โรงเรียนนี้มีดีอะไร.? “พ่อแม่ชาวญี่ปุ่น” ถึงยอมต่อคิวรอ เพื่อให้ลูกได้เรียนที่นี่เท่านั้นโรงเรียนอนุบาลแห่งหนึ่งในญี่ปุ่นจัดงานกีฬาถึง 3 ครั้งใน 1 ปี แต่ถึงกระนั้นก็เป็นโรงเรียนอนุบาลยอดนิยมสูงสุดแห่งหนึ่งขนาดผู้ปกครองหลายคนยอมสแตนบายรอการ cancel จากผู้ปกครองท่านอื่นๆ เพื่อลูกตัวเองจะได้เข้าศึกษาในอนุบาลแห่งนี้
โปรแกรมการเรียนที่นี่ก็แตกต่างไปจากโรงเรียนอนุบาลอื่นๆ ตอนที่สำนักข่าวแห่งหนึ่งของญี่ปุ่นเข้าไปสัมภาษณ์ผู้อำนวยการโรงเรียน นักข่าวเห็นภาพเด็กอนุบาลกลุ่มหนึ่งอยู่ในสภาพวิ่งไปร้องไห้ไปบนดาดฟ้าของตึก พวกเขาวิ่งเท้าเปล่า แถมวิ่งเร็วสุดชีวิต ใกล้ๆ มีคุณครูที่ยังดูหนุ่มอยู่คอยกวดขันอยู่พร้อมส่งเสียงบอกเด็กอนุบาลเหล่านั้นว่า
“เอ้า วิ่งไป 9 รอบ”
“ถ้าไม่ส่งเสียงครบทุกคน ก็จะไม่ให้เลิกวิ่งนะ นี่ไม่ได้ให้มาวิ่งเล่นๆ นะ” 
หนึ่งรอบมีระยะทางประมาณ 150 เมตร เด็กอนุบาลวัย 5 ขวบประมาณ 70 คนออกวิ่งตามที่คุณครูสั่งท่ามกลางเสียงลมหายใจเข้าออกรัวๆ ก็จะได้ยินเสียงสะอื้นร้องไห้อยู่บ้างเป็นบางครั้ง แต่สำหรับเด็กอนุบาลวัย 5 ขวบซึ่งเป็นพี่ใหญ่ของโรงเรียนอนุบาลแห่งนี้ หาได้น้อยมากที่ยังคงร้องไห้อยู่
สิ่งที่กล่าวมานี้เป็นเพียงแค่..การเริ่มต้นวันหนึ่งในโรงเรียนอนุบาลแห่งนี้เท่านั้นครับ…
โรงเรียนอนุบาลแห่งนี้มีชื่อว่า Buddy Sports Kindergarden ก่อตั้งเมื่อปี 1981ที่นี่เริ่มต้นจากเด็กเล็กเพียงแค่ 4 คนในวันก่อตั้ง จนตอนนี้โรงเรียนอนุบาลแห่งนี้เติบใหญ่มีสาขาในเมืองใหญ่ถึง 4 สาขา และอีก 3 สาขาใน Kanagawa มีนักเรียนอนุบาลในเครือรวมทั้งสิ้นมากถึง 1,700 คน ทุกๆ แห่งแน่นมาก จะสมัครเข้าเรียนได้นั้นไม่ใช่เรื่องง่าย (ข้อมูล ณ เดือนตุลาคมปี 2016)
งานกีฬาสีที่นี่จะถูกจัดถึง 3 ครั้งในเดือนมิถุนายน ตุลาคม และพฤศจิกายน พี่ใหญ่สุดในโรงเรียนจะต้องผ่านบททดสอบอันท้าทาย ด้วยการวิ่งแข่งขันระยะ 300 เมตร และการต่อพิระมิดมนุษย์ (การต่อตัวขึ้นไปถึง 4 ชั้น) 
นอกเหนือจากนั้นโรงเรียนแห่งนี้ยังมีจัดแข่งขันแชร์บอลในเดือนมิถุนายน เข้าแคมป์สกีในเดือนมกราคม และการแข่งขันฟุตบอลในเดือนกุมภาพันธ์ เรียกได้ว่ากิจกรรมเชิงกีฬามีไม่หยุดไม่หย่อนตลอดทั้งปีและวันสำคัญที่สุดของเด็กๆ เหล่านี้คือ "วันจบการศึกษาครับ" ในวันนั้นเด็กๆ จะได้รับภารกิจว่าต้องผ่านการทดสอบสามอย่างนี้ให้ได้ คือ กระโดดข้ามเครื่องกีดขวาง 6 ชั้น, การตีลังกา, การยืนด้วยแขนสองข้างและศีรษะ ถ้าคนใดคนหนึ่งในชั้นเรียนนั้นๆ ทำไม่สำเร็จ ก็ถือว่าไม่จบการศึกษาไปทั้งชั้นฉะนั้น เพื่อนคนอื่นๆ ก็จะคอยส่งเสียงเชียร์เต็มที่ให้กับเพื่อนที่กำลังจะกระโดดมีแรงฮึดเพื่อให้ข้ามสิ่งกีดขวางได้ สำเร็จไปด้วยกัน
นักข่าวสงสัยว่าทำไมโรงเรียนแห่งนี้ ต้องวางโครงสร้างการเรียนการสอน(โหด) ถึงขนาดนี้ จึงได้เข้าไปสัมภาษณ์คุณ Suzuki ผู้อำนวยการโรงเรียนอนุบาลแห่งนี้
ท่านบอกกับเราว่า
“เด็กมัธยมญี่ปุ่นสมัยนี้ไม่ค่อยอดทน ไม่มีความจริงจังในตัวเอง ทำให้เข้าชมรมได้ไม่นานก็ล้มเลิก”
แต่กีฬาเป็นศิลปะที่จะสอนให้เราสามารถก้าวขึ้นไปเหนือกว่าศักยภาพของตัวเอง เพราะจะทำได้หรือไม่ได้นั้นขึ้นอยู่กับตัวเด็กเอง จะให้ใครมาทำแทนไม่ได้
เมื่อผู้อำนวยการตั้งกฎเกณฑ์ว่า “ถ้าทำไม่สำเร็จ จะไม่ให้จบอนุบาลนะ”
คือการสร้างสถานการณ์ให้เด็กเกิดความพยายาม
"พวกเค้าต้องหัดเจอสถานการณ์ที่มีความกดดันบ้าง"
และสิ่งสำคัญสูงสุดคือ วิธีการสอนสั่งแทนที่เราจะบอกว่า "ต้องทำนะ"
ให้เราเปลี่ยนไปใช้คำว่า “ถ้าเริ่มทำแล้ว ต้องทำได้แน่ ๆ”
เชื่อมั้ยครับเมื่อไม่บังคับ แต่ให้กำลังใจ เด็กทุกคนจบการศึกษาได้อย่างปลอดภัยครับ ตอนนี้ที่นี่ถือเป็นสถาบันการศึกษาที่สำคัญแห่งหนึ่ง ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นแหล่งบ่มเพาะคนญี่ปุ่นให้แข็งแรงทั้งสุขภาพกายและสุขภาพใจ
ถ้าเป็นคุณล่ะ อยากส่งลูกไปโรงเรียนอนุบาลลักษณะนี้มั้ยครับ.?Boom JapanSalaryman
ผู้เขียนหนังสือ BestSeller “JapanDarkSide ถึงร้ายก็รัก”
Twitter.com/JapanSalaryboom
Facebook.com/JapanSalaryman
Content Credit :
http://www.news-postseven.com/archives/20161022_455221.html?PAGE=1#containerขอบคุณบทความและภาพจาก
https://today.line.me/th/pc/article/โรงเรียนนี้มีดีอะไร+“พ่อแม่ชาวญี่ปุ่น”+ถึงยอมต่อคิวรอ+เพื่อให้ลูกได้เรียนที่นี่เท่านั้น-lvGZQv THE HIPPO , Reporter : JapanSalaryman , เผยแพร่ : 27 กันยายน 2561 เวลา 20.00 น.