ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: “ผู้มีราตรีเดียวอันเจริญ” ความหมายที่แท้จริงของบทสวด ภัทเทกรัตตคาถา  (อ่าน 2880 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 29297
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0


“ผู้มีราตรีเดียวอันเจริญ” ความหมายที่แท้จริงของบทสวด ภัทเทกรัตตคาถา
บทความจาก นายแพทย์ชวโรจน์ เกียรติกำพล

เมื่อไม่นานมานี้ผมมีโอกาสรักษาผู้ป่วยโรคมะเร็งตับคนหนึ่งอายุประมาณ 40 ปี เธอแยกทางกับสามี หลังจากหมอวินิจฉัยว่าเป็นโรคมะเร็งใหม่ ๆทำให้เธอต้องทำงานอย่างหนักเพื่อดูแลลูกสาวซึ่งป่วยเป็นโรคโลหิตจางทาลัสซีเมียชนิดรุนแรง ภัทเทกรัตตคาถา

ช่วงแรกเธอมักเอ่ยปากขอไม่รับการรักษาใดๆ บ่อยครั้ง แม้แต่การรักษาตามอาการ เนื่องจากต้องการเอาเวลาที่มีอยู่ไปทำงานแทน ทีมผู้ให้การรักษาช่วยกันโน้มน้าวอยู่หลายวัน เธอจึงยอมรับการรักษาด้วยการใช้สายสวนเข้าไปในหลอดเลือดเพื่อฉีดยาเคมีบำบัดให้ก้อนมะเร็งยุบลง แต่เนื่องจากต้องรักษาแบบนี้หลายครั้งเธอจึงบ่นและขอยุติการรักษาอยู่เสมอ

“หากทำไปแล้วไม่ได้ผล หมอบอกฉันได้เลยนะ เวลาฉันมีไม่มาก แม้วันเดียวฉันก็ใช้ดูแลลูกสาวได้”


 :96: :96: :96: :96:

คำพูดของเธอทำให้ผมรับรู้ถึงความหมายที่แท้ของประโยคที่ว่า เมื่อคุณต้องเผชิญหน้ากับความตาย คุณจะรู้ว่าชีวิตมีคุณค่ามากแค่ไหน ช่วงหลังผมจึงไม่ตำหนิเรื่องเธอมาไม่ค่อยตรงนัด เพราะเริ่มเข้าใจความจำเป็นในชีวิตของเธอมากขึ้นแล้ว

ครั้งหนึ่งผมอ่านพบบทความของพระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ. ปยุตโต) ท่านกล่าวถึงคำที่น่าสนใจคำหนึ่งซึ่งผมไม่เคยได้ยินมาก่อน แต่พอรู้ความหมายแล้วน่าประทับใจเป็นอย่างมาก คำนั้นคือคำว่าภัทเทกรัตตชน แปลเป็นภาษาไทยว่าผู้มีราตรีเดียวอันเจริญ ท่านกล่าวไว้ว่า ใครก็ตามที่ขยันหมั่นเพียรอยู่เป็นนิจทั้งกลางวันและกลางคืน ใช้ชีวิตอยู่กับปัจจุบัน ไม่คอยหวนคำนึงถึงแต่อดีต และไม่เฝ้าฝันถึงอนาคต ท่านผู้นั้นคือคนที่พระพุทธเจ้าทรงยกย่อง แม้ว่าเขาจะมีชีวิตอยู่เพียงหนึ่งวัน หรือหนึ่งราตรี วันหรือราตรีนั้นก็เป็นวันเวลาที่เจริญ

อันที่จริงแล้วมีบทสวดมนต์หรือคาถาชื่อนี้ด้วย เรียกว่า ภัทเทกรัตตคาถา ผมขออนุญาตยกคำแปลภาษาไทยที่ไพเราะมาให้อ่านกัน

  st12 st12 st12 st12

ภัทเทกรัตตคาถา

บุคคลไม่ควรตามคิดถึงสิ่งที่ล่วงไปแล้วด้วยอาลัย และไม่พึงพะวงถึงสิ่งที่ยังไม่มาถึง สิ่งเป็นอดีตก็ละไปแล้ว สิ่งเป็นอนาคตก็ยังไม่มา ผู้ใดเห็นธรรมอันเกิดขึ้นเฉพาะหน้าที่นั้นๆ อย่างแจ่มแจ้ง ไม่ง่อนแง่นคลอนแคลน เขาควรพอกพูนอาการเช่นนั้นไว้ ความเพียรเป็นกิจที่ต้องทำวันนี้ ใครจะรู้ความตายแม้พรุ่งนี้

เพราะการผัดเพี้ยนต่อมัจจุราชซึ่งมีเสนามากย่อมไม่มีสำหรับเรา มุนีผู้สงบย่อมกล่าวเรียกผู้มีความเพียรอยู่เช่นนั้น ไม่เกียจคร้านทั้งกลางวันกลางคืนว่า “ผู้เป็นอยู่แม้เพียงราตรีเดียวก็น่าชม”

@@@@@

ครั้งสุดท้ายที่ผมได้พบกับผู้ป่วยคนนี้คือวันที่เธอมารับยาแก้ปวด เธอกล่าวคำอำลาว่า ได้ตั้งใจเด็ดขาดที่จะยุติการรักษา เพื่อจะใช้เวลาทั้งหมดที่เหลืออยู่ดูแลลูกสาวของเธอที่บ้าน แม้ผมจะเตือนว่าทำแบบนี้ไม่ดีแน่ ๆ แต่เธอก็ยืนยันตามนั้น

สุดท้ายแล้วผมและทีมผู้รักษาจึงยกสิทธิ์ในการตัดสินใจให้แก่เธอ เพราะเราต่างรู้แล้วว่าสำหรับเธอแม้เวลาเพียงวันหรือคืนเดียวก็ทำอะไรหลายอย่างที่มีค่าเพื่อลูกสาวของเธอได้มากมาย

ผมเข้าใจว่าพระพุทธองค์ทรงกล่าวเพื่อเตือนเราว่า แท้จริงแล้วความหมายที่แท้จริงของชีวิตนั้นไม่ได้ขึ้นกับเวลาหรืออายุที่ยืนยาวแต่เปล่าประโยชน์เลยชีวิตที่แท้นั้นคือชีวิตที่ไม่ประมาทมัวเมา พากเพียรกระทำความดีอยู่เป็นนิจ และถือปัจจุบันขณะเป็นที่ตั้งมากกว่า 



ขอบคุณภาพและบทความจาก
http://www.goodlifeupdate.com/30372/healthy-mind/pattegarattachon/
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ธันวาคม 22, 2016, 12:43:46 pm โดย raponsan »
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ

PRAMOTE(aaaa)

  • ศิษย์ตรง
  • โยคาวจรผล
  • *****
  • ผลบุญ: +5/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: ชาย
  • กระทู้: 3598
  • ความศรัทธาคือเชื่อเรื่องการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
ขออนุโมทนา..สาธุ
บันทึกการเข้า
การมีกัลยาณมิตร ครูบาอาจารย์ ที่สั่งสอนธรรม เป็นเรื่องที่ดี
..เชื่อเรื่องการตรัสรู้ธรรม ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
...และเชื่อในพระธรรมที่เป็นตัวแทนของพระศาสดา