ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: จับตา "มารศาสนา" ปฏิบัติการทำลายศรัทธาพุทธศาสนิกชน : แก๊งปลอมบวช  (อ่าน 897 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 29355
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0


จับตา "มารศาสนา" ปฏิบัติการทำลายศรัทธาพุทธศาสนิกชน : แก๊งปลอมบวช


ปลอมบวช

ปัญหาคาราคาซังของ พุทธศาสนา โดยกลุ่มบุคคลที่ประพฤติตนเป็น “มารศาสนา” อาศัยความศรัทธาของพุทธศาสนิกชนใช้เป็นช่องทางในการหาเลี้ยงชีพ

จากข้อมูลของ ส่วนคุ้มครองพระพุทธศาสนา สำนักเลขาธิการมหาเถรสมาคม สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) ระบุชัดว่า ปัญหาการปลอมบวชเกิดขึ้นทุกปี โดยทางส่วนคุ้มครองพระพุทธศาสนาตรวจพบ และแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการจับกุมเฉลี่ยปีละประมาณกว่า 10 ราย

แม้จะดูเหมือนมีจำนวนไม่มาก แต่นั่นก็เพียงพอที่จะทำให้คนที่พบเห็นผู้ที่มาปลอมบวช แล้วไม่ทราบข้อเท็จจริง เกิดความเสื่อมศรัทธาในตัวพระสงฆ์ของพระพุทธศาสนาลงได้ เพราะผู้ที่ปลอมบวชจะแต่งกายเหมือนพระสงฆ์ทุกประการ



พระเมธีธรรมาจารย์


โดยสิ่งที่จะสังเกตได้ว่าเป็น “คนปลอมบวช” หรือ “พระสงฆ์” นั้น ทางส่วนคุ้มครองพระพุทธศาสนา แนะนำวิธีสังเกตคือ ผู้ที่ปลอมบวชจะมีพฤติกรรมที่ไม่สำรวม ห่มจีวรไม่สะอาด รุงรัง ทั้งยังบิณฑบาตมุ่งหวังแต่เงินเท่านั้น

“การปลอมบวช ส่วนใหญ่จะมุ่งเรี่ยไรเงิน แสวงหาประโยชน์ รวมทั้งมีเจตนาอื่นๆแอบแฝงอยู่ด้วย โดยจะพบผู้ปลอมบวชมากที่สุดในพื้นที่กรุงเทพมหานคร เนื่องจากเป็นเมืองใหญ่ รองลงมา คือ พื้นที่ภาคตะวันออก และจังหวัดที่อยู่ตามแนวชายแดน” นายชยพล พงษ์สีดา รอง ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาฯ กล่าวยืนยันถึงพฤติกรรมของผู้ปลอมบวช พร้อมทั้งเปิดเผยพื้นที่ที่มักจะพบกลุ่มมารศาสนากลุ่มนี้

ซึ่งสอดคล้องกับข้อมูลของ ศูนย์พิทักษ์พระพุทธศาสนาแห่งประเทศไทย ที่ระบุว่า แหล่งหากินของผู้ปลอมบวชส่วนใหญ่จะอยู่ในกรุงเทพฯ เนื่องจากเป็นเมืองขนาดใหญ่ คนอาศัยอยู่จำนวนมาก ที่ซ้ำร้ายไปกว่านั้นคือศูนย์พิทักษ์พระพุทธศาสนาฯ ยังพบข้อมูลใหม่เกี่ยวกับการปลอมบวช ซึ่งน่าวิตกกังวลเป็นอย่างยิ่ง นั่นคือ การปลอมบวชเป็นพระสงฆ์ เพื่อแสดงพฤติกรรมเสื่อมเสีย โดยมีเป้าหมายให้พุทธศาสนิกชนเสื่อมความศรัทธาในพระพุทธศาสนา

พระเมธีธรรมาจารย์ (ประสาร จนฺทสาโร) ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ ในฐานะเลขาธิการศูนย์พิทักษ์พระพุทธศาสนาฯ ยืนยันว่า ปัจจุบันปัญหาปลอมบวช นอกจากหวังลาภสักการะแล้ว ยังมีเจตนาอย่างอื่นแอบแฝงอยู่ด้วย ซึ่งทางศูนย์พิทักษ์พระพุทธศาสนาฯ ได้รับข้อมูลมาว่า มีกลุ่มผู้ที่ไม่หวังดีเข้ามาปลอม





บวชเป็นพระสงฆ์แล้วประพฤติตัวเสื่อมเสีย เช่น ดื่มเหล้า เข้าไปกินอาหารในร้านหรูๆ เที่ยวในสถานที่อโคจรของพระสงฆ์ ทั้งห้างสรรพสินค้า ตลาดนัด เป็นต้น จากนั้นจะมีการเผยแพร่ภาพออกไปทางสื่อสังคมออนไลน์ต่างๆ เพื่อให้พุทธศาสนิกชนเกิดความเสื่อมศรัทธาในพระพุทธศาสนา ซึ่งตั้งแต่ต้นปี 2558 ทางศูนย์พิทักษ์พระพุทธศาสนาฯ ได้รับแจ้งว่ามีกลุ่มบุคคลที่มีพฤติกรรมดังกล่าวเฉพาะในเขตกรุงเทพฯ นับ 100 ราย

“กรณีล่าสุดที่พบที่ จ.สงขลาเมื่อเดือน ต.ค. ที่มีภาพพระสงฆ์นั่งดื่มเหล้าในวัดแห่งหนึ่ง เมื่อตรวจสอบเชิงลึกไปแล้วก็พบว่า บุคคลที่ปรากฏในภาพไม่ใช่พระสงฆ์ ทั้งยังมีการทำหนังสือสุทธิปลอม และมีเจตนานั่งดื่มเหล้าในพื้นที่วัด เพื่อให้มีผู้มาบันทึกภาพให้เกิดความเสื่อมเสีย ซึ่งขณะนี้ ทางศูนย์พิทักษ์พระพุทธศาสนาฯ

กำลังจับตากลุ่มปลอมบวชที่มีพฤติกรรมสร้างความเสื่อมเสียให้กับพระพุทธศาสนา เพื่อรวบรวมข้อมูลประสานไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจ และสำนักงานพระพุทธศาสนาฯ เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป” เลขาธิการศูนย์พิทักษ์พระพุทธศาสนาฯ กล่าวย้ำ
“ทีมข่าวศาสนา” มองว่า จากข้อมูลของส่วนคุ้มครองพระพุทธศาสนา และศูนย์พิทักษ์พระพุทธศาสนาฯ บ่งชี้ชัดเจนว่า “กลุ่มผู้ที่ปลอมบวช” ไม่ว่าจะปลอมบวชเพื่อหวังลาภสักการะ หรือปลอมบวชเพื่อมุ่งหวังทำลายความศรัทธาต่อพระสงฆ์ในพระพุทธศาสนา ผลลัพธ์ในแง่ลบล้วนออกมาตรงกัน คือ ทำให้เกิดความเสื่อมศรัทธาในพระพุทธศาสนา

และเราเชื่อว่า หนทางที่จะช่วยกำจัด “กลุ่มมารศาสนา” กลุ่มนี้ให้หมดไป หรือให้ลดน้อยลง นอกจากพวกเราในฐานะพุทธศาสนิกชนจะต้องไม่ทำบุญกับพระสงฆ์ที่มีพฤติกรรมแปลกๆ เช่น นุ่งห่มจีวรไม่เรียบร้อย สวดมนต์ไม่เป็น วอกแวก มุ่งแต่จะเรี่ยไร่เงินทอง





อีกสิ่งหนึ่งที่สามารถทำได้คือการช่วยเป็นหูเป็นตาให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ หากพบเห็นกลุ่มบุคคลที่แต่งกายเป็นพระสงฆ์แล้วมีพฤติกรรมดังกล่าว อย่ามองผ่านไปโดยถือว่าธุระไม่ใช่ แต่ให้แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าตรวจสอบ

เพราะการแต่งกายเลียนแบบพระสงฆ์ถือว่ามีความผิดเข้าข่ายการปลอมบวช มีโทษทางอาญาจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 2,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ โดยพนักงานสอบสวนในท้องที่ที่รับแจ้งเหตุสามารถกล่าวโทษได้ทันที

ถึงเวลาแล้วที่พุทธศาสนิกชนทุกคนจะต้องช่วยกันเป็นหูเป็นตากำจัด “มารศาสนา” กลุ่มนี้ให้สูญสิ้นไปเสียทีเถอะ.....!!!


ทีมข่าวศาสนา


ขอบคุณภาพข่าวจาก
https://www.thairath.co.th/content/539755
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ