ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: พระบรมธาตุไชยา สถูปแห่งศรัทธา  (อ่าน 1246 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 29485
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
พระบรมธาตุไชยา สถูปแห่งศรัทธา
« เมื่อ: มิถุนายน 23, 2019, 06:15:56 am »
0


ซีเคร็ตทริป : พระบรมธาตุไชยา สถูปแห่งศรัทธา

เหมือนความฝันที่เห็นได้ทั้งที่ยังตื่น พระบรมธาตุองค์นี้ ได้ยินชื่อมาตั้งแต่วัยเยาว์ และเห็นภาพจากหน้าจอโทรทัศน์ เราได้มีโอกาสมาเยี่ยมเยือน กราบพระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้าที่ประดิษฐานใน พระบรมธาตุไชยา

ซีเคร็ตได้ร่วมเดินทางไปกับคณะบุญจาริกในกิจกรรมของหอจดหมายเหตุพุทธทาส อินทปัญโญ หรือสวนโมกข์กรุงเทพเนื่องใน ” งานบุญล้ออายุครบรอบ 112 ปี พุทธทาสภิกขุ ตามรอยโบราณคดีเขาศรีวิชัย  รอบอ่าวบ้านดอน ” เป็นครั้งแรกที่มีโอกาสได้เดินทางไปจังหวัดสุราษฎร์ธานีด้วยรถไฟ

งานล้ออายุท่านพุทธทาสภิกขุจัดขึ้นทุกปี เนื่องในวันเกิดของท่าน คนที่มาร่วมงานนี้ต้องอดอาหารตั้งแต่เช้าจนถึงเที่ยงคืน ที่มาของการอดอาหารนั้นผู้ร่วมคณะบุญจาริกเล่าให้ฟังว่า ตอนที่ท่านพุทธทาสภิกขุมีชีวิตอยู่ พอถึงวันเกิดท่านก็จะมีลูกศิษย์นำของขวัญมาถวาย ท่านไม่อยากได้ลาภสักการะจึงบอกลูกศิษย์ว่า “ไม่ต้องเอาของขวัญมาให้ อดอาหารให้ก็พอ” เจ้าหน้าที่สวนโมกข์กรุงเทพเล่าให้ฟังว่า เมื่อก่อนที่สวนโมกข์กรุงเทพจะอดอาหารในวันเกิดของเพื่อนร่วมงาน แต่หลัง ๆ มานี้ มีเพื่อนร่วมงานเยอะขึ้น หลายคนเกิดวันติด ๆ กัน ทำเอาแย่อยู่เหมือนกัน (สงสัยน่าจะเลิกการอดอาหารไปแล้ว)

@@@@@@

แม้ท่านพุทธทาสภิกขุจะไม่อยู่แล้ว ธรรมเนียมการอดอาหารในวันเกิดของท่าน หรือที่เรียกกันว่า “วันล้ออายุ” ยังมีสืบมาจนถึงทุกวันนี้ ในวันนั้นทำเอาเกือบแย่เหมือนกัน แต่ยึดหลักขันติเพื่อทดสอบตนเองได้จนถึงวันรุ่งขึ้น นับว่าเป็นอีกประสบการณ์หนึ่งในชีวิตเลยก็ว่าได้

ก่อนที่จะถึงวันล้ออายุของท่านพุทธทาสภิกขุ คณะบุญจาริกได้มีโอกาสตามรอยท่านพุทธทาสภิกขุไปยังแหล่งโบราณคดีที่เกี่ยวข้องกับอาณาจักรศรีวิชัย ทำให้ทราบว่าท่านพุทธทาสภิกขุนอกจากจะปราดเปรื่องในเรื่องธรรมะ โดยนำคำสอนของพระพุทธเจ้ามาสอนให้พุทธศาสนิกชนเข้าใจง่ายแล้ว ยังมีความรู้ในด้านโบราณคดีอีกด้วย

คณะของเราได้จาริกไปอีกหลายที่ เช่น โบราณสถาน เขาศรีวิชัย,  ตามรอยรอบอ่าวบ้านดอน ไปตามวัดและสถานที่เกี่ยวกับท่านพุทธทาสภิกขุ ได่แก่ โรงเรียนที่ท่านพุทธทาสเคยเรียนสมัยเป็นฆราวาส ในวันนั้นมีวัดพระบรมธาตุไชยาเป็นสถานที่ที่คณะบุญจาริกแวะเยี่ยมชมด้วย

วัดบรมธาตุไชยามีความสำคัญต่อการเกิดผลงานที่แสดงให้เห็นว่าท่านพุทธทาสภิกขุสนใจเรื่องโบราณคดีด้วย คือ ท่านเคยเป็นเจ้าอาวาสวัดนี้ และผลงานที่โด่ดเด่นคือการจัดสร้างอาคารพิพิธภัณฑ์ เพื่อจัดเก็บโบราณวัตถุ ด้วยรายได้จากการขายหนังสือของท่านเรื่อง “แนวสังเขปของโบราณคดี รอบอ่าวบ้านดอน”


พระบรมธาตุไชยา

แนวสังเขปของโบราณคดี รอบอ่าวบ้านดอน เป็นหลักฐานที่แสดงถึงความรู้ทางโบราณคดีของท่าน ว่าเป็นผูสงสัยใคร่รู้เรื่องภูมิหลังของบ้านเกิดที่ท่านรัก และความสำคัญของเมืองไชยาในฐานะที่อาจเป็นอาณาจักรศรีวิชัย

ได้สอบถามคุณสุรเชษฐ์ แก้วสกุล นักวิชาการอิสระด้านประวัติศาสตร์ท้องถิ่น ซึ่งศึกษาเรื่องพระบรมธาตุไชยา และเรื่องวัดในพื้นที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้มาร่วมทริปกับหอจดหมายเหตุพุทธทาส อินทปัญโญว่า ท่านพุทธทาสภิกขุเริ่มมีความสนใจด้านโบราณคดีตั้งแต่เมื่อไร

“ที่จริงท่านสนใจมานานแล้ว แต่ที่มาชัดเจนคือตอนที่ท่านมาเป็นเจ้าอาวาสที่วัดแห่งนี้ แล้วเริ่มมีการดูแลวัตถุโบราณ และกลายเป็นพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ไชยา อย่างในปัจจุบัน“

พระบรมธาตุไชยา

จึงได้ความว่า ในสมัยพระครูโสภณเจตสิการาม เป็นเจ้าอาวาสได้นำวัตถุโบราณมาเก็บรักษาไว้ในพระวิหารหลวง ต่อมากรมศิลปากรรับเป็นสาขาหนึ่งของพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ จึงเป็นพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติประจำจังหวัดสุราษฎร์ธานี สมัยท่านพระครูอินทปัญญาจารย์ (พุทธทาสภิกขุ) เข้ามารับตำแหน่งเป็นเจ้าอาวาส จึงได้ดำรงตำแหน่งเป็นผู้อำนวยการพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ไชยา ด้วย
 
พระบรมธาตุไชยา

เมื่อก้าวเข้ามาภายในวัดพระบรมธาตุไชยา จะเห็นกลุ่มอาคารวางตัวเรียงกันตามทิศตะวันออกไปทิศตะวันตกดังนี้คือ วิหารหลวงขนาดใหญ่ โดยมีเจดีย์ขนาดใหญ่สร้างครอบพระพุทธรูปหินทรายแดงอยู่ฝั่งหนึ่ง อีกฝั่งหนึ่งเป็นต้นพระศรีมหาโพธิ์ และพระพุทธรูปหินทรายแดงขนาดใหญ่สามองค์ ท้ายของวิหารหลวงยาวล้ำเข้าไปในระเบียงคด หรือที่ชาวไชยาเรียกว่า "พระเวียน" ซึ่งล้อมรอบองค์พระบรมธาตุเอาไว้

ภายในพระเวียนนอกจากองค์พระบรมธาตุแล้วยังมีเจดีย์ขนาดเล็ก 4 องค์ตั้งอยู่มุมทั้ง 4  ของสระที่ขุดเพื่อเปิดให้เห็นฐานทั้งหมดขององค์พระบรมธาตุที่บางส่วนเคยจมอยู่ใต้ดินเนื่องจากการค่อย ๆ ทับถมของดินตะกอนตลอดระยะเวลานับพันปีที่ผ่านมา และด้านหลังของระเบียงคดคือโบสถ์

องค์พระบรมธาตุหันหน้าไปทางทิศตะวันออก สีขาวตระหง่าน ตามหน้าบัน และซุ้มเล็ก ๆ บนองค์พระบรมธาตุมีลายปูนปั้นลงรักปิดทองงดงามน่าชมเป็นอย่างยิ่ง ลายเหล่านี้ผ่านการทำนุบำรุงซ่อมแซม และเปลี่ยนแปลงมานับครั้งไม่ถ้วนตลอดระยะเวลานับพันปีหลังจากองค์พระบรมธาตุถูกสร้างขึ้น จึงเป็นการยากยิ่งที่จะบอกได้ว่าลายตรงจุดใด คือลายสมัยแรกเริ่ม และลายทั้งหมดนี้มีความหมายอย่างไร

@@@@@@

ลายบนองค์พระบรมธาตุที่เห็นในปัจจุบันส่วนใหญ่เป็นของที่เกิดจากการปั้นซ่อมในสมัยรัชกาลที่ 5 โดยนายนุ้ย ดีฮกเกี้ยน ชาวหลังสวน นายนุ้ยคนนี้เดิมเป็นคนรับใช้ของลูกชายเจ้าเมืองหลังสวน ที่ออกบวชและเดินทางมาจำพรรษาที่เมืองพุมเรียง อำเภอไชยา ในช่วงเวลาที่เกิดการซ่อมองค์พระบรมธาตุ จึงได้ฝากฝีมือเอาไว้จนปัจจุบัน ด้วยเหตุนี้จึงปรากฏลายมงคลอย่างจีนมากมายหลายจุดบันองค์พระบรมธาตุ

ลายหน้าบันทางเข้าสู่ห้องคูหาทางด้านทิศตะวันออกนั้น เป็นการปั้นเลียนแบบตราแผ่นดินสมัยรัชกาลที่ 5 โดยเปลี่ยนจากการตราอาร์มเป็นพระพุทธรูป ที่แถบแพรรอบตรานั้นยังปรากฏคาถาบาลีว่า “สพฺเพสํ สงฺฆภูตานํ สามคฺคี วุฑฺฒิสาธิกา” แปลว่า “ความเป็นผู้พร้อมเพรียงแห่งชนผู้เป็นหมู่แล้วทั้งหลายทั้งปวงให้ความเจริญสำเร็จ” ดุจเดียวกับที่ปรากฏอยู่บนตราแผ่นดินสมัยรัชกาลที่ 5 ทุกประการ

 
พระบรมธาตุไชยา

พระอินทร์ทรงช้างเอราวัณ ทางพระพุทธศาสนาเรียกพระอินทร์ว่า “ท้าวสักกเทวราช” เป็นราชาแห่งสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ มีพาหนะเป็นช้างเอราวัณ ซึ่งช้างเอราวัณตนนี้เป็นเทพบุตร จะจำแลงกายเป็นช้างต่อเมื่อท้าวสักกเทวราชเสด็จเท่านั้น


เทพพนม หากลองสังเกตดู จะเห็นเป็นเทพบุตรพนมมือขึ้นระหว่างอก แล้วปรากฏขึ้นจากดอกบัว ซึ่งไม่ค่อยได้เห็นแบบนี้มากนัก


ลวดลายนกยูง สันนิษฐานว่าน่าจะสะท้อนความเชื่อเรื่องอดีตชาติของพระพุทธเจ้า เพราะมีอดีตพระชาติหนึ่งพระองค์เคยเสวยพระชาติเป็นพระยานกยูงทอง  ยังมีลวดลายเถาของพรรณไม้ ดอกไม้ และสัตว์มงคล ต่าง ๆ เช่น ผีเสื้อ ราชสีห์ เป็นต้น

พอกับการชมลวดลายศิลปะตกแต่งพระบรมธาตุกันก่อน เปลี่ยนมารับสาระความรู้ที่มาของพระบรมธาตุไชยากันดีกว่า พิจารณาจากรูปแบบทางสถาปัตยกรรมสันนิษฐานว่าสร้างขึ้นเมื่อประมาณพุทธศตวรรษที่ 14 – 15 องค์พระบรมธาตุมีลักษณะเป็นปราสาทจตุรมุข มีคูหาด้านใน ยอดของพระบรมธาตุประดับด้วยสถูปองค์เล็ก ๆ เรียกว่า สถูปิกะ องค์ประกอบทางสถาปัตยกกรรมหลาย ๆ ส่วนอาทิ เสาประดับเรือนธาตุ แสดงให้เห็นอิทธิพลของศิลปะจาม ซึ่งเป็นอาณาจักรโบราณแห่งหนึ่งซึ่งเคยตั้งอยู่ทางตอนใต้ของประเทศเวียดนาม และได้ล่มสลายไปแล้ว

คนไทยอาจไม่คุ้ยเคยกับเรื่องราวของชนชาติจาม ซึ่งเคยเป็นชนชาติที่ยิ่งใหญ่มาก่อนอาณาจักรเขมรโบราณ และเคยมีอิทธิพลทางการเมือง และการค้าอยู่ในทะเลจีนใต้แผ่ไปถึงหมู่เกาะชวาในช่วงก่อนพุทธศตวรรษที่ 15 นอกจากอิทธิพลของศิลปะจามแล้ว ยังปรากฏอิทธิพลของศิลปะชวา ได้แก่การประดับสถูปเล็กๆ บนยอดซึ่งสอดคล้องกับลักษณะของจันทิหลายๆหลังบนหมู่เกาะชวาอีกด้วย พื้นที่เมืองไชยาตั้งอยู่บนเส้นทางของเครือข่ายทางการค้านานาชาติทางทะเล อาจจะได้รับอิทธิพลของศิลปะจาม และชวาผ่านการติดต่อค้าขาย หรืออำนาจทางการเมืองบางอย่างในห้วงเวลานี้



ไม่ปรากฏหลักฐานว่าใครเป็นผู้สร้างองค์พระบรมธาตุไชยาขึ้น เนื่องจากเกิดความเปลี่ยนแปลงเคลื่อนย้ายของผู้คนหลายต่อหลายครั้ง ทั้งไม่พบจารึกใด ๆ ซึ่งร่วมสมัยกับสถาปัตยกรรมพระบรมธาตุไชยาในพื้นที่ซึ่งอาจจะช่วยให้ความกระจ่างเกี่ยวกับเรื่องราวการสร้างได้ (ศิลาจารึกหลักที่ 23 ซึ่งกล่าวถึงการสร้างปราสาทอิฐสามหลังของพระเจ้ากรุงศรีวิชัยยังคงเป็นปัญหาว่าถูกพบที่ใดกันแน่ระหว่างไชยา กับนครศรีธรรมราช)


ขณะที่ชมความงามของพระบรมธาตุ ได้ภาวนาพุทธานุสสติถึงพระบรมสารีริกธาตุร่วมไปด้วย อนุโมทนาต่อผู้สร้างและผู้บูรณะพระบรมธาตุ ขอมอบบุญครั้งนี้ที่ได้บูชาพระบรมสารีริกธาตุแด่แฟนซีเคร็ตทุกท่าน หากใครแวะเวียนมาที่จังหวัดสุราษฎร์ธานีแวะกราบพระบรมธาตุไชยาเพื่อเป็นสิริมงคลจะดีไม่น้อยเลย และเพิ่มพูนความรู้ทางประวัติศาสตร์ และโบราณคดีที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ไชยา ได้สัมผัสกับความรุ่งเรืองของอาณาจักรศรีวิชัยในบริเวณ รวมทั้งของเก่าที่จะบอกเล่าเรื่องราว วิถีชีวิตของชาวไชยาอีกด้วย



เรื่อง : สุรเชษฐ์ แก้วสกุล
เรียบเรียงและภาพ กองบรรณาธิการซีเคร็ตออนไลน์
ขอบคุณ : https://goodlifeupdate.com/healthy-mind/160066.html
By nintara1991 ,21 June 2019
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มิถุนายน 23, 2019, 06:21:28 am โดย raponsan »
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ