สนุกชิลไปอีก.! 5 สิ่งสะดุดตา 'อยุธยา' เที่ยวไหว้พระอิ่มบุญ
ถ้าพูดถึงการท่องเที่ยวชิลๆ ไม่หวือหวา แต่ผ่อนคลายและได้มีช่วงเวลาดีๆ กับครอบครัว คงหนีไม่พ้นทริปท่องเที่ยวไหว้พระ เพราะไปกันได้ทั้งบ้าน เหมาะกับนักเดินทางทุกเพศทุกวัย ใครเบื่อไหว้พระ 9 วัดในกรุงเทพฯ แล้ว ลองจัดรูทเที่ยวไหว้พระใกล้กรุงที่ จ.พระนครศรีอยุธยา ก็เป็นตัวเลือกที่ดีทีเดียว
วันนี้ ไทยรัฐออนไลน์ ขอแนะนำรูทเที่ยวไหว้พระ เอาใจนักเดินทางกรุ๊ปครอบครัวเสียหน่อย เป็นเส้นทางท่องเที่ยวใกล้กรุงเทพฯ ขับรถแค่ชั่วโมงเศษๆ ก็ถึง นอกจากไหว้พระตามวัดชื่อดังในอยุธยาแล้ว ยังมีแหล่งท่องเที่ยวอื่นๆ และกิจกรรมน่าสนใจ มาฝากด้วย
พร้อมแล้ว ตามมาลุยกันเลย

1. แรงบันดาลใจดีๆ ที่ศูนย์ส่งเสริมฯ ระหว่างประเทศ
ก่อนจะไปตะลุยไหว้พระทำบุญกัน อยากให้มาเดินเที่ยวที่ ศูนย์ส่งเสริมศิลปาชีพระหว่างประเทศ (องค์การมหาชน) อ.บางไทร จ.พระนครศรีอยุธยา ดูสักครั้ง เป็นสถานที่ที่รวบรวมงานศิลปหัตถกรรมต่างๆ ของผ้าไทยเอาไว้ รวมถึงผลิตภัณฑ์ต่างๆ ที่ออกแบบโดยใช้ผ้าไทย เป็นสินค้าส่งออกอีกด้วยลายผ้าไทยของชาวเขาเผ่าต่างๆ ไปจนถึงผ้าไหมทอลาย
ภายในกว้างขวางมากๆ จัดแสดงเป็นพิพิธภัณฑ์หลายโซน ได้แก่
- หอศิลปาชีพ : จัดแสดงพระราชกรณียกิจของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เกี่ยวกับการทรงงานด้านส่งเสริมอาชีพผ้าทอให้กับชาวไทย และทรงพระราชทานกำเนิดศูนย์ศิลปาชีพฯ จนเกิดอาชีพและรายได้เสริมจากผลิตภัณฑ์
- หอเกียรติยศ : จัดแสดงเรื่องราวและผลงานของครูศิลป์ของแผ่นดิน ครูช่างทายาทหัตถศิลป์ที่ ศ.ศ.ป. คัดเลือกขึ้นทุกปี เพื่อเป็นการยกย่องเชิดชูบุคลากรผู้สืบทอดและรักษาศิลปหัตถกรรมไทยหอศิลปาชีพ
- หอหัตถศิลป์ระหว่างประเทศ : จัดแสดงงานศิลปหัตถกรรมในระดับนานาชาติ โดยจะสลับสับเปลี่ยนนิทรรศการปีละ 1 ครั้ง โดยช่วงนี้เป็นนิทรรศการ 'วัฒนธรรมมุสลิม' มีการจัดแสดงพรมเปอร์เซีย ผ้าทอพื้นเมือง เสื้อผ้าเครื่องแต่งกายของมุสลิม ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน
- หอสุพรรณ-พัสตร์ : จัดแสดงเครื่องทองไทยโบราณที่หาชมได้ยาก และมีนิทรรศการ ผ้าโบราณไทย จัดแสดงผืนผ้า และเครื่องแต่งกายของไทย ทั้งของในวัง ชาวบ้าน ชนเผ่าต่างๆ และมีห้องจัดแสดงเสื้อผ้าของชาติอาเซียนรวม 10 ประเทศด้วยชุดชาวสิงคโปร์ ที่ห้องจัดแสดงเสื้อผ้าอาเซียน
ลวดลายต่างๆ จากภูมิปัญญาพื้นบ้าน
- หอนวัตศิลป์ : จัดแสดงผลิตภัณฑ์เชิงนวัตศิลป์ ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่สร้างสรรค์ขึ้นใหม่ ผสมผสานความโมเดิร์นเข้ากับทักษะฝีมือช่างขั้นสูง เป็นผลงานระหว่างนักออกแบบและชุมชน ส่วนใหญ่เป็นโคมไฟ ชุดโซฟา เก้าอี้ โต๊ะ ฯลฯ เก๋ เท่ ทันสมัยมากๆ ยกระดับคุณภาพเทียบเท่าสากล
2. เรียนรู้คู่ครามสีครามที่ได้
นอกจากความรู้ที่ได้จากโซนต่างๆ แล้ว ที่นี่ยังมีการจัดกิจกรรมสอนย้อมผ้าครามเป็นประจำทุกปี โดยมีวิทยากรพิเศษมาคอยแนะนำและให้ความรู้ สอนตั้งแต่ขั้นตอนแรกถึงขั้นตอนสุดท้าย คราวนี้เรามีโอกาสได้พบกิจกรรมนี้พอดี ซึ่งน่าสนใจมาก เพราะสมัยนี้ผู้บริโภคนิยมผ้าย้อมสีธรรมชาติมากกว่าสีเคมี ถ้าย้อมเองเป็นก็ถือว่าเพิ่มทักษะให้ตัวเอง ดีไม่ดีทำขายได้ด้วยเฉดสีครามตามระดับความเข้ม-อ่อน
หัดทำผ้าย้อมคราม
กิจกรรมนี้ เราได้เรียนรู้ตั้งแต่การปลูกต้นคราม การตัดกิ่งครามมาหมัก การก่อหม้อต้มคราม การวัดระดับความเข้มของสีย้อม การมัดผ้าลวดลายต่างๆ การย้อม และตากแห้ง ซึ่งบุคคลทั่วไปสามารถสมัครมาเข้าร่วมกิจกรรมได้ ติดตามหรือสอบถามได้ที่ Call Center 1289
3. ประติมากรรมอลังการ วัดใหญ่ชัยมงคล
คราวนี้ ได้เวลาไปไหว้พระเสริมมงคลกันแล้ว มาเที่ยวอยุธยาทั้งที ถ้าไม่ได้ไหว้พระคู่บ้านคู่เมือง ก็เหมือนมาไม่ถึงถิ่น เริ่มกันที่วัดซึ่งโด่งดังที่สุดอย่าง วัดใหญ่ชัยมงคล เป็นวัดเก่าแก่สร้างในสมัยกรุงศรีอยุธยา ตั้งแต่ พ.ศ. 1900มีเจดีย์อีกหลายองค์ล้อมรอบทั่วบริเวณวัด
ตั้งแต่ก้าวแรกที่ลงจากรถ ขอบอกว่าแดดแรงมากๆ เนื่องจากเราไปในช่วงบ่าย ถ้าใครไม่อยากร้อนแสบตาขนาดนี้ แนะนำให้มากันตอนเช้าๆ เวิร์กกว่า
และอีกอย่างที่สังเกตได้คือ นักท่องเที่ยวต่างชาติเยอะมากๆ ส่วนใหญ่เป็นชาวญี่ปุ่น ฝรั่งเศส และรัสเซีย อีกครึ่งหนึ่งเป็นคนไทย เดินกันขวักไขว่ หลบไหล่แทบไม่ทันแต่พอได้เดินเข้าไปชมเจดีย์และองค์พระแล้ว ก็ไม่แปลกใจเลย ว่าทำไมนักท่องเที่ยวแห่กันมาเที่ยวชมขนาดนี้ เพราะว่า องค์เจดีย์ของที่นี่ ยิ่งใหญ่อลังการมาก มีบันไดสูงให้เดินเข้าไปด้านในตรงฐานเจดีย์ได้ มีองค์พระใหญ่ และเจดีย์องค์เล็กๆ อีกมากมาย งดงามขรึมขลัง ขนาดว่าผิวด้านนอกหลุดล่อนไปตามกาลเวลา แต่ก็ยังมีเสน่ห์ดึงดูดอย่างบอกไม่ถูกพระใหญ่ อลังการ
คนมาเที่ยวเยอะมาก
วัดสวย ฟ้าสดใส
4. ห่มผ้าพระใหญ่ วัดพนัญเชิง
อีกวัดที่เป็น The Must ของอยุธยาที่ห้ามพลาดชม คือ วัดพนัญเชิงวรวิหาร นอกจากจะขึ้นชื่อเรื่องความศักดิ์สิทธิ์ของการไหว้พระขอพรแล้ว (ด้านในแต่ละห้อง จะมีพระพุทธรูปให้สักการะอยู่ทุกห้อง)ก่อนถึงห้องพระใหญ่ จะต้องเดินทะลุห้องต่างๆ ซึ่งมีพระพุทธรูปให้สักการะตามรายทาง
ไฮไลต์ของวัดนี้คือการได้ไหว้สักการะ พระพุทธไตรรัตนนายก หรือ หลวงพ่อซำปอกง หรือ หลวงพ่อโต เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย องค์พระมีขนาดใหญ่ที่สุดในจังหวัด หน้าตักกว้าง 20 เมตรเศษ สูง 19 เมตร
โดยจะมีพิธีศักดิ์สิทธิ์ที่นิยมทำกันก็คือ พิธีห่มผ้าหลวงพ่อโต เพื่อปัดเป่าสิ่งไม่ดี และเชื่อว่าเป็นการเสริมสิริมงคลให้ชีวิต ในแต่ละวันจะมีประชาชนและนักท่องเที่ยวเดินทางมาร่วมพิธีอย่างล้นหลาม โดยเฉพาะวันหยุดคนจะแน่นมาก การทำพิธีจะมีเป็นรอบๆ ไปห่มผ้าหลวงพ่อโต วัดพนัญเชิง
หน้าวัด
5. ชมพระนอนหนุนดอกบัว วัดโลกยสุธาราม
มาปิดท้ายกันที่ วัดโลกยสุธาราม วัดนี้เป็นวัดที่มีพระนอน หรือ พระพุทธไสยาสน์ องค์ใหญ่ที่สุดในอยุธยา ประดิษฐานอยู่กลางแจ้ง มีความยาว 42 เมตร สูง 8 เมตร พระพักตร์หันไปทางทิศเหนือพระนอนองค์ใหญ่ที่สุดในอยุธยา
มีจุดเด่นที่แตกต่างจากพระนอนองค์อื่นๆ คือ ที่เศียรขององค์พระ มีดอกบัวรองรับต่างหมอน แม้ว่าปูนจะหลุดล่อนไปบ้าง แต่เห็นได้ว่าดอกบัวยังมีความสมบูรณ์ชัดเจน ส่วนองค์พระก็มีผ้าจีวรห่มไว้
องค์พระนอนที่วัดแห่งนี้ มีนักท่องเที่ยวต่างชาตินิยมมาเที่ยวชมมากอยู่เหมือนกัน โดยเฉพาะชาวญี่ปุ่น และบริเวณด้านหน้าองค์พระจะมีลานให้จุดธูปเทียนบูชา ไหว้พระเพื่อความเป็นสิริมงคลนักท่องเที่ยวมาไหว้พระเยอะเชียว
กรุ๊ปท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่น
แนะนำว่าให้มาวัดนี้ช่วงเย็นๆ แดดร่มลมตก จะได้ไม่ร้อน แถมท้องฟ้าก็สดใส เป็นฉากหลังที่สวยงามมากๆ นอกจากนี้ ฝั่งตรงข้ามก็มีร้านค้าขายของที่ระลึกให้ได้ช็อปปิ้งกระจายรายได้สู่ชุมชนอีกด้วยทริปทำบุญ ไหว้พระ เสริมมงคล
ขอบคุณภาพและบทความจาก
http://www.thairath.co.th/content/531188