ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: เรื่องเล่าของ พระอินทร์ กับ 7 หลักปฏิบัติของคนดี  (อ่าน 3798 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 29340
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0

พระอินทร์ทรงช้างเอราวัณ


เรื่องเล่าของ พระอินทร์ กับ 7 หลักปฏิบัติของคนดี

พระอินทร์ หรือนามในคัมภีร์พระพุทธศาสนาเรียกว่า “ท้าวสักกเทวราช” ในคติพระพุทธศาสนาเชื่อว่าพระองค์ทรงเป็นพระราชาแห่งเทวดาบนสวรรค์ชั้นที่สองคือ “ดาวดึงส์” มีความหมายว่า “สามสิบสาม” เพราะสวรรค์ชั้นนี้พระอินทร์ทรงปกครองสวรรค์ร่วมกับเทวดาที่เป็นพระสหายอีก 32 พระองค์ แล้วเวลาเสด็จไปไหนพร้อมกับพระสหายจะประทับบนช้างเอราวัณ ช้างสวรรค์เชือกนี้ไม่ใช่ช้างธรรมดา แต่เป็นเทพบุตรที่จำแลงกายเป็นช้างให้พระอินทร์และพระสหายทรงเวลาเดินทางไปในที่ต่าง ๆ

พระอินทร์มีผิวกายสีเขียวมรกต สถิตในปราสาทนามว่า “ไพชยนตปราสาท” ภายในดินแดนที่พระอินทร์ปกครอง คือ “เมืองสุทัศน์” ประกอบด้วยอุทยาน 6 แห่ง ได้แก่ อุทยานนันทวัน อุทยานปารุสกวัน อุทยานจิตรลดาวัน อุทยานมิสกวัน อุทยานมหาวัน และอุทยานปุณฑริกะ ล้วนแต่เป็นอุทยานที่รื่นรมย์ เป็นที่พักผ่อนหย่อมใจของเหล่าเทวดาและนางฟ้า ทรงมีพระแท่นศิลาเป็นบัลลังก์ชื่อว่า “บัณฑุกัมพลศิลาอาสน์” และมีต้นดอกทิพย์ที่เกิดจากบุญของพระองค์คือ “ต้นปาริชาติ” มีคุณวิเศษคือ หากผู้ใดได้กลิ่นของดอกปาริชาติผู้นั้นจะสามารถระลึกชาติได้ พระองค์ทรงมีพระมเหสีทั้งหมด 4 นาง ได้แก่ สุธรรมา สุจิตรา สุนันทา และสุชาดา ล้วนแต่มีรูปงามไม่แพ้กัน


พระอินทร์นำพระเขี้ยวแก้วไปบรรลุภายในพระจุฬามณีเจดีย์บนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์


พระอินทร์ทรงมีสรวงสวรรค์และสมบัติทิพย์อันวิเศษเช่นนี้ เป็นผลมาจากการทำความดีตอนเป็นมนุษย์ ปฐมเทวสูตร กล่าวถึงพระพุทธเจ้าตรัสสอนหลักธรรมที่ทำให้ผู้ปฏิบัติสามารถเป็นพระอินทร์ได้ไว้อย่างน่าสนใจว่า

ดูกรภิกษุทั้งหลาย ท้าวสักกะจอมเทพเมื่อครั้งเป็นมนุษย์ ได้ปฏิบัติวัตรบท 7 ประการไว้อย่างบริบูรณ์ เพราะเป็นผู้ที่ปฏิบัติตามวัตรบท 7 ประการนี้ จึงได้เป็นท้าวสักกะ วัตรบท 7 ประการประกอบด้วย

(1) เราพึงเลี้ยงมารดาบิดาจนตลอดชีวิต
(2) เราพึงประพฤติอ่อนน้อมต่อผู้ใหญ่ในตระกูลจนตลอดชีวิต
(3) เราพึงพูดวาจาอ่อนหวานตลอดชีวิต
(4) เราไม่พึงพูดวาจาส่อเสียดตลอดชีวิต
(5) เราพึงมีใจปราศจากความตระหนี่อันเป็นมลทินอยู่ครองเรือน มีการบริจาคอันปล่อยแล้ว มีฝ่ามืออันชุ่มยินดีในการสละ ควรแก่การขอ ยินดีในการแจกจ่ายทานตลอดชีวิต
(6) เราพึงพูดคำสัตย์ตลอดชีวิต
(7) เราไม่พึงโกรธตลอดชีวิต ถ้าแม้ความโกรธพึงเกิดขึ้นแก่เรา เราพึงกำจัดมันเสียโดยฉับพลันทีเดียว

วัตรบท 7 เป็นหลักปฏิบัติของคนดี หรือที่พระพุทธศาสนาเรียกว่า “สัตบุรุษ” หรือ “สัปบุรุษ” คือ “คนดี”


พระอินทร์ทรงพิณสามสายถวายพระพุทธเจ้า


หลักธรรมนี้จึงเป็นหลักการของการเป็นคนดี อดีตชาติของพระอินทร์ตอนเป็นมนุษย์มีปรากฏในอรรถกถาธรรมบทโดยมีความว่า

พระอินทร์กำเนิดเป็นมนุษย์มีนามว่า “มฆมานพ” เป็นคนแคว้นมคธ วันหนึ่งมฆมานพและสหายอีก 32 คนร่วมช่วยกันถางทางเป็นถนนให้คนทั้งหลายเดินทางสะดวก แต่ผู้คนไม่เข้าใจการทำสาธารณประโยชน์ของพวกเขา จึงห้ามปราม ชายทั้ง 33 คนก็ไม่ฟัง หัวหน้าหมู่บ้านจึงออกมาห้ามปราม เห็นว่าควรนำเวลาไปทำมาหากินจะดีกว่ามาขุดถางทางเช่นนี้ ชายทั้ง 33 คนก็ไม่ยอมฟัง หัวหน้าหมู่บ้านโกรธเคืองมฆมานพและเพื่อนทั้ง 32 จึงทูลพระราชาว่า มฆมานพและเพื่อนเป็นโจร

พระราชาโปรดให้นำมฆมานพและเพื่อนถูกช้างเหยียบ แต่ปรากฏว่าช้างไม่ยอมเหยียบชายทั้ง 33 พระราชาจึงทรงสอบสวนจนพบว่าชายทั้ง 33 ไม่ได้เป็นโจร แต่เพียงจะถางทางเพื่อทำถนนเท่านั้น พระองค์ทรงปล่อยชายทั้ง 33 แล้วพระราชทานช้างเชือกนี้ให้ พร้อมกับช่างฝีมือดีหนึ่งคน จากนั้นมฆมานพและเพื่อนช่วยกันสร้างศาลาเพื่อเป็นที่พักผ่อนแก่ผู้คนที่สัญจรไปมา นายช่างที่พระราชาประทานให้ได้สร้างศาลาไม้ขึ้น นางสุธรรมา ภรรยาของนายมฆมานพอยากมีส่วนร่วมจึงสร้างชูฟ้าประดับศาลาแล้วสลักชื่อของนางไว้ ศาลานี้จึงมีชื่อว่า “ศาลาสุธรรมา”


@@@@@@

ส่วนภรรยาอีกสองนางคือ สุนันทากับสุจิตราร่วมตกแต่งศาลาหลังนี้ให้งดงามด้วยสระน้ำและสวน เมื่อบุคคลเหล่านี้สิ้นบุญจึงบังเกิดเป็นเทวดาบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ สมบัติทิพย์ได้แก่เทวสมาคม คือ ศาลาสำหรับเทวดามาฟังธรรมจึงบังเกิดจากบุญของนางสุธรรมา อุทยานทั้ง 6 ในดาวดึงส์เกิดขึ้นจากบุญของนางสุจิตรา สระน้ำสวรรค์บังเกิดขึ้นจากบุญของนางสุนันทา และสมบัติทิพย์อื่นก็เกิดขึ้นจากบุญของมฆมานพและสหายทั้ง 32 คน

จะเห็นว่าอดีตชาติของพระอินทร์ที่เป็นมฆมานพนั้น เป็นคนที่มีความเสียสละเวลาส่วนตัวมาทำสาธารณประโยชน์ให้ส่วนรวม ด้วยการสร้างถนนและศาลา รวมทั้งนายมฆมานพเป็นผู้ปฏิบัติหลักวัตรบท 7 ประการ หรือหลักสัตบุรุษ 7 ประการ เป็นหลักของการเป็นคนดี 7 ประการ ผู้ที่ปฏิบัติได้ตามนี้ก็ไม่ต่างจากการเป็นคนดีที่สุดยอด

    (1) เป็นลูกกตัญญู
    (2) อ่อนน้อมต่อผู้ใหญ่
    (3) พูดจาอ่อนหวาน
    (4) ไม่พูดจาส่อเสียด
    (5) ไม่ตระหนี่
    (6) พูดแต่คววามจริง และ
    (7 )ไม่โกรธ
พูดได้ว่า มฆมานพเป็นตัวอย่างของการประพฤติตนเป็นสุดยอดคนดีเลยทีเดียว



ข้อมูลจาก 84000.org
ภาพจาก สรยุทธ  พุ่มภักดี ใน  นิตยสาร Secret ปี 2559 ฉบับที่ 200 (26 ต.ค. 59) หน้า 30-33, Reurnthai, Khaosod, Silpathai และ Silpa-mag
ขอบคุณที่มา : http://goodlifeupdate.com/healthy-mind/92138.html
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ