« เมื่อ: มกราคม 30, 2018, 08:25:18 am »
0
“เป็นมิตรกับ ความกลัว” เรื่องเล่าขำๆ กว่าพระจะหายกลัวผีใครว่าฝรั่งไม่สนใจเรื่องผี ขึ้นชื่อว่าสิ่งลี้ลับ ไม่ว่าใครก็คงอดใจใคร่รู้ไม่ไหว ถึงจะมีฐานความคิดเชิงวิทยาศาสตร์สักเท่าใดก็ตาม เย็นวันหนึ่ง ท่ามกลางวงสนทนาที่เกิดขึ้นโดยไม่ได้นัดหมาย ใครคนหนึ่งเอ่ยถึงทางเดินโบราณในป่าใกล้สะพานใหม่ (the New bridge) ซึ่งสร้างในปี ค.ศ. 1782 หรือประมาณสองร้อยกว่าปีมาแล้ว (ขนาดนี้ถือว่า “ใหม่” สำหรับคนอังกฤษ) ว่ากันว่า พื้นที่นี้ทหารโรมันเคยสู้รบกันมาแต่ครั้งอดีต
พระหลายรูปที่เดินผ่านบริเวณนั้นยามค่ำคืน ต่างรายงานว่ามีบรรยากาศแปลกๆ โดยเฉพาะในคืนพระจันทร์เต็มดวง รายหนึ่งเล่าว่าเคยพยายามถ่ายรูปบริเวณนั้นกลางดึก แต่จนแล้วจนรอดก็ถ่ายไม่สำเร็จบางคราวขาตั้งกล้องทรุดลงขณะกำลังจะกดชัตเตอร์ หรือเกิดความรู้สึกเย็นเยียบเหมือนมีอะไรมายึดมือไว้
@@@@@@
ขณะเล่า ผู้ฟังทุกคนเงียบกริบ สายตาทุกคู่จับจ้องตัวผู้เล่าด้วยใจจดจ่อ ชวนให้นึกถึงเวลาออกค่ายอาสาฯสมัยเรียนหนังสือ ซึ่งมักจะเล่าเรื่องลึกลับสู่กันฟังยามดึก ไม่ว่าจะเล่าครั้งใดก็จับความสนใจของผู้ฟังอยู่หมัดทุกครั้ง ไม่นึกเลยว่ามาถึงเมืองอังกฤษจะเจอบรรยากาศเช่นเดียวกันนี้
พระอเมริกันที่นั่งอยู่ข้างๆ หันมาชวนไปนั่งสมาธิบริเวณที่ว่าในคืนวันเพ็ญที่จะมาถึง ฟังดูเข้าที เพราะอยากรู้เหมือนกันว่าคนไม่กลัวผีจะเผชิญเรื่องนี้อย่างไร
สมัยบวชใหม่ เส้นทางกลับกุฏิจะต้องผ่านถ้ำแห่งหนึ่งซึ่งว่ากันว่ามีอะไรน่าพิศวงหลายอย่าง มีผู้เห็นคนชุดขาวเดินไปมาแถวนั้นยามค่ำคืนแถมยังมีกระดูกช้างชิ้นเบ้อเริ่มวางไว้แถวๆ นั้นเสียด้วย เพียงแค่ฟังก็ทำให้จินตนาการเตลิดไปไกลสุดกู่แล้ว
@@@@@@
คืนหนึ่งขณะเดินผ่านบริเวณนั้น ก็เกิดความรู้สึกเย็นเยือกขึ้นมาจับจิต จึงตัดสินใจเดินไปพิสูจน์ตามคำสอนของพระพุทธองค์ที่ว่า “กลัวที่ไหน ให้ไปที่นั่น” ถ้าขจัดความกลัวไม่ได้ก็ต้องอยู่ร่วมกันจนกว่าชีวิตจะหาไม่ คิดดูแล้วอย่างหลังน่ากลัวกว่าเยอะ
ประสบการณ์คืนนั้นทำให้เห็นการต่อสู้ในใจชัดเจนมากที่สุดในชีวิตใจหนึ่งไม่อยากจะไปเลย แต่อีกใจหนึ่งก็บอกว่าต้องพิสูจน์ให้รู้ดำรู้แดงใจสองฝ่ายต่างหาเหตุผลมาหักล้างกันอย่างดุเดือด แทบจะต้องฉุดขาให้เดินไปทีละก้าวนั่นเทียว
ครั้นเดินถึงถ้ำที่ใครๆ หวั่นเกรงนักหนา จู่ๆ ความกลัวที่ท่วมท้นใจก็ปลาสนาการไปสิ้น ความกล้าหาญอย่างที่ไม่เคยรู้จักมาก่อนปรากฏขึ้นแทนที่ สามารถบอกตัวเองให้ฉายไฟดูทุกซอกทุกมุมชนิดที่ทำไม่ได้ในยามปกติ ประสบการณ์นี้ทำให้รู้ว่า ความกลัวกับความกล้านั้นมีเพียงเส้นบางๆ คั่นอยู่เท่านั้น และความกลัวอาจเป็นมิตรที่ให้ความรู้แก่เราอย่างคาดไม่ถึง
@@@@@@
จากวันนั้นถึงวันนี้ แม้ความกลัวยังไม่หายไปโดยสิ้นเชิง แต่ก็อยู่ในป่าได้เป็นปกติ เดินไปมาในความมืดตามลำพังได้โดยไม่มีปัญหา อิสรภาพจากความกลัวช่วยให้ชีวิตโล่งและเบาลงเยอะ
เรื่องเล่าในวงสนทนาปิดท้ายด้วยตำนานป้อมทหารในป่า กุฏิที่พักอยู่ตอนนั้นก็บังเอิญตั้งอยู่บนป้อมที่ว่าเสียด้วย การรบสมัยก่อนใช้ดาบต่อสู้ระยะประชิด จึงเชื่อกันว่ามีทหารอังกฤษเสียชีวิตในบริเวณนั้นไม่น้อย พระฝรั่งรูปหนึ่งแกล้งพูดว่า วันดีคืนดีอาจได้ยินเสียงนักรบชุดเกราะขี่ม้าย่ำไปมาก็ได้
นึกสงสัยว่า คำแผ่เมตตาเป็นภาษาบาลี ผีฝรั่งจะฟังรู้เรื่องหรือเปล่า เกิดเข้าใจว่าเป็นหมอผีมาปราบเห็นทีจะยุ่งกันใหญ่ว่าแล้วก็บอกพระรูปนั้นไปว่า ระหว่างเดินกลับกุฏิด้วยกันคืนนี้ถ้าเจออะไรแปลกๆ ต่างคนต่างโกยก็แล้วกัน
@@@@@@
ปิยสีโลภิกขุจบการศึกษาคณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย แต่ได้เลือกวิถีชีวิตนักบวชมา 20 ปีแล้ว บันทึกชุดนี้เขียนขึ้นระหว่างจำพรรษาที่วัดจิตวิเวก ในแคว้นเวสต์ซัสเซ็กซ์ (West Sussex) นอกกรุงลอนดอนประเทศอังกฤษบทความเรื่อง ”เป็นมิตรกับ ความกลัว” เคยตีพิมพ์ในนิตยสาร Secret คอลัมน์ My Secret เขียนโดย ท่านปิยสีโลภิกขุ
ขอบคุณภาพและเนื้อหาจาก
http://www.goodlifeupdate.com/10460/healthy-mind/ghostmonk/