มหิสสาสกุมาร พระราชโอรสผู้มี "เทวธรรม"ครั้งหนึ่งพระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสเล่าเรื่องในอดีต ดังนี้
ในอดีตกาล พระโพธิสัตว์ถือปฏิสนธิในพระครรภ์แห่งพระอัครมเหสีของพระเจ้าพาราณสี โดยทรงมีพระนามว่า “มหิสสาสกุมาร” มีพระอนุชาพระนามว่า “จันทกุมาร” ต่อมาพระราชมารดาเสด็จทิวงคต พระราชาจึงสถาปนาสตรีอีกนางหนึ่งขึ้นดำรงตำแหน่งอัครมเหสี นางประสูติพระโอรสนามว่า “สุริยกุมาร”
พระราชาทอดพระเนตรพระราชโอรสแล้วทรงพอพระทัยมาก พระราชทานพรว่าต้องการสิ่งใดให้ขอ แต่พระนางทูลว่า จะทูลขอเมื่อต้องการ บัดนี้ยังไม่มีความจำเป็นเรื่องใด
เมื่อพระราชโอรสทรงเจริญวัย พระนางจึงทูลขอราชสมบัติให้สุริยกุมาร พระราชาทรงทัดทานถึง 2 คร้ั้งว่า ให้ขออย่างอ่ื่น อย่าขอราชสมบัติเลย แต่พระนางทรงยืนยันว่า มิได้ต้องการสิ่งอื่นใด ต้องการราชสมบัติให้สุริยกุมารราชโอรสเพียงประการเดียวเท่านั้น
พระราชาทรงดำริว่า “หากเราไม่ให้ โอรสทั้งสองของเราอาจได้รับอันตรายเพราะสตรีนี้”
@@@@@@
ว่าแล้วจึงรับสั่งให้พระราชโอรสทั้งสองเข้าเฝ้า แล้วตรัสเล่าเรื่องทั้งปวงให้ทราบ ก่อนจะทรงสรุปว่า “เพื่อความปลอดภัยของตัวลูกเอง ขอให้ลูกทั้งสองเดินทางไปอยู่ในป่าเสียชั่วคราว เมื่อพ่อตายแล้วจึงค่อยกลับมารับราชสมบัติ”
พระราชโอรสทั้งสองจึงเสด็จออกจากพระราชวัง ขณะนั้นสุริยกุมารทรงเล่นอยู่ที่พระลานหลวง เมื่อทรงเห็นพระเชษฐาทั้งสองจะเสด็จประพาสปาจึงเสด็จร่วมไปด้วย
เมื่อทั้งสามเสด็จถึงหิมวันตประเทศ พระโพธิสัตว์ (มหิสสาสกุมาร) ทรงหยุดนั่งพักใต้ร่มไม้ต้นหนึ่ง ทรงขอให้สุริยกุมารน้องสุดท้องไปตักน้ำจากสระใกล้ๆ มาให้ดื่ม โดยทรงขอให้สุริยกุมารดื่มและอาบตามต้องการเสียก่อน แล้วจึงนำน้ำใส่ในใบบัวมาให้พี่ทั้งสองในภายหลัง
สระน้ำที่สุริยกุมารทรงไปตักน้ำนั้นมีผีเสื้อน้ำรักษา ผีเสื้อน้ำได้พรจากท้าวเวสสวัณว่าให้จับคนที่ลงสระกินได้ทุกคน ยกเว้นคนที่รู้เทวธรรม ด้วยเหตุนี้ เมื่อสุริยกุมารทรงก้าวลงสระ จึงถูกผีเสื้อน้ำจับตัวไว้ ผีเสื้อน้ำถามกุมารน้อยว่า “ท่านรู้เทวธรรมหรือไม่”
@@@@@@
สุริยกุมารตรัสตอบว่า “พระจันทร์และพระอาทิตย์คือเทวธรรม”
“ท่านไม่รู้เทวธรรม” ผีเสื้อน้ำตอบทันควัน แล้วจับตัวสุริยกุมารลงไปยังภพของตน
เมื่อทรงเห็นว่าสุริยกุมารไม่กลับมาเสียที มหิสสาสกุมารจึงส่งจันทกุมารไปตาม เมื่อผีเสื้อน้ำถามว่า “ท่านรู้เทวธรรมหรือไม่”
จันทกุมารทรงตอบวา่ “ทิศทั้ง 4 ชื่อว่าเทวธรรม” สิ้นเสียงจันทกุมารก็ถูกผีเสื้อน้ำจับตัวไปอีกคน
เมื่อทรงเห็นจันทกุมารช้าอยู่ พระโพธิสัตว์หรือมหิสสาสกุมารจึงเสด็จไปที่สระด้วยพระองค์เอง ทรงเห็นรอยเท้าแห่งพระอนุชาท้ั้งสอง จึงทรงทราบว่า “สระนี้มียักษ์รักษา” จึงทรงสอดพระขรรค์ ถือธนูยืนอยู่ เมื่อผีเสื้อน้ำถามถึงเทวธรรม พระโพธิสัตว์ทรงกล่าวเทวธรรมว่า
“บุคคลผู้สมบูรณ์ด้วยหิริโอตตัปปะ ตั้งมั่นอยู่ในธรรมขาว (กุศลธรรม) เป็นผู้สงบ เป็นสัตบุรุษในโลก นั่นแหละท่านเรียกว่า ‘ผู้มีเทวธรรม’ คือ ธรรมของผู้เป็นเทพ”
@@@@@@
ผีเสื้อน้ำฟังแล้วเลื่อมใส “ท่านเป็นบัณฑิต เป็นผู้รู้เทวธรรม ข้าพเจ้าจะให้น้องชายของท่านคนหนึ่ง ท่านต้องการคนใด”
“ข้าพเจ้าต้องการน้องชายคนเล็กก่อน” พระโพธิสัตว์ทรงกล่าว
ผีเสื้อน้ำหัวเราะพลางกล่าวว่า “ท่านรู้เทวธรรมอย่างเดียวเท่านั้น หาปฏิบัติเทวธรรมไม่ ท่านให้นำน้องชายคนเล็กมา ท่านได้ชื่อว่ามิได้ประพฤติอปจายิกกรรม (ความเคารพ อ่อนน้อม) ต่อผู้เจริญ ต่อผู้มีอายุสูงกว่า”
พระโพธิสัตว์ทรงกล่าวตอบว่า “ฉันทั้งรู้เทวธรรมและ ประพฤติเทวธรรม ฉันต้องเข้าป่าเพราะน้องชายคนนี้เป็นเหตุ หากน้องคนนี้ตายไป แม้จะบอกว่ายักษ์กินน้องแล้ว ก็คงไม่มีใครเชื่อ และคงคิดว่าฉันฆ่าน้องเป็นแน่แท้”
พระโพธิสัตว์ตรัสเล่าเรื่องทั้งปวง ผีเสื้อน้ำยิ่งเลื่อมใสมากขึ้น “ท่านบัณฑิต! ท่านรู้ทวธรรมและประพฤติเทวธรรมด้วย”
@@@@@@
ผีเสื้อน้ำนำจันทกุมารและสุริยกุมารมามอบคืนให้ พระโพธิสัตว์จึงทรงได้พรรณนาโทษแห่งความเป็นยักษ์ ทรงโน้มน้าวให้ผีเสื้อน้ำเลิกกินคนและดำรงตนอยู่ในศีล 5
จากนั้นเป็นต้นมา พระโพธิสัตว์และน้องชายทั้งสองก็ทรงพำนักอย่ใูนป่า โดยมีผีเสื้อน้ำช่วยรักษาคุ้มภัยให้ตลอดมา จนกระทั่งพระราชบิดาสวรรคต จึงทรงกลับมาสู่เมืองพาราณสี ทรงพาผีเสื้อน้ำมาด้วย เมื่อได้ครองราชย์แล้ว ก็พระราชทานตำแหน่งอุปราชแก่จันทกุมาร ตำแหน่งเสนาบดีแก่สุริยกุมาร โปรดให้สร้างที่อยู่อันเป็นรมณียสถานแก่ผีเสื้อน้ำ
พระศาสดาตรัสสรุปชาดกว่า
“จันทกุมารในครั้งนั้นมาเป็นพระสารีบุตร สุริยกุมารเป็นพระอานนท์ ผีเสื้อน้ำหรือรากษส (ยักษ์) เป็นภิกษุผู้มีของมาก ส่วนมหิสสาสกุมารคือเราตถาคตนี่เอง” ที่มา : นิตยสาร Secret
เรื่อง : เก็บมาเล่าโดย ขวัญ เพียงหทัย
ภาพ : deco53
Secret Magazine (Thailand) , IG @Secretmagazine
ขอบคุณเว็บไซต์ :
https://goodlifeupdate.com/healthy-mind/124020.htmlคอลัมน์ธรรมะ : มหิสสาสกุมาร พระราชโอรสผู้มีเทวธรรม
By Alternative Textying , 18 November 2018