ที่จริงปัญหา ก็ธรรมดา อันนี้
จำนวน พระพุทธเจ้า แน่ละ มีองค์ เดียว เท่านั้น ใน 1 พุทธันดร
จำนวน พระอรหันต์ ก็ต้องมีรองจากพระพุทธเจ้า
จำนวน พระอนาคามี ก็ต้องรองจากพระอรหันต์
จำนวน พระสกิทาคามี ก็ต้องรองจากพระอนาคามี
จำนวน พระโสดาบัน ก็ต้องรองจากพระสกิทาคามี
จำนวน พระโยคาวจาร ก็ต้องรองจากพระโสดาบัน
แต่ต่างกันกับปัจจุบัน ในสมัยครั้งพระพุทธเจ้า ถึงว่าจะมีน้อยแต่ไปที่ไหน ? ก็ล้วนต้องเจอพระอรหันต์ ดังนั้นจำนวนพระอริยะ ในสมัยพระพุทธเจ้า จึงมีจำนวนมาก เพราะถ้ามีจำนวนน้อยละก็แย่แน่ ๆ เพราะว่า มีลัทธิ และ ศาสนาอื่น คอยทำร้าย พระรัตนตรัย อยู่อย่างต่อเนื่อง ดังนั้นจำนวนพระอริยะที่มีมาก ๆ จึงเป็นการปกป้อง ศาสนิก ไปในตัว แต่เมื่อขาดพระศาสดา จำนวนพระอริยะน้อยลง ๆ เรื่อย ๆ พระอริยะ ประเภท อุภโตภาค ก็มีน้อยลง ที่มีฤทิธ์ ก็มีน้อยลง ถึงขั้นไม่มี ดังนั้น กิตติศัพท์ ของพระสงฆ์ที่เป็นพระอุภโตภาคนั้น จะหยุด การทำร้ายได้ แต่เมือ่ไม่มีแล้วจริง ๆ มันจึงเป็นแค่คำขู่กล่าวอ้าง ซึ่งนำอันตรายมาสู่ ศาสนิก เร็วขึ้น เหมือนครั้งนาลันทา ถูกเผา
ดังนั้นจำนวน พระอริยะ ยิ่งมีน้อย ยิ่งเป็นผลเสีย กับ ระบบพุทธศาสนา
แต่ทุกอย่างเป็นไปตามกาลเวลา
ไม่ว่า เราจะทำโดยวิธีใด ในการเผยแผ่ พระธรรม กรรมฐาน จำนวนพระอริยะ ก็จะไม่มีมากขึ้น มีแต่น้อยลง แต่จะน้อยไปอย่างช้า ๆ ซึ่งมันดีกว่า หมดไปอย่างรวดเร็ว ซึ่งทั้งหมดนั้นก็จะสอดคล้อง กับพุทธทำนายไว้ 5000 ปี ดังนั้นพุทธศาสนา ก็จะรุ่งเรือง มีผู้สืบทอด ต่อไปเรื่อย ๆ แต่จะน้อยลง ไม่ถึงกับหายหรือ ขาด จนกว่า จะ 5000 ปี