชมความงามของความแตกต่างที่ลงตัวนี้ ดังนั้นฉันจะขอเก็บภาพและข้อมูลมาฝากกันในวันนี้ ถือว่าเป็นอีกทริปหนึ่งที่ได้รับบุญและความสุขใจเต็มเปี่ยม

ชาวบ้านในชุมชน "กุฎีจีน"

        สำหรับชุมชนย่านกุฎีขาว-กุฎีจีน-คลองสานนี้ เป็นย่านประวัติศาสตร์ริมน้ำที่เก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งของกรุงเทพ ปรากฏการตั้งถิ่นฐานบ้านเรือนที่สืบเนื่องจากสมัยกรุงศรีอยุธยาและมีความเป็นย่านที่มีความหลากหลายของกลุ่มชาติพันธุ์สูง ความรุ่งเรืองแม้จะกลายเป็นอดีต แต่มรดกวัฒนธรรมที่หลงเหลืออยู่ ไม่ว่าจะเป็นศาสนสถานต่างๆ ก็ยังคงมีให้เราได้เห็นจนถึงทุกวันนี้

เดินทางไป "วัดอรุณราชวรราม"
       
รูปปั้นยักษ์วัดแจ้ง

        การเดินทางของฉันในวันนี้จะเริ่มแรกกันที่ “วัดอรุณราชวรรามราชวรมหาวิหาร” ซึ่งเป็นพระอารามหลวงประจำรัชกาลที่ 2 เป็นวัดโบราณสร้างมาตั้งแต่สมัยอยุธยา ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกของฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา เดิมเรียกว่า "วัดมะกอก" องค์พระปรางค์กำลังอยู่ระหว่างการซ่อมแซมครั้งใหญ่ แต่ยังคงมองเห็นสถาปัตยกรรมอันสง่างาม องค์พระปรางค์ประดับประดาไปด้วยกระเบื้องเคลือบ ถ้วยชามแบบสมัยโบราณ เปลือกหอย เป็นลวดลายดอกไม้ ใบไม้ และลายอื่นๆ มีรูปปั้นมารแบกเรียงรายอยู่โดยรอบ ลองคิดดูว่าช่างไทยสมัยก่อนต้องใช้แรงงานและแรงใจเท่าไรในการรังสรรค์งานเหล่านี้ขึ้นมา คิดแล้วก็น่ายกย่องจริงๆ
       
       เราเดินจากวัดอรุณฯ เข้าสู่ถนนอรุณอมรินทร์ ข้ามคลองบางกอกใหญ่ ก่อนจะมาแวะที่ "มัสยิดบางหลวง" (กุฎีขาว) เป็นมัสยิดแห่งเดียวที่สร้างเป็นอาคารแบบโบสถ์ในพุทธศาสนา ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงการผสมผสานทางวัฒนธรรมของไทยและมุสลิม และอาจจะเรียกได้ว่าเป็นมัสยิดแห่งเดียวในโลกที่สร้างในลักษณะโบสถ์ของไทยงดงามยิ่งนัก


"พระปรางค์วัดอรุณราชวราราม" ที่กำลังบูรณะ
       
ริมฝั่งแม่เจ้าพระยามองไปยังสะพานพุทธฯ

        จากกุฎีขาว เราเดินลัดเลาะย่านชุมชนเข้าสู่ทางเดินริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาเพื่อมายัง "วัดกัลยาณมิตร" ฉันได้ไปนมัสการหลวงพ่อซัมปอกง ซึ่งเป็นพระพุทธรูปองค์ใหญ่ประดิษฐานอยู่ภายในพระวิหารวัดกัลยาณมิตร โดยหลังจากเดินสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั่วทั้งวัดแล้ว ก่อนจากเราก็ขอแวะทำบุญด้วยการถวายสังฆทาน รวมถึงทำทานให้อาหารปลาและอาหารนกที่บริเวณศาลาท่าน้ำ และนั่งเล่นชมวิวทิวทัศน์ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาอีกซักหน่อย
       
       ที่อยู่ติดๆ กับวัดกัลยาณมิตรคือศาลเจ้าเก่าแก่ “ศาลเจ้าเกียนอันเกง” หรือที่ชาวบ้านมักเรียก "กุฎีจีน" ศาลเจ้าของชาวจีนฮกเกี้ยน สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 3 ด้วยสถาปัตยกรรมจีนในสมัยราชวงศ์เชง เพื่อประดิษฐานองค์พระโพธิสัตว์เจ้าแม่กวนอิม เราเข้าไปไหว้พระโพธิสัตว์กวนอิมที่ประดิษฐานอยู่ภายใน


"ศาลเจ้าเกียนอันเกง"
       
มุมหนึ่ง ณ วัดกัลยาณมิตร

"โบสถ์ซางตาครู้ส"

        และถัดไปจากศาลเจ้าเกียนอันเกง ก็เป็นที่ตั้งของ "โบสถ์ซางตาครู้ส" อีกหนึ่งศาสนสถานของชาวคริสต์อันโดดเด่นริมแม่น้ำเจ้าพระยา โบสถ์แห่งนี้เป็นโบสถ์คริสต์ของนิกายโรมันคาทอลิกแห่งแรกในฝั่งธนบุรี โดยบาทหลวงยาโกเบ กอรร์ ผู้นำกลุ่มชาวโปรตุเกสในขณะนั้นได้สร้างโบสถ์หลังแรกขึ้นในที่ดินที่พระราชทานโดยสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ตัวโบสถ์เป็นสถาปัตยกรรมแบบนีโอคลาสสิคผสมกับเรเนอซองส์ นอกจากจะเป็นศูนย์รวมใจของคริสตศาสนิกชนชาวกุฎีจีนแล้ว ปัจจุบันก็ยังเป็นศูนย์รวมใจของคริสตศาสนิกชนในละแวกใกล้เคียงอีกด้วย

ภายในโบสถ์ซางตาครู้ส
       
อีกมุมที่ พระบรมธาตุมหาเจดีย์ "วัดประยุรวงศาวาส"

        เราเดินต่อมุ่งหน้าไปยัง "วัดประยุรวงศาวาส" มาชมพระบรมธาตุมหาเจดีย์ พระเจดีย์องค์ใหญ่ทรงกลม ที่มีความสวยงดงามและเด่นมาก และยังได้รับรางวัลอนุรักษ์ศิลปสถาปัตยกรรมดีเด่น ประจำปี 2553 อีกด้วย ภายในวัดยังมี "เขามอ" ซึ่งเป็นภูเขาจำลองขนาดใหญ่ ตั้งอยู่กลางสระน้ำ เป็นอีกมุมหนึ่งของวัดนี้ที่เดินผ่านแล้วรู้สึกผ่อนคลายด้วยความร่มรื่นของต้นไม้ ทั้งยังมีคนมาให้อาหารเต่า มีหนังสือให้ผู้ที่ผ่านไปมานั่งอ่านอีกด้วย เรียกได้ว่าใครที่เดินตากแดดมาทั้งวันร้อนๆแบบฉัน ได้นั่งพักบริเวณเขามอแห่งนี้จะรู้สึกดีมากทีเดียว

พระบรมธาตุมหาเจดีย์
       
"เขามอ วัดประยูร” ร่มรื่นมากๆ
       
ภายใน “มัสยิดกูวติลอิสลาม” หรือ “ตึกแดง”

        หลังจากที่นั่งพักเติมพลังที่ “เขามอ” เรียบร้อยแล้ว ฉันจึงเดินทางต่อไปที่ “มัสยิดกูวติลอิสลาม” หรือ “มัสยิดตึกแดง” ซึ่งตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาใกล้เชิงสะพานพุทธฯ ชาวมุสลิมที่อาศัยอยู่ในชุมชนนี้จะเป็นชาวเชื้อสายปัตตานี ที่มีฝีมือด้านการทำทองและนาค และยังถนัดในด้านการค้าขาย โดยชาวมุสลิมสกุลดังๆ ที่เคยอาศัยอยู่ย่านนี่ก็เช่น นานา วงศ์อารยะ อมันตกุล แต่ในปัจจุบันนี้เหลือคนที่อาศัยมาแต่ดั้งเดิมแค่ 10 หลังคาเรือนเท่านั้น

“วัดพิชยญาติการาม”

        จากย่านสะพานพุทธเราเดินต่อมายังย่านคลองสาน มาเยี่ยมชมสถานที่สุดท้ายคือ “วัดพิชยญาติการาม” อยู่ใกล้สะพานพุทธฯ แถววงเวียนเล็ก ที่มีจุดเด่นตรงที่มีภาพสลักหินเรื่อง "สามก๊ก" อยู่ตรงฐานอุโบสถด้านนอก ระหว่างเสาพาไลแต่ละต้นรวมทั้งหมด 22 ภาพ นับเป็นความแปลกไม่เหมือนที่ไหน อีกทั้งยังในวัดยังมีพระปรางค์สามยอดองค์ใหญ่สง่างามอีกด้วย และที่วัดนี้มักมีผู้คนนิยมมาบวช-ปฎิบัติธรรมถือศีล กันเป็นจำนวนมาก ฉันคิดว่าวันหนึ่งฉันต้องมาลองนั่งปฎิบัติธรรมถือศีลที่วัดนี้อย่างแน่นอน เพราะภายในวัดมีความสงบร่มรื่นอย่างเห็นได้ชัด
       
       หลังจากได้เดินเที่ยวเดินชม “ย่านกุฎีขาว-กุฎีจีน-คลองสาน” แห่งนี้ ได้ชมทั้งวัดไทย วัดจีน วัดฝรั่ง มัสยิด ทั้งวิถีชุมชนเก่าแก่ของคนในย่านนี้ เรียกได้ว่าได้เห็นความหลากหลายของวัฒนธรรมที่สามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างสันติ เท่านี้ก็คุ้มค่ากับการเดินทางที่ถึงแม้จะร้อนและเหนื่อยเพียงไหนก็ตาม


ขอบคุณภาพและบทความจาก
http://manager.co.th/Travel/ViewNews.aspx?NewsID=9580000111809
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ