ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: คำว่า "บุญก็ไม่เอา บาปก็ไม่เอา" หมายความว่าอะไร.?  (อ่าน 983 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 29399
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0





คำว่า "บุญก็ไม่เอา บาปก็ไม่เอา" หมายความว่าอะไร.?

ถาม : คำว่า “ บุญก็ไม่เอา บาปก็ไม่เอา ” หมายความว่าอย่างไรคะ แล้วคนที่ทำบุญจะนิพพานได้อย่างไรคะ

ดร.พระมหาบวรวิทย์ รตนโชโต พระอาจารย์ผู้ไขปัญหาธรรม ตอบว่า

ตอบ : ผู้ที่บุญก็ไม่เอา บาปก็ไม่เอา มีความหมาย 2 ประเภท กล่าวคือ 

     - ประเภทแรก เป็นผู้ที่ไม่ทำทั้งบุญ ไม่ทำทั้งบาป คือ ไม่ทำอะไรทั้งสิ้นในทางกายและคำพูดที่แสดงให้เห็นได้ แต่ในทางจิตใจแล้วก็ไม่แน่ เพราะตัวมโนกรรมมันเกิดขึ้นได้ง่าย อาจคิดดี คิดไม่ดีก็เป็นได้ ตราบใดที่ยังเป็นปุถุชนอยู่ ย่อมมีโอกาสเพลี่ยงพล้ำได้ บางทีถึงกับเข้าใจผิดโดยเข้าข้างตัวเองว่าเดินทางสายกลาง พฤติกรรมแบบนี้เป็นลักษณะของผู้มีชีวิตประมาท หากไม่ได้รับการฝึกฝนจิตมาดีพอ ไม่ได้ฝึกสติปัญญามาดีพอ เมื่อมีอารมณ์เข้ากระทบก็ย่อมจะควบคุมอารมณ์ไม่อยู่

    - ส่วนประเภทที่สองนั้น เป็นลักษณะของพระอรหันต์ที่ท่านมีจิตมั่นคงแข็งแกร่ง อาจหาญ มีสติปัญญามั่นคงแจ่มชัด พิจารณาเห็นสังขารและสภาพธรรมทั้งหลายล้วนตกอยู่ในกฎของไตรลักษณ์ คือ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ล้วนเกิดขึ้นแล้วดับไปทั้งสิ้น จึงไม่มีความกังวลห่วงหาอาลัยอาวรณ์ มีจิตที่ผ่องใสบริสุทธิ์ อานิสงส์แห่งการทำคุณงามความดีของท่านที่ก่อให้เกิดเป็นบุญ จึงไม่มีผลทำให้ใจของท่านพองโตและชื่นชมยินดีกับผลบุญนั้น คือ ท่านวางได้ ละได้ ไม่ยึดมั่นถือมั่นบุญเหล่านั้น ส่วนบาปนั้นก็ไม่ต้องพูดถึง เพราะท่านไม่ยึดมั่นถือมั่นมานานแล้ว


@@@@@@

ดังนั้นผู้ฉลาดพึงทำบุญนั้นบ่อยๆ ดังที่พระพุทธเจ้าตรัสว่า "สุโข ปุญญัสสะ อุจจะโย" การสั่งสมซึ่งบุญนำความสุขมาให้ ., ไม่ละเลยในบุญ คราใดที่รู้ตัวก็รีบทำบุญนั้นทันที เพราะหากไม่รีบทำแล้ว เดี๋ยวจิตฝ่ายต่ำก็จะมาแทนที่ เลยหมดโอกาสทำบุญกันไป เราเกิดมาหลายภพหลายชาติ และจะเกิดอีกไม่รู้กี่ชาติ เพราะเราไม่รู้นี่เองจึงต้องแสวงหาเสบียงในการเดินทางข้ามภพข้ามชาติ 

พระพุทธองค์ตอนเสวยพระชาติเป็นพระโพธิสัตว์ก็ตาม พระอริยสาวกที่บรรลุนิพพานก็ตาม ล้วนทำบุญมาทั้งสิ้น บุญไม่ขวางพระนิพพานแน่นอน กลับกันจะช่วยสนับสนุนให้มีปฏิปทาในการทำพระนิพพานให้แจ้งด้วย และคำว่าบุญก็กว้างมาก 

@@@@@@

พระองค์ตรัสถึงทางมาแห่งบุญไว้ถึง 10 ประการด้วยกัน คือ

1. ทานมัย บุญที่สำเร็จด้วยการสละสิ่งของภายนอกให้เป็นทาน เป็นการสลัดความตระหนี่และสร้างเมตตาและกรุณาธรรมขึ้นในจิตใจให้มีสภาพอ่อนโยน อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข ไม่เบียดเบียนเอารัดเอาเปรียบ ประหัตประหารซึ่งกันและกัน เป็นบุญอย่างเดียวเท่านั้นที่ต้องสละทรัพย์สินเงินทอง

2. สีลมัย บุญที่สำเร็จด้วยการรักษาศีล ผู้รักษาศีลย่อมมีชีวิตที่หนักแน่นมั่นคง สงบเยือกเย็น

3. ภาวนามัย บุญที่สำเร็จด้วยการพัฒนาจิตใจให้มีสติปัญญาเจริญก้าวหน้า รู้เท่าทันสภาพธรรมทั้งหลายทั้งปวงจนกระทั่งถอนรากถอนโคนในตัณหาทั้งหมดทั้งมวล จะได้ไม่ตกเป็นทาสของอารมณ์เหล่านั้น

4. อปจายนมัย บุญที่สำเร็จด้วยการประพฤติอ่อนน้อมถ่อมตนไม่เย่อหยิ่งจองหอง เคารพความคิดของคนอื่น

5. เวยยาวัจจมัย บุญที่สำเร็จด้วยการขวนขวายช่วยเหลือกิจการงานเท่าที่เรามีกำลัง ไม่ว่าจะกำลังกาย กำลังทรัพย์ กำลังสติปัญญา ไม่นิ่งเฉยเมื่อเรามีโอกาส

6. ปัตติทานมัย บุญที่สำเร็จด้วยการอุทิศส่วนบุญส่วนกุศลให้ผู้มีพระคุณและสรรพสัตว์ทั้งหลาย เป็นการตอบแทนบุญคุณที่บรรพชนได้คิดค้นบุกเบิกสิ่งต่าง ๆ จนทำให้เราได้เสพเสวยสุขในปัจจุบัน ถือเป็นการแสดงความกตัญญูกตเวทีเพื่อให้อนุชนรุ่นหลังได้ดูเป็นแบบอย่าง

7. ปัตตานุโมทนามัย บุญที่สำเร็จด้วยการชื่นชมยินดีความสำเร็จสมหวังของผู้อื่น เป็นการสลัดความอิจฉาริษยาซึ่งเป็นอุปกิเลส อันเป็นมลทินให้ใจเศร้าหมองออกจากใจ

8. ธัมมัสสวนมัย บุญที่สำเร็จด้วยการฟังธรรม หากฟังธรรมบ่อยจะทำให้มีความกระจ่างในสาระธรรมมากขึ้นจนบรรเทาความสงสัย จนก่อให้เกิดสติปัญญาในการแก้ปัญหาและอุปสรรค จนสามารถเอาชนะกิเลสทั้งหลายทั้งปวงได้

9. ธัมมเทสนามัย บุญที่สำเร็จด้วยการแสดง บอกกล่าว และประกาศธรรม เมื่อมีความเข้าใจอย่างกระจ่างแจ้งในปริยัติ ปฏิบัติ ปฏิเวธแล้ว จึงได้แบ่งปันบอกกล่าวในสาระธรรมให้ผู้อื่นมีความเข้าใจและได้รับประโยชน์จากการฟังธรรมนั้นๆ

10. ทิฏฐุชุกัมม์ บุญที่สำเร็จด้วยการทำความเห็นให้ถูกต้องตามความเป็นจริง ไม่มีอคติใด ๆ เข้ามาแฝง กล่าวคือมีความเห็น มีความเข้าใจที่ถูกต้องในเรื่องบาป บุญ คุณโทษ สิ่งใดเป็นสาระ สิ่งใดไม่เป็นสาระ ตลอดจนกระทำตนให้พ้นจากวัฏสงสาร บรรลุมรรคผลนิพพาน



ขอบคุณภาพและเนื้อหาจาก
http://goodlifeupdate.com/healthy-mind/dhamma/55492.html
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ