พิมพ์

[ธัมมะวังโส]

ตามที่หลายท่านถามมาว่า ปีนี้ พอจ ให้ข้อความอะไร สำคัญ สี่ประการ สำหรับปี พ.ศ. 2561 นี้ ทบทวนจากที่ศิษย์แต่ละคน ผู้อุปถัมภ์ แต่ละท่าน ที่ล้วนตั้งคำถามมา และ พอจ ตั้งคำถามกลับ จึงเห็นว่า หลายท่าน ( 80 เปอร์เซ็นต์ ) ไม่ได้เข้าใจวิชากรรมฐาน เลย เมื่อถามกลับไป ก็ตอบกันไม่ได้ ในการถามกลับนั้น จะแบ่งการถามเป็นสามส่วน 1 จริยธรรม 2 ภาวนาธรรม 3 สมาปัตติผล แต่ ส่วนที่สาม นั้นยังไม่ได้ถามใครเลย เพราะ ว่า ส่วนใหญ่จะตอบไม่ได้ และตอบผิดในส่วนที่ 1 คือ จริยธรรม
ผู้ภาวนากรรมฐานแม้มี จิตประสงค์ มุ่งตรงพระนิพพาน แต่ก็ต้องอยู่ในสังคม การอนุเคราะห์แก่สรรพสัตว์ นั้นเป็นคุณธรรมของผู้ภาวนา ดังนั้นผู้ภาวนา ต้องงดเว้น การเบียดเบียนสัตว์ จึงต้องมีคุณธรรมพรหมวิหาร ไปในตัว แต่ถ้าจะมีมากขึ้นในจริยธรรม ก็คือ การอดกลั้น อดทน แม้จะถูกเบียดเบียน จากสรรพสัตว์ต่างแต่ก็ต้องวางอารมณ์ไม่ให้พยาบาท เป็นเรื่องแรก ไม่ต้องถึงไม่โกรธ เพราะความโกรธ มีได้ใน โยคาวจร แต่ พยาบาท ( ปองร้าย ) และ อุปนาหะ ( ผูกโกรธ ) มีไม่ได้เพราะ สองอย่างนี้เป็นสิ่งที่ต้องทำให้หายไปโดยไว เป็น นิวรณ์ ตัวที่ 1
สำหรับคุณธรรม ที่ไม่ควรต้องให้มาพูดซ้ำซากก็คือการบำเพ็ญ ทานกุศล สิ่งเหล่านี้ไม่ควรให้ พอจ มาพูดซ้ำซาก แม้ถึงบางคนชอบพูดเสมอ ๆ ว่า การทำกุศลผลบุญ ไม่มีผลบุญ ทั้งที่รู้ตัว และมองผลเฉพาะหน้า นี่เป็นการสอบตกอย่างสูงของ โยคาวจร เลยเพราะเรื่องเหล่านนี้ มันเป็นพื้นฐานความดี ไม่ใช่เรื่องของกรรมฐาน เพราะกรรมฐานมุ่งตรงที่การรู้ตามพระพุทธเจ้า มุ่งตรงพระนิพพาน ซึ่งไม่เป็นเรื่องที่เหนือการสร้าง บุญบารมีพื้นฐาน เหมือน อัศวินที่ลงสู่ สงครามแล้ว จะมาเปิดตำราหาวิชาการต่อสู้ไม่ได้ เมื่อลงสู่สงคราม ก็ต้องประคับประคองตนให้รอดปลอดภัย ด้วยการกระบวนที่ฝึกฝนเรียนรู้มา เพราะเวลานั้นไม่มีเวลาเปิดตำรา ฉันใด ผู้ฝึกภาวนา เมื่ออยู่ในองค์แห่งสมาธิ เมื่อถึงจุดที่ต้องกระทบ และความสงสัยเกิดขึ้นถ้าไม่เรียนรู้ไปก่อน ก็ต้องออกมาอ่านซึ่งไม่ได้เป็นการถูกต้องเพราะเวลา สภาวะธรรมปรากฏ ก็ปรากฎรวดเร็ว ถ้าไม่เข้าใจไปก่อนก็จัดการไม่ได้ฉันนั้น
ดังนั้น ปี พ.ศ. 2561 พิจารณาแล้วว่า ขอให้ท่านเรียน วิธีการภาวนา วิธีรับมือปัญหาในการภาวนา วิธีปฏิบัติต่อผลที่ได้ และไม่ได้ และที่สำคัญ การตั้งความเพียร ความขยันทำเป็นอุปนิสัย อย่างมิได้ทำอะไร ในกรรมฐานก็ต้องสวด หรือ ภาวนาจิต สักระยะหนึ่ง เมื่อถึงจุดที่ต้องแจ้งกรรมฐาน สงสัยก็ต้องพบ ครูเรียนถาม เมื่อเข้าใจแล้วก็ต้องจดจำ โดยเฉพาะในองค์กรรมฐาน มีเรื่องที่ต้องจำ อยู่สองอย่าง คือ สุขสัญญา และ ลหุสัญญา สองอย่างนี้ต้องจดจำ ถ้าจดจำไม่ได้ การเข้ากรรมฐานก็จะล่าช้า การจะใช้งานจริงก็ทำได้ยาก เพราะเหมือนต้องสตาร์ท ก่อนและอุ่นเครื่อง กิเลสเมื่อมันจรเข้ามา เวลาคับขัน ไม่มีเวลาให้สตาร์ท ต้องพร้อมต่อสู้ ต้องพร้อม ต่อการทำลายกิเลส ที่มันเกิดขึ้นในขณะนั้น เพราะถ้าไม่พร้อม ยถาภูตญาณ( การรู้ตามความเป็นจริง ) ก็มีไม่ได้ เมือจดจำแล้วรู้แล้วทำได้แล้ว ก็ต้องบันทึกไว้เพื่อไว้เตือนจิตสะกิดใจ เมื่อยามต้องเป็นครู ก็จะได้ไม่สอนผิด และที่สำคัญต้องรู้เป้าหมายของกรรมฐานว่า กรรมฐานมีเพื่อทำลายอกุศล ขั้นต่ำ ก็ นิวรณ์ 5 ขั้นกลาง ก็ อุปกิเลส 16 ขั้นสูง ก็สังโยชน์ 10 ประการ
จึงขอฝาก ธรรม 4 ตัวนี้ให้แก่ศิษย์ ทุกท่าน ทบทวน และทำความเข้าใจ รักษาเป็นมาตรฐาน ในการเรียนภาวนาไปสู่ เป้าหมาย
ขอดวงตาเห็นธรรม จงมีแก่ท่าน
ขอความสำเร็จในธรรม จงมีแก่ท่าน
ขอความสวัสดี จงมีแก่ท่าน
เจริญธรรม / เจริญพร

[raponsan]

 
สาธุครับ

[sinsae]