ที่จริง ชีวิตวิเวก สันโดด ยิ่งตอนไม่มีฉัน มันเห็นธรรมมากมายเลย
อยู่วัด ข้าวมันไก่ มีให้ฉันจนไม่ฉัน แต่พออยู่ วิเวก ไม่มีฉันต้องซื้อฉัน บิณฑบาตร ตอนอยู่วัด รับอาหารกันเป็น ย่าม สอง ย่าม พอมาอยู่ วิเวก นี่ ค้นทุกซอกทุกมุม บะหมี่สำเร็จรูปปกติไม่ฉันเลย ปลากระป๋อง ผักกาดดองกระป๋อง อยู่วัดไม่เคยฉันเลย แต่พอวิเวก ค้นหมดทุกจุดไม่เหลือมุม อาหารฉันหมดทุกอย่างไม่มีเหลือ ไม่ทิ้งขยะ
นี่เรื่องฉัน เรื่องกิน มันก็ฝึกตนเป็นอย่างมาก
อยู่วัดเวลานั่งภาวนา มีคนมานั่งภาวนาเป็นเพื่อนเห็นแล้ว อุ่นใจว่ามีเพื่อนเดินตามกันมา พออยู่วิเวก ไม่เห็นมีใครมานั่งเป็นเพื่อน ไม่ต้องนั่งโชว์ใคร ไม่ต้องเดินจงกรมอวดใคร ๆ ซื่อสัตย์มีวินัย ภาวนาของเราได้ผลของเรา ไม่มีชื่อเสียง ไม่มีใครสรรเสริญ ไม่มีใครสนใจ
นี่เรืองภาวนา เด็ดขาดมาก อีโก้ไม่มี เพราะไม่รู้จะไปอวดใคร โชว์ใคร ทุกวันภาวนาก็แค่ เป็นอุปนิสัยทางธรรมเท่านั้นเพื่อดำรงสังขาร เพื่อให้จิต มีฉันทะวิริยะ สมาธินทรีย์
อยู่วัดไปไหนมาไหน บอกเรียกใครก็ง่าย บอกบุญก็ง่าย จะชวนเที่ยวนั่นเที่ยวนี่ มีคนตามเป็นรถตู้ไม่ต่ำกว่า สามตู้ แต่พออยู่วิเวก ไม่รู้จะบอกบุญใคร ทำไม่ได้ สิ่งที่ต้องประคับประคองก็คือ ใช้จ่าย สิ่งที่เป็นทุนอย่างมีคุณค่า ทำธรรมทานปิดทองหลังพระ ก็ต้องปิดทองหลังพระ ไม่มีผลประโยชน์ใด ๆ กลับมาหาทั้งนั้นมีแต่ต้องสละกิเลสกัน เสียสละเพื่อสืบสานพระธรรมในยุคที่กำลังจะสูญหาย
ในส่วนนี้ ส่วนตัวภูมิใจมาก ในครูอาจารย์ทั้งสามรูป ที่ประสิทธิ์วิชาให้ ถึงจะไม่บอกชื่อท่านออกมาแต่หลายท่านก็คงพอเดาได้ แต่ให้เดาเท่านั้นนะ อย่าหาเรือ่งมาให้ พอจ เพราะ พอจ ก็ไม่เคยบอกใครว่ามีใครบ้าง
จะเจ็บจะป่วยจะตายจะจาก ก็เป็นเพียงกายสังขาร เท่านั้น เพราะว่ากายสังขาร มีความไม่เที่ยง เป็นทุกข์ ว่างเปล่าจากความหมายแห่งความเป็นตัวเป็นตน เป็นเราเป็นของเรา
ก็ขอให้ทุกท่าน ศึกษาหลักธรรม จดจำวิธีการที่่ พอจ ถ่ายทอดในขณะที่ พอจ ยังดำรงสังขารได้ให้มากที่สุด เพราะว่าถ้าจากท่านไปแล้ว จะไม่มีใครให้ถามนะ และการสั่งสมบุญ กับพระภาวนาสายตรง ก็จะหาได้ยากขึ้นอีกเช่นกัน
คุยเป็นเพื่อนวันนี้ เ่ท่านี้ จะหลับแล้ว
เจริญธรรม / เจริญพร