ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: วัดโมลีโลกยารามราชวรวิหาร การศึกษาคือหัวใจสําคัญของการเผยแผ่  (อ่าน 862 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 29288
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0


วัดโมลีโลกยารามราชวรวิหาร การศึกษาคือหัวใจสําคัญของการเผยแผ่

หลายคนอาจเคยได้ยินชื่อ วัดโมลีโลกยารามราชวรวิหาร มาบ้าง แต่น้อยคนนักจะรู้ว่าวัดแห่งนี้ เคยเป็นสถานที่ศึกษาอักษรสมัยเบื้องต้นของพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว และเจ้าฟ้าอีกหลายพระองค์

@@@@@@

ประวัติวัดโมลีโลกยาราม

วัดโมลีโลกยารามสร้างขึ้นตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี เดิมชื่อว่า “วัดท้ายตลาด” ต่อมาในสมัยสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ทรงรวมวัดท้ายตลาดเข้าเป็นเขตพระราชฐาน วัดแห่งนี้จึงไม่มีพระสงฆ์จําพรรษาตลอดรัชกาล

เมื่อพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ทรงย้ายเมืองหลวงมาตั้งทางทิศตะวันออกของแม่น้ําเจ้าพระยา พระองค์มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯให้สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้ากรมหลวงอิศรสุนทร(พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย) ทรงบูรณปฏิสังขรณ์วัด และถือเป็นพระอารามหลวงมาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 1

@@@@

มาในสมัยรัชกาลที่ 2 พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยทรงขนานนามวัดนี้เสียใหม่ว่า “วัดพุทไธสวรรย์” หรือ “วัดพุทไธสวรรยาวาศวรวิหาร” ทั้งยังเจริญพระราชศรัทธาในอดีตเจ้าอาวาส คือสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (ขุน) จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้พระราชโอรสคือ พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว รวมถึงพระราชโอรสอีกหลายพระองค์มาทรงพระอักษรกับเจ้าประคุณสมเด็จฯ

เมื่อพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 ขึ้นครองราชย์ ทรงมีพระราชศรัทธาปฏิสังขรณ์วัดให้บริบูรณ์งดงามยิ่งขึ้น จากนั้นทรงขนานนามชื่อวัดใหม่ว่า “วัดโมลีโลกสุธารามอาวาศวรวิหารพระอารามหลวง” หรือเรียกสั้น ๆ ว่า “วัดโมลีโลกย์สุธาราม” ซึ่งต่อมาเรียกว่า “วัดโมลีโลกยาราม” และ ได้รับการสถาปนาให้เป็นพระอารามหลวงชั้นโท ชนิดราชวรวิหาร ในสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6


สํานักเรียนวัดโมลีโลกยาราม

วัดโมลีโลกยารามเปิดการเรียนการสอนมาตั้งแต่ต้นกรุงรัตนโกสินทร์ แต่ยังไม่เปิดเป็นสํานักเรียน เจ้าประคุณสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (ฉิม) อดีตเจ้าอาวาสรูปที่ 3 เปิดสอนพระปริยัติธรรมแผนกบาลี แบบสอบด้วยปาก จนกระทั่งในปี 2534 สํานักเรียนวัดโมลีโลกยาราม ได้รับการจัดตั้งอย่างเป็นทางการโดยมีพระรัตนมุนี (โสม) เจ้าอาวาสองค์ที่ 11 เป็นอาจารย์เจ้าสํานักเรียนรูปแรก ท่านมีปณิธานแน่วแน่ที่จะจัดการเรียนการสอนพระปริยัติธรรมทั้งแผนกธรรมและแผนกบาลี เพื่อผลิตศาสนทายาทที่มีคุณภาพ ภายหลังท่านอาพาธ สํานักเรียนจึงทรุดโทรมตามไปด้วย

ต่อมาพระพรหมกวี (วรวิทย์) เจ้าสํานักเรียนรูปที่ 2 ได้ปรับปรุงระบบการบริหารการศึกษาอย่างจริงจังทําให้มีพระภิกษุสามเณรสอบบาลีได้มากขึ้นตามลําดับ นอกจากนั้นพระภิกษุสามเณรหลายรูปยังสอบได้คะแนนดีจนได้รับทุนเล่าเรียนหลวงอีกด้วย ปัจจุบันพระราชปริยัติโมลี (สุทัศน์ วรทสฺสี) เจ้าอาวาส และเจ้าสํานักเรียนรูปปัจจุบันสืบสานงานการศึกษาพระปริยัติธรรมอย่างเข้มแข็ง จนทําให้สํานักเรียนแห่งนี้มีจํานวนพระภิกษุและสามเณรที่สอบบาลีได้มากเป็นอันดับหนึ่งของกรุงเทพมหานคร



    พระราชปริยัติโมลี (สุทัศน์ วรทสฺสี) เล่าถึงความสําคัญของภาษาบาลีว่า

    “คนจํานวนไม่น้อย สงสัยว่าทําไมต้องเรียนภาษาบาลี ปัจจุบันไม่เห็นต้องใช้บาลีเลย อาตมาขออธิบายให้ฟังอย่างนี้ว่า ภาษาบาลีเป็นภาษาที่มีความสําคัญต่อพระพุทธศาสนามาก เพราะเป็นภาษาที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าใช้ตรัสสอนแสดงธรรม หากเรามีความรู้เรื่องภาษาบาลีก็สามารถอ่านคําสอนที่พระพุทธเจ้าทรงสอนไว้ได้โดยตรง นอกจากนี้พระบาลี (คําสอนของพระพุทธเจ้าที่เป็นภาษาบาลี) ยังบรรจุไว้ซึ่งแนวทางความคิด วัฒนธรรม ตลอดจนประเพณีของสงฆ์ทุกเรื่องด้วย

    ความจริงแล้วภาษาบาลีไม่ได้เลือนหายไปจากสังคมไทยเลย ยกตัวอย่างเช่น ชื่อของคนไทยส่วนใหญ่ก็เป็นภาษาบาลี ที่มีความหมายลึกซึ้งไพเราะ แต่หลายคนอาจยังไม่รู้ จึงเข้าใจผิดคิดว่าบาลีไม่สําคัญ ทุกปีที่วัดโมลีโลกยารามจะมีพระภิกษุและสามเณรมาสมัครเรียนมากกว่า 300 รูป แต่การเรียนบาลีไม่ใช่เรื่องง่ายต้องอดทนและตั้งใจเรียนอย่างสูง จึงจะสอบผ่านได้

    โดยในปี พ.ศ.2557 มีพระภิกษุและสามเณรที่นี่สอบได้ 158 รูป ส่วนปีนี้สอบได้มาก ถึง 171 รูป ถือเป็นสถิติใหม่ จนวัดโมลีฯได้รับเกียรติกล่าวขานว่า เป็นสํานักเรียนที่มีการสอบผ่านได้สูงเป็นอันดับหนึ่งของกรุงเทพฯ

    วัดโมลีโลกยารามแห่งนี้ไม่ได้เน้นปลูกสร้างอาคาร แต่เน้นสร้างคนผ่านการเรียนพระบาลี แม้จะไม่เห็นเป็นรูปธรรมเหมือนการสร้างโบราณสถาน แต่เชื่อว่าพระภิกษุและสามเณรเหล่านี้คือ กําลังสําคัญในการเผยแผ่พระพุทธศาสนาให้เจริญรุ่งเรืองสืบต่อไป”


    @@@@@@

  สนับสนุนการศึกษาของพระภิกษุและสามเณร เพื่อความมั่นคงและเจริญรุ่งเรืองในพระพุทธศาสนาสืบไป
  ร่วมทําบุญส่งเสริมการศึกษาของพระภิกษุและสามเณร ด้วยการโอนเงินเข้าบัญชี
    สํานักเรียนวัดโมลีโลกยาราม
    ธนาคารกรุงไทย บัญชีออมทรัพย์ สาขาปากคลองตลาด
    เลขที่บัญชี 160-0-05071-9
    โทร.สอบถามได้ที่ 0-2472-8147 และ 08-9660-1464


ขอบคุณภาพและเนื้อหาจาก
http://goodlifeupdate.com/healthy-mind/87541.html
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: เมษายน 25, 2018, 06:32:32 am โดย raponsan »
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ