ขนบประเพณี - สักวา ไหว้ครู
สาธุสะจะขอไหว้ พระศรีไตรสรณา
พ่อแม่แลครูบา เทวดาในราศี
ข้าเจ้าเอากอขอ เข้ามาต่อกอกา
มีใส่ไว้ในเท่านี้ ขออย่ามีที่โทษา
นี่เป็นบทไหว้ครูที่เราคุ้นกันมากจากกาพย์พระไชยสุริยาของพระสุนทรโวหาร (ภู่) หรือที่เราเรียกท่านตามฉายาที่ชาวบ้านเรียก ๆ กันว่า "สุนทรภู่" กวีสี่แผ่นดินต้นรัตนโกสินทรสมัย หนังสือซึ่งถือเป็นหนังสือเรียนได้ เพราะสอนวิธีการเรียนหนังสือไทยอย่างสนุก โดยเอาคำประพันธ์มาล่อ ซึ่งก็จะทำให้จำได้ง่าย ต่อมาสมัยรัชกาลที่ ๕ - ๖ พระยาศรีสุนทรโวหาร (น้อย อาจารยางกูร) ได้นำมาเป็นตัวอย่างการประสมอักษรในตำราเรียนของท่านที่เรียกว่า "มูลบทบรรพกิจ"การกระทำอะไรต่าง ๆ ของคนไทยนั้น โดยเฉพาะในกิจกรรมพิธีกรรมต่าง ๆ มักจะเริ่มด้วยการไหว้ครูก่อนเพราะถือว่า ทุกสิ่งทุกอย่างมีครู ถ้าได้คารวะครูบาอาจารย์แล้ว จะเป็นมลคลทำอะไรก็ไม่ติดขัด ตรงกันข้ามกับการทำอะไรอย่างไม่คารวะ คนไทยจะรู้สึกไม่ค่อยปลอดโปร่ง โดยเฉพาะในการศิลปะแล้ว จะมีการเคารพครูเป็นอย่างสูง และถือเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์จริงจังมาก จะทำอย่างสุกเอาเผากินหรือลือเลียนไม่ เยาวชนจึงได้รับการสอนให้รู้จัก มาตั้งแต่เยาว์วัยและนับว่าเป็นสิ่งที่มีคุณค่ายิ่งที่กวีเก่า ๆ ท่านได้กรุณาแต่งบทไหว้ครูให้อนุชนได้ท่องจำได้ใช้เป็นเครื่องพลี บทไหว้ครูใคร ๆ ก็ต้องผ่านและมักจะจำกันได้นั้นคือ
ปาเจรา จริยา โหนติ คุณุตรานุสาสกา
ข้าขอประณตน้อมสักการ บูรพคณาจารย์
ผู้กอปรเกิดประโยชน์ศึกษา ทั้งท่านผู้ประสาทวิชา
อบรมจริยา แก่ข้าในกาลปัจจุบัน ข้าขอเคารพอภิวันท์
ระลึกคุณอนันต์ ด้วยใจนิยมบูชา ขอเดชกตเวทิตา
อีกวิริยะพา ปัญญาให้เกิดแตกฉาน
ศึกษาสำเร็จทุกประการ อายุยืนนาน
อยู่ในศีลธรรมอันดี ให้ได้เป็นเกียรติเป็นศรี
ประโยชน์ทวี แก่ชาติและประเทศไทยเทอญ
ปัญญาวุฒิ กเรเตเต ทินโนวาเท นมามิหัง
(เพื่อสะดวกแก่การอ่าน ขออนุญาตเขียนเป็นการสะกดการันต์แบบไทย โดยเฉพาะภาษาบาลีที่กำกับตอนต้นและตอนท้าย)
กาพย์ฉบัง ๑๖ ที่เราสวดในวันไหว้ครูทุก ๆ ปีนี้มีคุณค่าทางจิตใจแก่เราเป็นอันมาก จะทำการใดต่อ ๆ ไปรู้สึกอบอุ่นใจว่าเป็นศิษย์มีครู มีผู้คอยสอดส่องดูแลให้เราทำได้ดีถูกต้อง ในวงการศิลปะไม่ว่าจะเป็นดนตรี นาฏศิลป์ สถาปัตยกรรม ประติมากรรม จิตรกรรม วิศวกรรม ฯลฯ
ล้วนมีการไหว้ครูก่อนแสดงทั้ง พวกดนตรี นาฏศิลป์ จึงมักจะมีพิธีไหว้ครู ครอบศีรษะก่อนจะแสดงหรือออกไปประกอบกิจกรรมเสมอ มักมีพิธีใหญ่โตเป็นประจำทุกปี ครูของช่างทั้งหลายทั้งปวงนั้น มักจะเป็นพระพิฆเณศร หรือพระวิษณุกรรม พระประโคนธรรพ ครูของวรรณศิลป์จะเป็นพระสุรัสวดี เป็นต้นในวงการศิลปะทั้งมวล ผู้ประกอบการศิลปะมักจะแสดงความเคารพทุกครูบาอาจารย์อย่างจริงใจ แม้แต่ ครูพักลำจำคือ จำเอาจากที่ได้เห็น ได้ยิน ได้ฟังมาก็ถือเป็นครู ผู้ใดลบหลู่ดูหมิ่น ไม่เคารพครูบาอาจารย์มักไม่ค่อยเจริญ ในการแสดงทางศิลปะ การไหว้ครูจึงเป็นสิ่งที่ขาดเสียมิได้ พิธีกรรมในการจัดไหว้ครูนั้น เป็นสิ่งที่ควรรู้และระลึกไว้เสมอว่า ผู้หวังเจริญในการประกอบศิลปะทั้งหลายทั้งปวง การไหว้ครูเป็นสิ่งที่ขาดมิได้
การไหว้ครูของการแสดงต่าง ๆ มักจะมีลักษณาการใกล้เคียงกัน ในที่นี้จะขอยกตัวอย่าง การไหว้ครูในการแสดงสักวามาเป็นเครื่องรำลึกพอควรแก่กรณี ในหนังสือ ประชุมบทสักวาที่เล่นถวายในรัชกาลที่ ๕ ซึ่งสมาคมนิสิตเก่าคณะอักษรศาสตร์ จุฬาฯ จัดพิมพ์เป็นครั้งที่สามใน พ.ศ. ๒๕๓๔ มีบทไหว้ครูที่ขอยกมาเป็นตัวอย่าง บทไหว้ครูของอาลักษณ์ เล่นถวายที่พระที่นั่งสนามจันทร์ เมื่อวันพุธ แรม ๑ ค่ำ เดือน ๑๐ ปีวอก จัตวาศก ๑๒๓๔ มีว่าสักวาขอบังคมประนมน้อม พระจุลจอมเกล้าเกษกษัตริย์ฉัตรเฉลิม
วงอาลักษณ์จักสนองร้องประเดิม เป็นบทเริ่มเพิ่มพระบารมี
แม้กล่าวคำลำพองคะนองจิต มิได้คิดสอบสวนดูถ้วนถี่
ขอพระคุณมุลิกาฝ่าธุลี อย่าได้มีโทษาแก่ข้าเอย
บทนี้ถือว่า องค์ประธานคือ สมเด็จพระจุลจอมเกล้าฯ ทรงเป็นประมุขสูงสุดในที่นั้น จึงมิต้องไหว้ครูอื่น ๆ เหมือนที่ผู้ใหญ่สั่งสอนว่า ถ้าไปในงานใดที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จประทับ ณ ที่นั้น เราจะต้องไม่ไปยกมือไหว้คนอื่นใดในบริเวณนั้นอีก นี่คือวัตรที่ถูกต้อง แต่คนเราออกจะรู้สึกว่าตนจะไม่เป็นที่น่าดู ถ้าไม่แสดงควมเคารพคนที่รู้จักกัน กลัวจะถูกตำหนิได้
ส่วนวง “ พระองค์เจ้าประเสริฐศักดิ์” ทรงบทไหว้ครูว่า
สักวามาบังคมประนมบาท บรมไทธิราชนรังสรรค์
มิ่งมงกุฏอยุธยาทั่วสามัญ ดังฉัตรแก้วกางกั้นสยามภพ
ทรงปัญญาดังมหากระแสสินธุ์ มิรู้สิ้นไหลหลั่นพลั่งตระหลบ
บำรุงเมืองเรืองรองอร่ามครบ ขจรจบเกียรติยศปรากฏเอย
ในยุคปัจจุบัน สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีเคยทรงบทไหว้ครูไว้ อย่างครั้งที่ทรงสักวาครั้งแรกของพระองค์ ณ ศูนย์วิจัยวัฒนธรรมเอเชียอาคเนย์ มหาวิทยาลัยมหิดล ตำบลศาลายา จังหวัดนครปฐม เมื่อ ๒๓ ตุลาคม ๒๕๓๐ ดังนี้
สักวาไหว้ครูผู้สอนสั่ง ไหว้ทุกท่านที่นั่งอยู่ที่นี่
ล้วนแต่เป็นนักปราชญ์จอมกวี อาวุโสศักดิ์ศรีเป็นอาจารย์
ไม่เคยเล่นสักวาข้าอ่อนหัด กลอนติดขัดจงช่วยด้วยสงสาร
มาวันนี้หวังใจให้เบิกบาน คุณครูท่านโปรดสงเคราะห์ให้เหมาะเอย
ครั้งที่สองเมื่อทรงสักวาที่วังบ้านปลายเนิน ๒๖ กันยายน ๒๕๓๑ พระองค์ทรงไหว้ครูว่า
สักวาน้อมเบญจางคประดิษฐ์ ไหว้ไตรรัตน์ประสิทธิ์ประเสริฐผล
ดุลแสงสูรย์ส่องสว่างกระจ่ายมน เชิดชูชนพ้นวิสัยแห่งภัยพาล
ไหว้คุณครูอาจารย์ชาญวิชา ศิลปะทุกสาขารู้แตกฉาน
เพียรสอนสั่งด้วยเมตตามาก็นาน ขอให้ท่านช่วยวันนี้กลอนดีเอย
นักกลอนชั้นครูในยุคปัจจุบันหลายท่านที่เคยแต่งบทสักวาไหว้ครูได้น่าฟัง ม ร ว ศึกฤทธิ์ ปราโมช เคยแสดง ณ สังคีตศาลา เมื่อ ๑๗ พฤษภาคม ๒๕๐๒ ในการเล่นสักวาเรื่องสังข์ทอง ไว้ว่า
สักวาประนมนิ้วขึ้นเหนือเศียร ต่างธูปเทียนดอกไม้ทองของถวาย
ไหว้พระแก้วทั้งสามอร่ามราย ที่ส่องสายทางเลิศเกิดปัญญา
ไม่ไหว้ครูอื่นใดในพิภพ ผู้แจ้งจบเกินพระพุทธสุดจักหา
ไม่มีศาสตร์ใดล้ำพระธรรมา พระสงฆ์สาวกวิมุติสุดเปรียบเอย
นับเป็นบทไหว้ครูชั้นครูทีเดียว บทนี้ร้องด้วยเพลงพระทอง อาจารย์มนตรี ตราโมท ผู้เชี่ยวชาญนาฏศิลป์ – ดนตรี กรมศิลปากร เคยบอกบทไหว้ครูในการแสดงสักวาเรื่องขุนช้างขุนแผน ทีหอประชุมจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยในวาระถวายพระพรปีใหม่ ๑๒ มกราคม ๒๕๐๓ ว่า
สักวาถวายบังคมบรมบาท ภูวนาถนฤบดินทร์ปิ่นเกศี
ทั้งสมเด็จพระบรมราชินี พระบารมีปกเกล้าฯ เหล่าสักวา
ขอถวายพระพรทวีในปีใหม่ ให้สองไท้ทรงเกษมสุขหรรษา
พระชนม์ธำรงรัฐวัฒนา ปกประชาไทยระรื่นฉ่ำชื่นเอย
ที่มา http://www.culture.go.th/knowledge/story/vid/teacher/vid.html
ทุกท่านครับ คงไม่ต้องบอกว่า ณ โอกาสนี้เพื่อใคร
คุณครูทุกท่านครับ คำเรียกว่า ครู กับ อาจารย์ ได้ยินแล้วให้ความรู้สึกอย่างไรครับ
ผมไม่ใช่ครู ขออนุญาตสงสัย
อีกอย่าง คำไหว้ครูที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบัน(ปาเจราฯ) ผมหาประวัติไม่ได้
หวังใจเป็นอย่างยิ่งว่า คุณครูจะมีคำตอบให้ นักเรียนคนไหนทราบ ก็ตอบได้นะครับ
ขอให้ธรรมคุ้มครอง