ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: มีผู้รู้ผู้ที่นับถือหลายคน พยากรณ์ว่า "เจ้าพระคุณสมเด็จท่าน เป็นพระอรหันต์"  (อ่าน 2504 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 29347
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0


สัมมาทิฏฐิ

หัวข้อธรรมะชุด ปฏิจจสมุปบาท ที่ขึ้นต้นด้วยอวิชชา ไปจบที่ ชรามรณะ...นั้น ลึกซึ้งมาก เมื่อกว่าพันปีที่แล้ว พระพุทธโฆสาจารย์ อธิบายไว้ในคัมภีร์วิสุทธิมรรค ก็นับถือศรัทธากันเรื่อยมา จนกระทั่งท่านพุทธทาส สวนโมกข์ ตั้งข้อปุจฉา...ข้อที่ต่อจากมรณะ แล้วไปจุติ...และจุติ พูดให้ง่าย ตายแล้วเกิด เกิดแล้วตาย อีกสามชาติ... จึงจะมาเริ่มต้นเกิดใหม่เป็นอวิชชารอบใหม่...นั้น น่าจะไม่ถูกต้อง

อาจารย์พุทธทาสชี้ว่า...ปฏิจจสมุปบาท ที่ขึ้นต้นและสิ้นสุด แต่ละรอบแต่ละสายนั้น...ก็คือกระบวนการแห่งความทุกข์ ที่เกิดขึ้นแต่ละครั้ง...ในใจเรา ในหนังสือพุทธธรรม ท่านอาจารย์พระมหาประยุทธ์ ไม่ตัดสิน แต่เรียบเรียงเทียบเคียงไว้ให้เรียนรู้กันเอง

สำนึกรู้ส่วนตัวผม ปฏิจจสมุปบาท มีพระผู้ใหญ่ที่ผมอยากจะใช้คำเรียก “นักเลงธรรมะรุ่นใหญ่” กล้าเข้าไปหยิบจับ มาอธิบายให้เข้าใจแจ่มแจ้ง...มีน้อยองค์ จนเมื่อได้อ่านหนังสือสัมมาทิฏฐิ ก็เกิดความรู้สึกอัศจรรย์ เหมือนเจอปาฏิหาริย์ครั้งใหญ่


 ask1 ans1 ask1 ans1

เนื้อหาจากสัมมาทิฏฐิสูตร ในพระไตรปิฎกเล่ม 11 พระสุตตันตปิฏก มัชฌิมนิกาย มูลปัณณาสก์ ตั้งแต่ข้อที่ 110-130

      พระสารีบุตรเรียกภิกษุในวัดเชตวัน สนทนาธรรม ถาม-ตอบ กัน 15 เรื่อง กุศล อกุศล ฯลฯ โดยเฉพาะเรื่องปฏิจจสมุปบาท...ชรา มรณะ ชาติ ภพ อุปาทาน ตัณหา เวทนา ผัสสะ อายตนะ นามรูป วิญญาณ สังขาร อวิชชา และอาสวะ

     เจ้าพระคุณสมเด็จฯ ทรงสอนชุดธรรมะนี้เป็นมุขปาฐะ ในรูปแบบบทอบรมจิตตภาวนา ประจำอาทิตย์ละ 2 วัน แด่พระสงฆ์วัดบวรฯและพุทธศาสนิกชน ที่ชั้น 2 ตึก สวธรรมนิเวศ ระหว่าง 24 ต.ค.2527-17 ก.ค.2528 รวม 42 ครั้ง

      พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯให้พิมพ์เผยแพร่ ครั้งแรกเมื่อปี 2528 ตรวจแก้พิมพ์ครั้งที่สอง ปี 2535 และพิมพ์น้อมถวายในการบำเพ็ญกุศลครบ 1 ปี แห่งการสิ้นพระชนม์ เจ้าพระคุณสมเด็จฯ เป็นครั้งที่สาม 24 ต.ค.2557


       :96: :96: :96: :96:

      ปฏิจจสมุปบาทเท่าที่เคยรู้ เริ่มที่อวิชชา หรือจบลงที่อวิชชา...
      พระสารีบุตรอธิบายต่อจากอวิชชา เป็นอาสวะ
      ตัวอย่างคำอธิบาย...กามที่เป็นอาสวะ หมายถึงกามคือความใคร่ที่เป็นกิเลส ซึ่งดองจิตสันดานอยู่ในภายใน โดยปกติคนไม่รู้ว่ามีกามเป็นที่เป็นอาสวะ เพราะเป็นอย่างละเอียด เหมือนตะกอนที่นอนก้นตุ่ม

      น้ำในตุ่มดูใสสะอาดบริสุทธิ์ เมื่อตะกอนนอนก้นตุ่มไม่ฟุ้ง จิตปุถุชนก็เป็นเช่นนั้น
      ขณะจิตว่าบริสุทธิ์ผ่องใส ไม่รักใคร่ ไม่ต้องการอะไร หรือบางทีอยู่ในศีลสมาธิปัญญากดทับอาสวะไว้ ก็ยังละอาสวะนี้ไม่ได้ ทำให้รู้สึกเหมือนว่า...ไม่มี


      :25: :25: :25: :25:

      ครั้งพุทธกาลพระพุทธเจ้าเป็นผู้ประทานพุทธพยากรณ์ สาวกองค์ใดสิ้นอาสวะแล้ว ก็ตรัสพยากรณ์ว่า “เป็นผู้เสร็จกิจแล้ว” เป็นที่รับรองของภิกษุและพุทธบริษัททั้งหลาย
      ภิกษุบางรูปเข้าใจว่าสิ้นอาสวะ โปรดให้เดินเข้าป่าช้าผีดิบ เห็นศพสดเกิดความรู้สึก จึงได้รู้ว่าอาสวะยังไม่หมด

      หลังพุทธปรินิพพาน ก็ยังมีผู้ที่นับถือ ถือหลักการสิ้นอาสวะเป็นสำคัญ พยากรณ์กันเอาเอง ท่านสำเร็จชั้นนั้น...ชั้นนี้
      ดังนั้น พระอรหันต์จึงมีคำเรียก “ขีณาสว” ผู้มีอาสวะสิ้นแล้ว คือมิใช่สงบจากกิเลสที่เป็นอย่างหยาบ กิเลสที่เป็นอย่างกลาง ที่คนถือศีลก็งดเว้นได้...
      ขีณาสว คือ ผู้มีอาสวะคือกิเลสขั้นละเอียดที่ดองจิตสันดานสิ้นแล้ว จึงเป็นผู้สำเร็จในพุทธศาสนา เรียกว่าพระอรหันต์


       st12 st12 st12 st12

      คำอธิบายปฏิจจสมุปบาท มีหลายวิธี นิยมสองวิธี คือ เริ่มจากอวิชชา ไปจบที่มรณะ เรียก อนุโลม และเริ่มที่มรณะ แล้วมาจบที่ อวิชชา เรียกปฏิโลม
      ปฏิจจสมุปบาทชุดพระสารีบุตร ที่เจ้าพระคุณสมเด็จญาณฯ ทรงนำมาสอน...แบบปฏิโลม เริ่มที่มรณะ แล้วย้อนมา...อวิชชา และที่พิเศษก็คือ เติม อาสวะ เข้าไป ทั้งอวิชชา และอาสวะเป็นเหตุเป็นผล กันและกัน


       st11 st11 st11 st11

      ในวันพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพ สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราชฯ...วันนี้ มีผู้รู้ผู้ที่นับถือหลายคนพยากรณ์ว่า เจ้าพระคุณสมเด็จท่าน เป็นพระอรหันต์
      ผมแค่อ่าน...หนังสือธรรมะของพระองค์ท่านบางข้อ...ขอยกพระองค์ท่านเป็นผู้รู้ธรรมะของพระพุทธเจ้า ระดับแถวหน้า พระผู้รู้มีมาก แต่พระผู้รู้ลึกรู้จริง และปฏิบัติได้จริง ในโลกนี้มีน้อยนัก.



คอลัมน์ชักธงรบ โดย กิเลน ประลองเชิง
http://www.thairath.co.th/content/549273
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ