ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: สันติศึกษา : ศาสตร์ล้ำค่า ที่พระพุทธเจ้า ทรงค้นพบใต้ต้นโพธิ์  (อ่าน 922 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 29399
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0



สันติศึกษา : ศาสตร์ล้ำค่าที่พระพุทธเจ้าทรงค้นพบใต้ต้นโพธิ์ 
พระมหาหรรษา ธมฺมหาโส รายงานขณะนำนิสิตปริญญาโท สาขาสันติศึกษา มจร แสวงบุญแดนพุทธภูมิ

สันติศึกษาก่อกำเนิดเกิดจากสองศัพท์ คือ คำว่า "สันติ" กับ "ศึกษา" หรือ "สิกขา" เป้าหมายสำคัญที่พระองค์เพียรพยายามค้นหาคือ "ความสุขแท้" และเมื่อค้นพบความสุขแล้วทำให้พระองค์ถึงกับอุทาน ณ บริเวรสระมุจรินทร์ในช่วงเวลาแห่งการเสวยวิมุตติสุขว่า "สุขอื่นยิ่งกว่าสันติไม่มี" หมายความว่า ในบรรดาความสุขที่พระองค์มุ่งแสวงหามาตลอดชีวิตนั้น ไม่มีความสุขอื่นใดจะยิ่งไปกว่าสันติสุข คำถามมีว่า อะไรเป็นเครื่องมือหรือแนวทางที่นำพาพระองค์ไปพบกับสันติสุขดังกล่าวจนทำให้พระองค์ต้องอุทานออกมา คำตอบคือ "มัชฌิมาปฏิปทา" หรือ "ทางสายกลาง" ภายหลังที่พระองค์ทรงค้นพบว่า "กามสุขัลลิกานุโยค" และ "อัตตกิลมถานุโยค" เป็นหนทางสุดโต่งที่นำไปสู่การติดกำดักของความทุกข์

มัชฌิมาปฏิปทา หรือทางสายกลางที่จัดได้ว่าเป็นอริยมรรคนั้น ถือได้ว่าเป็นเครื่องมือสำคัญที่ทำให้พระองค์ค้นพบสันติสุขกลางใจ ทางสายกลางจึงเปรียบประดุจบันได ๘ ขั้น แต่ก็มีจุดพักของบันไดเป็น ๓ จุดใหญ่นั่นคือ "ไตรสิกขา" กล่าวคือ ศีล สมาธิ และปัญญา การศึกษาหรือตัวสิกขาที่จะนำพาเข้าถึงสันติได้นั้น เริ่มจากตัวปัญญาที่จำเป็นต้องอาศัยความเข้าใจที่ถูกต้องว่าทางสุดโต่งสองทางนั้นไม่มีพลังที่นำพาพระองค์เข้าถึงสันติแท้ได้ จึงทำให้พระองค์เปลี่ยนทัศนคติเสียใหม่ว่าทางสายกลางนั้นถูกต้องและประเสริฐที่สุดแล้ว

 :25: :25: :25: :25:

หลังจากนั้น พฤติกรรมของพระองค์จึงเปลี่ยนไปในเชิงบวก โดยการหันกลับมาสื่อสารกับตัวเองเพื่อพิจารณาทบทวนและเตือนตัวเอง พร้อมทั้งเริ่มปรับท่าทีให้ถูกต้อง และปรับวิถีชีวิตให้ถูกต้องเพื่อจะก้าวไปสู่สันติได้อย่างยั่งยืน ขั้นตอนสุดท้ายจึงใช้กระบวนการศึกษาคือตัวสมาธิมาตอกย้ำ ชุดของสมาธิจึงต้องเริ่มจากการเพียรมิให้อกุศลธรรมเกิดขึ้น การพยายามละอกุศลธรรมที่เกิดขึ้นแล้ว การเร่งพัฒนากุศลธรรมให้เกิด และรักษาตัวกุศลธรรมเอาไว้ให้งอกงาม ตัวแปรสำคัญที่จะทำให้ความพากเพียรประสบความสำเร็จ คือ วางสติให้ถูกต้องโดยการมีสติกำหนดรู้ที่ฐานทั้ง ๔ คือ กาย เวทนา จิต และธรรม เมื่อสติกำหนดรู้เท่าทันอารมณ์ต่างๆ ที่เกิดจากฐานทั้ง ๔ ได้ ตัวสมาธิย่อมมีพลังแก่กล้าขึ้นเรื่อยๆ โดยไต่จากขณิกสมาธิ อุปจารสมาธิ และอัปปนาสมาธิ จนทำให้พระองค์ใช้สมาธิเป็นเครื่องมือตัดราคะ โทสะ และโมหะอย่างถอนรากถอนโคนจนเข้าถึงอนุตรสัมมาสัมโพธิญาณอันหมายถึงสันติแท้ในที่สุด


 ans1 ans1 ans1 ans1

สรุปแล้ว การเข้าถึง "สันติ" จนทำให้พระองค์อุทานว่า "สุขอื่นยิ่งกว่าสันติไม่มี" นั้น เกิดจากการใช้ตัว "ศึกษา" หรือ "สิกขา" ทั้ง ๓ ประการ กล่าวคือ ศีล สมาธิ และปัญญา ซึ่งหลอมรวมเป็นมัชฌิมาปฏิปทา หรืออริยมรรค เป็นเครื่องมือสำคัญในการนำพาให้พระองค์เข้าถึงสันติ โดยเนื้อแท้ สันติศึกษาจึงมีจุดเริ่มต้น หรือก่อกำเนิดเกิดขึ้นใต้ต้นพระศรีมหาโพธิ์ ท่ามกลางความมุ่งมั่นที่ว่า "ถึงเลือดและเนื้อจะเหือดแห้งไป จะยังคงเหลืออยู่แต่เพียงหนัง เส้นเอ็น และกระดูกตามที หากข้าพเจ้ายังมิได้ตรัสรู้อนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณแล้วไซร้ ข้าพเจ้าจะมิยอมลุกขึ้นจากรัตนบัลลังก์นี้”

๔๕ พรรษาหลังจากการศึกษาจนค้นพบสันตินั้น จึงเป็นการสร้าง "สันติบารมี" ที่ยิ่งใหญ่ของพุทธองค์ภายใต้พระบริสุทธิคุณ พระกรุณาคุณ และพระปัญญาคุณ ร่วมกับพระอริยสาวกรุ่นแรก และรุ่นต่อมามากมาย โดยการนำสันติธรรมไปทำประโยชน์ให้แก่มวลมนุษยชาติ ดังปฐมบรมพุทโธวาทที่ย้ำเตือนว่า "เธอทั้งหลาย จึงเที่ยวไป เพื่อเกื้อกูล เพื่อความสุขของชนเป็นอันมาก และเพื่ออนุเคราะห์ชาวโลกเถิด" หลักสูตรสันติศึกษา ทั้งในระดับปริญญาโท และปริญญาเอก จึงไม่ใช่สาขาวิชาที่ "มวลมหาจุฬาฯ" คิดและสร้างขึ้น หากแต่เป็นสันติศึกษาที่พระพุทธเจ้าได้ใช้ชีวิตของพระองค์ลองผิดลองถูกจนสามารถพิสูจน์ทราบ และยืนยันด้วยพระองค์เองว่า "สุขอื่นยิ่งกว่าสันติไม่มี"


ขอบคุณภาพข่าวจาก
http://www.komchadluek.net/detail/20160331/225117.html#
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ