ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: สืบสานพระบัญชามาแต่ ครั้งรัชกาลที่ ๔ ทรงผนวช "จีวรสีกรัก" สีแห่งพระกรรมฐาน  (อ่าน 2353 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 29340
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0


สืบสานพระบัญชามาแต่ ครั้งรัชกาลที่ ๔ ทรงผนวช "จีวรสีกรัก" สีแห่งพระกรรมฐานแบบอย่างพระสายป่า และพระในคณะธรรมยุติกนิกาย


"จีวรสีกรัก" สีแห่งพระกรรมฐาน

คณะธรรมยุติที่สืบมาแต่สมัย พระวชิรญาณภิกขุ (หรือ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้า เจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๔ ทรงผนวช) ได้ทรงตัดสินพระทัยให้ คณะธรรมยุติกนิกาย ได้ห่มผ้าจีวรเป็นสีกรัก ด้วยความเข้าใจส่วนตัว ในการไปปฏิบัติธรรมวิปัสสนา กรรมฐาน ในป่านั้น อาจจะทำให้สีเข้ม ดูไม่เลอะเทอะสกปรก ก็เป็นได้ ธรรมยุติกนิกายจึงได้ห่มผ้าจีวรสีนี้

สีนี้เป็นสีที่จำความได้แต่เด็ก ว่าพระองค์ท่านห่มผ้าจีวรสีนี้มาโดยตลอด พาดสังฆาฏิ ดูแล้วสุภาพ เหมือนชุดสากล ที่คฤหัสถ์ ใส่เสื้อเชิ้ต ผูกเนคไทค์ ในการพิธี พระองค์ท่านจะพาดสังฆาฏิ เว้นเสียแต่เข้าวังจึงจะ ห่มจีวรซ้อนสองชั้น และผ้ารัดอก ที่เรียกว่า”ห่มดอง” ความสง่างามแห่งการห่มจีวรสีกรัก และประสานพระหัตถ์เอกลักษณ์ แห่งสมเด็จญาณฯ ทำให้ต้องระลึกถึง



ภาพจากโพสต์ในเพจป๊อปวัดบวร


ภาพนี้เห็นแล้วให้ระลึกถึงวันเก่าในอดีต(ภาพด้านบน) เป็นภาพที่ฉายหน้าประตูทางขึ้นพระตำหนักคอยท่าปราโมช แต่เดิมตั้งแต่อดีต บันไดทางขึ้นนี้มีลดหลั่นเป็นขั้น เหมาะมากสำหรับการเดินขึ้นของผู้สูงอายุและได้พัก พวกเด็กวัด ในวัยเด็ก มักจะชอบกระโดดขึ้น โดยประมาณ ๔ ขั้น

รองพระบาท จะถูกพิงที่หน้าประตูทางเข้าเสมอ ให้ได้รับรู้กันว่า พระองค์ท่าน ประทับอยู่ จะได้ไม่เสียงดังเวลาวิ่งเล่นอยู่ในบริเวณนั้น ไม้กั้น ก็กั้นไว้ เพื่อกันสุนัขวิ่งขึ้นไปนอน ซึ่งในช่วงหลังมาก่อนบูรณะ ประตูไม้กั้นก็ไม่ได้ปิด เพราะมีเจ้าจุด และเจ้าข้าวเต็ด สุนัขเจ้าที่คณะเหลือง คอยวิ่งขึ้นไปเฝ้าอยู่บริเวณบันไดทางขึ้น ไม่มีใครที่จะสามารถไล่มันให้ลงไปได้ เว้นแต่ช่วงเวลาที่พระองค์ท่านเสด็จออกจากประตู มันจึงจะวิ่งลงมารอรับอยู่ที่พื้นด้านล่าง

ทุกชีวิตที่มีความเกี่ยวข้อง อาศัยภายใต้พระบารมี พระเมตตาของพระองค์ท่านนั้น น่าจะมีความเกี่ยวข้องผูกพันธ์กันแต่ในอดีต ทุกคนตัวจริงไม่มีความทะเยอทะยานอยากในการแสวงหาผลประโยชน์ เว้นแต่ผู้แอบอ้าง  ผู้ใดเคยอาศัยวัด หน้าคุ้นก็จะรู้จักและจำกันได้ ต่อให้เวลาผ่านไปนานเพียงใด ก็ต้องคุ้น แม้กระทั่งสุนัขและแมว ที่อยู่ก็ยังจดจำกันได้ เว้นแต่ผู้ไม่รู้จัก ที่จะอวดอ้าง แอบอ้าง ตีสนิท พระองค์ท่านไม่ใช่บุคคลที่จะนำมาลดตัวตีเสมอ ใครต่อใครได้ อย่ามั่ว






Cr.ภาพ ผู้ถ่ายภาพ คุณณรงค์ เสริมสกุลวัฒน์ ผู้เผยแพร่ภาพ พระศรัณย์ ปญฺญาพโล วัดบวรนิเวศวิหาร
ที่มา FB: เพจป๊อปวัดบวร และเพจเด็กวัดเหลืองรังษี
เรียบเรียงโดยกิตติ จิตรพรหม : สำนักข่าวทีนิวส์
http://www.tnews.co.th/contents/352915
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กันยายน 19, 2017, 08:48:57 am โดย raponsan »
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ