ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: ฝ่าเท้าของหลวงปู่มั่นเป็นลายตาหมากรุก.!! ยืนยันลักษณะแห่งมหาบุรุษ  (อ่าน 1985 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 29345
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0
ฝ่าเท้าของหลวงปู่มั่นเป็นลายตาหมากรุก!! ยืนยันลักษณะแห่งมหาบุรุษ จากบันทึกลายมือ หลวงปู่หล้า ..ความจริงที่น้อยคนจะรู้!!

เรื่องฝ่าเท้าของหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต โดย หลวงปู่หล้า เขมปัตโต

เรื่องที่ลืมเขียนมานมนานคือ ...(ฝ่าเท้าหลวงปู่มั่นทั้งสองข้างเป็นตาหมากรุกหมดเต็มทั้งสองฝ่า) เวลาสรงน้ำ ท่านปรารภว่า (ฝ่าเท้าของเราไม่เหมือนหมู่เพียงเท่านี้) พูดค่อยๆ แบบเย็นๆ (ในยุคหนองผือ สี่ปีที่ข้าพเจ้าอยู่กับองค์ท่านนั้น) พระเณรผู้น้อยที่ถวายข้อวัตรสรงน้ำถวายองค์ท่านนั้น ผู้สงวนฟังจึงจะได้ยิน (เพราะองค์ท่านก็ปรารภค่อยแบบประหยัด ไม่แกมอวด) ส่วนข้าพเจ้าไม่ได้ ... อาจเอื้อมถูข้างบน (ระหว่างฝ่าเท้าเสมอ ๆ) จำพวกที่ถูหลัง ตัว แขน ขา ฝ่าเท้านั้น มักจะเป็นพระ ๔-๓-๒ พรรษาเท่านั้นได้ถู  พระผู้ใหญ่เหนือ ๕-๖-๗-๘-๙ ไปแล้วไม่ค่อยจะได้ถูตัว แขน ขา เพราะองค์หลวงปู่เทศน์ว่า สรงน้ำนี้เว้นให้ผู้น้อยเขาสรงเสีย  ถ้าพระผู้ใหญ่มาทำขวางผู้น้อย ผู้น้อยเขาละอายเก้อเขินเพราะเขาไม่มีทางเอื้อมมือเข้า และเขาก็กระดากละอายดังนี้




ส่วนข้าพเจ้าพรรษาอ่อน แต่อายุสามสิบกว่าในสมัยนั้นและการที่องค์ท่านปรารภว่า ฝ่าเท้าของเราไม่เหมือนหมู่นั้น องค์ท่าน-(ปรากฏว่า ปรารภครั้งเดียวเบา ๆ เท่านั้น ไม่ได้ซ้ำ ๆ ซาก ๆ อีก) ส่วนข้าพเจ้าผู้สงวนถูฝ่าเท้าก็เห็นเป็นตาหมากรุกเต็มฝ่าเท้าทั้งสองทางจริง  ข้อนี้ในชีวประวัติขององค์ท่านเล่มใด ๆ ก็ไม่ปรากฏเห็น และยุคที่องค์ท่านทรงพระชีวาอยู่ก็บันดาลดลใจ ไม่มีใครสนใจปรารภ(น่าแปลกมาก)  ข้าพเจ้าก็บันดาลลืมอีกด้วย  เรียกได้ว่า ข้าพเจ้าไม่มีพยานก็ว่าได้(แต่เอาตาหูตนเองเป็นพยาน)ยุคก่อน ๆ ก็ไม่มีท่านผู้ใดเล่าให้ฟัง(ชะรอยจะว่าดีชั่วไม่อยู่กับฝ่าเท้า อยู่กับใจกับธรรม)


เรื่องฝ่าเท้าขององค์หลวงปู่มั่นเป็นตาหมากรุกนี้เป็นของทรงพระลักษณะสำคัญมาก  แต่ก็น่าสนใจมากว่า ไฉนจึงบันดาลไม่ให้พระจำพวกผู้ใหญ่สนใจเอาลงในชีวประวัติ (กลายเป็นของไม่สำคัญไป)  ชะรอยพระผู้น้อยที่เห็นในเวลาสรงน้ำถวายแล้วไม่เล่าถวายให้พระผู้ใหญ่ฟัง  แต่ข้าพเจ้าเองก็บันดาลลืม ไม่ค่อยสนใจเล่าเลย แต่พอมาถึงยุคภูจ้อก้อตอนแก่กว่าเจ็ดสิบปีกว่าๆแล้ว จึงระลึกเห็น  เป็นของน่าแปลกมากแท้ ๆ ที่ลืม พากันลืมเขียนลง  แต่คราวองค์ท่านทรงพระชีวาอยู่ก็ดี หรือทรงพระมรณกาเลก็ดี ไม่มีท่านผู้ใดสงวนปรารภ ก็เป็นของคล้ายกับว่าอุตริขึ้นมาภายหลัง  แต่ก็ต้องอาศัยหลักของความจริง ไม่หนีจากความจริงเฉพาะตอนนี้เป็นพยาน  จริงก็ต้องเอาจริงเป็นพยาน เท็จก็ตรงกันข้าม


ชีวประวัติยุคภูจ้อก้อเป็นยุคสุดท้ายภายแก่ชราพาธ  ถ้าไม่มรณกาเลไปเสียแล้ว ชีวประวัติก็จะไม่จบได้  แต่จะอย่างไรก็ตามทีเถิด ต่างจะได้พิจารณาว่า เจตนาปฏิบัติพระพุทธศาสนาเพื่อประสงค์อะไรบ้าง และจิตใจจะอยู่ระดับใดบ้าง เหล่านี้เป็นต้น  แต่บรรยายพอสังเขปก็เอาละ  จะบรรยายไปมากก็จะเป็นหลายวรรคหลายตอนและก็ความพอดีพองามในโลกนี้ไม่รู้ว่าจะอยู่ระดับใดแน่  ถ้ามากเกินไป เล่มก็ใหญ่ ลงทุนก็มาก ท่านผู้อ่านก็จะระอาอีก  น่าพิจารณาและก็คล้าย ๆ กับว่าตนเป็นผู้ประเสริฐเลิศล้ำ ระฆังไม่ดังก็ตีจนระฆังแตก  แต่จะอย่างไรก็อาศัยเจตนาเป็นเกณฑ์ก็แล้วกันกระมัง

                - หล้า -


หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต

หลวงปู่หล้า เขมปัตโต


ที่มา : หนังสือ "ชีวประวัติ พระหล้า เขมปตฺโต"
เรียบเรียงโดยณัฐวุฒิ แจ๊ดสูงเนิน : สำนักข่าวทีนิวส์
http://www.tnews.co.th/contents/356748
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กันยายน 11, 2017, 06:53:24 am โดย raponsan »
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ

PRAMOTE(aaaa)

  • ศิษย์ตรง
  • โยคาวจรผล
  • *****
  • ผลบุญ: +5/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: ชาย
  • กระทู้: 3598
  • ความศรัทธาคือเชื่อเรื่องการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
บันทึกการเข้า
การมีกัลยาณมิตร ครูบาอาจารย์ ที่สั่งสอนธรรม เป็นเรื่องที่ดี
..เชื่อเรื่องการตรัสรู้ธรรม ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
...และเชื่อในพระธรรมที่เป็นตัวแทนของพระศาสดา