ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: ประชานิยมแนวพุทธ : ให้แก่คนที่ควรจะได้รับ  (อ่าน 898 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 29340
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0



 :96: :96: :96: :96:

ประชานิยมแนวพุทธ : ให้แก่คนที่ควรจะได้รับ

สังคหวัตถุของผู้ครองแผ่นดิน หรือราชสังคหวัตถุ 4 ประการ ซึ่งเป็นธรรมเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจของประชาชน หรือหลักการสงเคราะห์ประชาชนของนักปกครอง คือ

     1. สัสสเมธะ อันได้แก่ความฉลาดในการบำรุงพืชพันธุ์ธัญญาหาร หรือส่งเสริมการเกษตร
     2. ปุริสเมธะ อันได้แก่ความฉลาดในการบำรุงข้าราชการ หรือการรู้จักส่งเสริมคนดีมีความสามารถ
     3. สัมมาปาสะ อันได้แก่การรู้จักผูกผสานรวมใจประชาชน ด้วยการส่งเสริมอาชีพ เช่น ให้คนจนกู้ยืมเงินไปเป็นทุนทำการค้าขาย เป็นต้น
     4. วาชเปยะหรือวาชเปยยะได้แก่ การรู้จักพูด รู้จักปราศรัย ไพเราะ สุภาพนุ่มนวล มีเหตุผลประกอบด้วยประโยชน์ ก่อให้เกิดความสามัคคีและเป็นที่นิยมเชื่อถือ


@@@@@@

ทั้ง 4 ประการนี้คือ คำสอนของพระพุทธเจ้า ซึ่งสอนโดยการปฏิรูปคำสอนของพราหมณ์ในส่วนที่เกี่ยวกับมหายัญ 5 ประการ

     1. สัสสเมธะ การฆ่าม้าบูชา
     2. ปุริสเมธะ การฆ่าคนบูชา
     3. สัมมาปาสะ ยัญที่สร้างแท่นบูชาที่ขว้างไม้ลวดบ่วงไปหล่นลง
     4. วาชเปยะ การดื่มเพื่อพลังหรือเพื่อชัย
     5. นิรัคคฬะ หรือสรรพเมธะ ยัญไม่มีลิ่มสลักคือ ทั่วไปไม่มีขีดจำกัด หรือการฆ่าครบทุกอย่างบูชายัญ

@@@@@@

คำสอนซึ่งเกิดจากการปฏิรูปศาสนาพราหมณ์มีที่มาปรากฏอยู่ในกูฏทันตสูตร พระไตรปิฎกเล่มที่ 9 ซึ่งมีเนื้อความโดยย่อดังนี้

พระผู้มีพระภาคเสด็จไปในแคว้นมคธ พร้อมด้วยสงฆ์หมู่ใหญ่ เสด็จและพัก ณ บ้านพราหมณ์ชื่อ ขานุมัตตะ ประทับ ณ อัมพลัฏฐิกา ในเวลานั้น กูฏทันตพราหมณ์เตรียมยัญพิธี โดยนำโคตัวผู้ 700 ตัว ลูกโคตัวผู้ 700 ตัว ลูกโคตัวเมีย 700 ตัว แพะ 700 ตัว แกะ 700 ตัว ผูกติดกับเสาเพื่อบูชายัญ

พราหมณ์คฤหบดีชาวขานุมัตตะ ทราบว่าพระพุทธเจ้าเสด็จมา และเป็นผู้มีกิตติศัพท์ขจรขจายไปว่าเป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นต้น ก็เดินทางเป็นหมู่ๆ เพื่อเข้าเฝ้า  กูฏทันตพราหมณ์เห็นเข้าถามทราบเรื่อง จึงสั่งให้รอ ตนจะไปเฝ้าด้วย แต่ถูกพราหมณ์ที่เดินทางมา(เพื่อรับของถวาย)ในมหายัญคัดค้าน


@@@@@@

และกูฏทันตพราหมณ์ได้ตอบโต้โดยอ้างความยิ่งใหญ่ของพระผู้มีพระภาค โดยพระชาติ โดยละทรัพย์สมบัติ ออกผนวช โดยเป็นกัมมวาที กิริยาวาที (กล่าวว่าทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว) ออกบวชจากสกุลกษัตริย์อันสูง ไม่เจือปนด้วยสกุลอื่น ออกบวชจากสกุลมั่งคั่ง มีทรัพย์มาก มีคนจากรัฐอื่น จากชนบทอื่นมากราบทูลถามปัญหา มีเทพยดาอเนกอนันต์ พวกมิถึงสมณโคดมเป็นสรณะ มีกิตติศัพท์ขจรขจายไปว่าเป็นอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นต้น

     โดยประกอบด้วยมหาบุรุษ 3 ประการ โดยทรงต้อนรับปราศรัยให้บันเทิง มีบริษัท 4 เคารพนับถือ มีเทวดาและมนุษย์ทั้งหลายเลื่อมใสยิ่ง ประทับในคามนิคมใดๆ อมนุษย์ก็ไม่เบียดเบียนในที่นั้น
     โดยมีผู้กล่าวว่า ทรงเป็นคณาจารย์เลิศกว่าเจ้าลัทธิเป็นอันมาก มีพระยศเฟื่องฟุ้งไป เพราะความรู้ ความประพฤติ ไม่เหมือนสมณพราหมณ์เหล่านั้น พระเจ้ากิมพิละ พร้อมทั้งโอรส มเหสี บริษัท และอำมาตย์ พระเจ้าปเสนทิโกศล พร้อมทั้งโอรส ฯลฯ โปกขรสาติพราหมณ์ พร้อมบุตร ภริยา ฯลฯ ก็ถึงพระสมณโคดมเป็นสรณะ เมื่อเสด็จมา
     จึงชื่อว่า เป็นแขกที่เราพึงถวายความเคารพสักการะ ด้วยเหตุนี้จึงไม่ควรที่ให้พระองค์มาหาเรา การที่เราจะไปหาพระองค์

เมื่อกูฏทันตพราหมณ์กล่าวพรรณนาพระคุณของพระพุทธเจ้าอย่างนี้ พราหมณ์ที่คัดค้านก็กล่าวว่า ถ้าสมณโคดมเป็นเช่นที่ท่านกล่าวนี้ แม้อยู่ไกลร้อยโยชน์ ก็ควรที่จะสะพายเสบียงเดินทางไปเฝ้า ในที่สุด จึงร่วมกันไปเฝ้าทั้งหมด

@@@@@@

กูฏทันตพราหมณ์ได้กราบทูลถามให้ทรงอธิบายยัญญสัมปทา (ความถึงพร้อมแห่งยัญ 3 ประการ อันมีส่วนประกอบ 16 อย่าง)

     พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ถึงพระเจ้ามหาวิชิตในอดีตกาล เป็นผู้สมบูรณ์ด้วยทรัพย์ ได้ชัยชนะทั่วปฐพีมณฑลใคร่จะบูชายัญ เพื่อประโยชน์และความสุข จึงเรียกพราหมณ์ปุโรหิตมาช่วยสอนวิธีบูชามหายัญนั้น

     พราหมณ์ปุโรหิตสอนให้ปราบโจรผู้ร้ายก่อน แต่ไม่ใช่ด้วยการฆ่าหรือจองจำ เพราะพวกที่เหลือจะเบียดชนบทในภายหลัง แต่ให้ถอนรากโจรผู้ร้าย (ด้วยการจัดการด้านเศรษฐกิจให้ดี) คือ
      - แจกพันธุ์พืชให้กสิกรในชนบทที่มีความอุตสาหะในการประกอบอาชีพ
      - ให้ทุนแก่พ่อค้าที่มีความอุตสาหะในการทำการค้า
      - ให้อาหารและค่าจ้างแก่ข้าราชการ (ให้ทุกคนมีอาชีพ มีรายได้)
     พระราชทรัพย์ก็จะเพิ่มพูน ชนบทก็จะไม่มีเสี้ยนหนาม มนุษย์ทั้งหลายก็จะรื่นเริง อุ้มบุตรให้ฟ้อนอยู่บนอก ไม่ต้องปิดประตูบ้าน

@@@@@@

ทั้งหมดที่นำมาเสนอเป็นส่วนหนึ่งของกูฏทันตสูตร ซึ่งเป็นที่มาของราชสังคหวัตถุ 4 หรือจะเรียกว่า ศาสตร์พระราชาที่ว่าด้วยการปกครองก็คงจะได้ โดยนัยแห่งข้อแนะนำของพราหมณ์ปุโรหิต จะเห็นได้ว่า เป็นการแก้ปัญหาสังคมโดยใช้แนวทางเศรษฐกิจ ในทำนองเดียวกันกับนโยบายประชานิยมในปัจจุบัน

แต่ประชานิยมตามแนวทางของพุทธ เน้นประโยชน์ของผู้รับ คือให้โดยคำนึงถึงประโยชน์ของผู้รับ แต่ประชานิยมในปัจจุบันให้เพื่อประโยชน์ทางการเมืองของผู้ให้ โดยมีผู้รับเป็นองค์ประกอบในการแสวงหาคะแนนนิยมของผู้ให้ ทั้งนี้จะเห็นได้จากการเปรียบเทียบดังต่อไปนี้

     1. การให้ตามแนวทางของพุทธ เป็นการให้โดยการคัดเลือกผู้รับที่มีความขยันหมั่นเพียรในการประกอบอาชีพ ส่วนการให้ในรูปแบบประชานิยม เป็นการให้แบบเหวี่ยงแห โดยไม่กำหนดว่าจะต้องเป็นคนขยัน ประกอบอาชีพแต่ให้แก่ทุกคนที่มาลงทะเบียนว่าเป็นคนจน โดยไม่มีการสอบจนเพราะอะไร และควรจะได้รับการช่วยเหลือหรือไม่ และได้รับการช่วยเหลือแล้วจะทำให้พ้นจากภาระความยากจนหรือไม่

     2. การให้ตามแนวพุทธ เป็นการให้เพื่อการลงทุน และมีรายได้คืนมา แต่การให้ในรูปแบบของประชานิยม เป็นการให้เพื่อให้เกิดการจ่าย สุดท้ายเงินที่ให้คนจน ก็ไปอยู่ในกระเป๋าคนรวย ซึ่งเป็นผู้ประกอบการผลิตและขายสินค้า จึงพูดได้ว่า ประชานิยมในรูปแบบของนักการเมือง แท้จริงแล้วก็คือการเพิ่มรายได้ให้แก่คนรวย โดยผ่านทางคนจนนั่นเอง


ขอบคุณที่มา :-
https://mgronline.com/daily/detail/9620000001957
เผยแพร่ : 7 ม.ค. 2562 12:31, โดย : สามารถ มังสัง
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ