ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: มองตัวตนผ่าน "กระจกแห่งสติ"  (อ่าน 768 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 29340
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
มองตัวตนผ่าน "กระจกแห่งสติ"
« เมื่อ: ธันวาคม 22, 2019, 05:45:01 am »
0

มองตัวตนผ่าน "กระจกแห่งสติ" บทความธรรมะเตือนสติท่านว.วชิรเมธี

มนุษย์มีตัวตนอยู่ 3 ตัวตน การส่องกระจกธรรมดาไม่สามารถมองเห็นทั้งสามตัวตนได้ จะต้องใช้ กระจกแห่งสติ จึงจะมองเห็นตัวตนทั้งสามด้าน ประกอบด้วย

1. ตัวตนที่เราเป็นอยู่ทุก ๆ วัน เป็นอย่างที่เป็น เป็นอย่างที่เห็น มนุษย์ทุกคนมีตัวตนอย่างที่เป็น บางคนก็มีตัวตนอย่างที่ใคร ๆ เห็นก็ชื่นใจ บางคนก็มีตัวตนอย่างที่ใครเห็นก็หวาดกลัว เพราะตัวตนนี้ก็คือผลของบุคลิกภาพที่เราสั่งสมมาอย่างยาวนานนั่นแหละ ตัวตน อย่างนี้ก็คือตัวตนที่เป็นธรรมชาติของทุกคน (ฉันเป็นฉันเอง)

2. ตัวตนที่เราอยากให้สังคมมองเห็น ตัวตนเช่นนี้ก็คือตัวตนที่เกิดจากการเสแสร้งแสดงนั่นเอง อยู่ที่บนเป็นแบบหนึ่ง เข้าสังคมเป็นอีกแบบหนึ่ง และวลาอยู่ต่อหน้าเพื่อนก็เป็นอีกแบบหนึ่ง อย่างนี้เรียกว่า ตัวตนที่เกิดจากการเสแสร้งแสดง (ฉันเป็นอย่างที่เธอเห็น)

3. ตัวตนที่เราต้องการไปให้ถึงในอนาคต เรียกว่า ตัวตนในอุดมคติ ตัวตนนี้จะชัดมาก ถ้าไปถามดารานักร้องซูเปอร์สตาร์ทั้งหลาย ก็จะได้คำตอบชัดเจน คือมีความคาดหวังว่าจะเป็นอย่างไรในอนาคต ถ้าไปไม่ถึงก็อยู่ที่ตัวตนเดิม ๆ ไปก่อน (ฉันเป็นอย่างที่ควรจะเป็น)

@@@@@@

มนุษย์มีตัวตนสามตัวตนอย่างนี้ตลอดไป และเมื่อเราไม่เคยฝึกสมาธิ ไม่เคยฝึกตัวตน เราก็ไม่รู้ว่าตัวตนไหนที่กำลังออกโรงแสดงอยู่และกำลังพาเราโลดแล่นไปในชีวิตประจำวัน ด้วยเหตุนั้น คนเราโดยมากแสดงผิดแสดงถูกอยู่ตลอดเวลา คนบางคนสวมหัวโขนเป็นผู้นำ แต่ขาดสติ กลับเอาตัวตนที่บ้านมาแสดง จึงเดือดร้อนมาถึงผู้ตาม บางทีนั่งเก้าอี้ผู้นำอยู่ ไม่พึงใจเอาตัวตนในอนาคตมาแสดงก็เดือดร้อนอีก

เพราะฉะนั้นสามตัวตนสามบุคลิกนี้ เราต้องแสดงให้ถูก บางทีอยู่ที่ทำงานเป็นซีอีโอ พอกลับไปถึงบ้านก็ยังเป็นซีอีโออยู่ ลูกและภรรยาต้องทำความเคารพเจ้านาย อันนี้ก็ไม่ได้ เห็นไหมว่าการฝึกสติเล็ก ๆ น้อย ๆ อย่างนี้จะช่วยให้เรารู้จักตัวเอง ทำให้สามารถจัดบทบาทตัวเองได้อย่างถูกต้อง นอกจากนั้นก็ยังมีความจำที่ดีมีปัญญาเฉียบแหลม ฉับไว เป็นนายของอารมณ์ ไม่ตกเป็นทาสของสิ่งเร้าทางตา หู จมูก ลิ้น กาย และใจง่าย ๆ อีกต่อไป

ศาสตราจารย์สัญญา ธรรมศักดิ์ เคยเล่าไว้ในงานเขียนเรื่องหนึ่งว่า สงสัยมานานแล้ว ว่าทำไมในหลวง รัชกาลที่ 9 ท่านมีบุคลิกภาพที่นิ่ง ที่เนี่ยน ที่นุ่ม เวลาพระราชทานพระราชกระแสรับสั่งลงมา จะมีความคม ความลึกอยู่ในนั้น

ก็เลยไปถามองคมนตรีท่านหนึ่งว่า รู้ไหมในหลวงของเราทรงนั่งสมาธิหรือเจริญสติวันละกี่นาที ผู้ใหญ่ท่านนั้นก็ตอบว่าเท่าที่สังเกตไม่น้อยกว่าวันละ 40 นาที นี่คือเคล็ด (ไม่) ลับที่ทำให้ในหลวง รัชกาลที่ 9 ของเราทรงมีพระปรีชาญาณและพระบุคลิกภาพที่ต้องตาต้องใจ ผู้ได้เคยเข้าเฝ้าฯอย่างใกล้ชิดเสมอ

@@@@@@

พลตำรวจเอก วสิษฐ เดชกุญชร เล่าว่า ครั้งแรกที่ไปทำงานถูกในหลวง รัชกาลที่ 9 สอบสัมภาษณ์ และเป็นบทสัมภาษณ์ที่แปลกประหลาดมากที่สุดในโลก กล่าวคือ แทนที่พระองค์ท่านจะมีพระราชกระแสรับสั่งถามว่าจบอะไรมา ทำอะไรได้บ้าง แต่บทสัมภาษณ์ของในหลวง รัชกาลที่ 9 ก็คือ คุณนั่งสมาธิเป็นไหม นี่คือเคล็ดลับที่ในหลวงท่านทรงงานนี่คือคำสัมภาษณ์ที่พระองค์ทรงถาม เห็นไหมว่าในหลวงของเราทรงเห็นคุณค่าของสมาธิภาวนามากเพียงไร

ถ้าหากเราไม่เคยฝึกสมาธิ ไม่เคยฝึกเจริญสติเลย ก็จะเหมือนรถที่ไม่เคยหยุดวิ่ง กายใจจะเหนื่อยมาก จะวุ่นมาก เพราะฉะนั้นอาตมาจึงขอให้ทุกท่านลองฝึกสมาธิ ลองฝึกเจริญสติดู เพื่อให้ได้ชิมความสงบ ดวามนิ่ง ควมรู้เนื้อรู้ตัวบ้าง ขอให้จำไว้ว่า ทุกครั้งที่เราฝึกสติ ไม่ว่าจะโดยรูปแบบใดก็ตาม นั่นคือเรากำลังสร้างหลักประกันชีวิตที่งามให้กับตัวเอง และเรากำลังเริ่มก้าวขึ้นสู่หนทางแห่งชีวิตที่มีคุณค่าแล้ว


 

ที่มา : คนสำราญงานสำเร็จ โดย ว.วชิรเมธี สำนักพิมพ์อมรินทร์ธรรมะ
ภาพ :  www.pexels.com
ขอบคุณ : https://goodlifeupdate.com/healthy-mind/188991.html
By nintara1991 ,19 December 2019
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ธันวาคม 22, 2019, 06:30:49 am โดย raponsan »
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ