ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: สุพรรณบุรี วัดหนองวัลย์เปรียง งานศพฟรี-งานบวชฟรี-เปิดโรงทานกินฟรี  (อ่าน 1330 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 29302
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0


พระแท้แห่งเมืองสุพรรณฯ 'หลวงพ่อพล' ผู้เปี่ยมล้นเมตตา

“หลวงพ่อพล”พระแท้ที่คู่ควรกราบไหว้ เผยเปี่ยมล้นเมตตา อุทิศตนเป็นที่พึ่งของคนยากไร้ 3 ปีกว่าเดินหน้าจัดงานศพ-งานบวช-เปิดโรงทานให้ชาวบ้านกินฟรีจนกลายเป็นศูนย์รวมจิตใจที่พึ่งของชุมชนอย่างแท้จริง

ต้องยอมรับว่าเศรษฐกิจในยุคปัจจุบันตกอยู่ในสภาพย่ำแย่ สาเหตุมาจากหลายปัจจัยมาก... ไทยเองไม่ใช่ชาติเดียวที่ลำบาก-ทุกประเทศทั่วโลกต่างได้รับผลกระทบ อยู่ที่ว่ารัฐบาลประเทศใดจะบริหารจัดการให้ระบบเศรษฐกิจเสียหายน้อยที่สุดเท่านั้น...เศรษฐกิจเสียหายมากแน่นอนผลกระทบตกกับประชาชนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ สำหรับคนมีเงิน-คนรวยคงเดือดร้อนไม่มาก แต่คนจน-ผู้ยากไร้ไม่ต้องบรรยาย-ก้มหน้ารับสภาพให้ได้ก็แล้วกัน


พูดถึงเรื่องเงิน ๆ ทอง ๆ มันเป็นสิ่งจำเป็นจริง ๆ เรียกได้ว่าตั้งแต่เกิด (ค่าหมอทำคลอด)ไปจนวันตาย (จัดงานศพ)ต้องใช้เงินทั้งนั้น แล้วระหว่างมีชีวิตอยู่ก็ต้องกินต้องใช้หลีกเลี่ยงที่ต้องใช้เงินไม่ได้เลย ของฟรีไม่มีในโลกเป็นเรื่องจริง-เป็นประโยคที่กล่าวขานกันมานาน

แต่สำหรับที่วัดหนองวัลย์เปรียง ต.ทุ่งคอก อ.สองพี่น้อง จ.สุพรรณบุรี ประโยคนี้ใช้กับที่นี่ไม่ได้เพราะพระครูใบฎีกาสุรพล มหาปญฺโญ เจ้าอาวาสวัดหนองวัลย์เปรียง หรือที่ชาวบ้านเรียกว่า“หลวงพ่อพล” ท่านเป็นพระที่พึ่งของชาวบ้านอย่างแท้จริง โดยเฉพาะคนจน-ผู้ยากไร้ โดยมีโครงการฯที่ช่วยเหลือผู้คนได้มากมาย ทำมา 3 ปีกว่า...ไปดูกันว่าโครงการฯอะไร



พระครูใบฎีกาสุรพล บอกว่า อาตมาบวชมา 23 พรรษา จำวัดหนองวัลย์เปรียงมาโดยตลอดจนได้เป็นเจ้าอาวาส วัดเป็นวัดขนาดเล็กไม่มีประติมากรรมสวยสดงดงามมากเท่าใด อีกทั้งวัดไม่ได้ร่ำรวยเงินทอง วัดมีเพียงคติธรรม และคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า รวมถึงความเมตตาที่มีให้กับชาวบ้านทั่วไป ไม่ว่าผู้นั้นจะเป็นผู้ที่ยากดีมีจนประการใด

โดยมีโครงการจัดงานศพ-เผาศพผู้ยากไร้, โครงการบรรพชาอุปสมบทหมู่ และโครงการโรงทานเสบียงบุญเลี้ยงอาหาร ฟรีทั้ง 3 โครงการ




“ช่วงแรกๆ มีคำถามว่าวัดเอาเงินมาไหน คำตอบคือรายได้ส่วนหนึ่งจากปัจจัยส่วนตัวที่ออกไปบรรยายธรรมเทศนาตามที่ต่างๆ ร่วมกับทางคณะกรรมการวัด และชาวบ้านที่มีความเลื่อมใสศรัทธาร่วมกันเสียสละบริจาคทรัพย์ อย่างที่ได้พูดไปแล้วว่าวัดไม่ได้ใหญ่โตจึงไม่มีพุทธศาสนิกชนบริจาคเงินมากมาย

แต่ก็สามารถพูดได้ว่าวัดแห่งนี้คือศูนย์รวมจิตใจเป็นที่พึ่งของชุมชนอย่างแท้จริง สมกับต้นแบบคำว่า บวร คือ บ้าน วัด และโรงเรียนเข้าด้วยกัน ถือว่าเป็น 3 เสาหลักที่สามารถค้ำจุนสังคมไทยอย่างมั่นคง”



หลวงพ่อพล บอกต่อว่า ทุกวันนี้วัดขึ้นป้ายประกาศจัดงานศพ-พิธีเผาศพ-งานบวช-โรงทานฟรี วัตถุประสงค์เพื่อต้องการลดค่าใช้จ่ายให้ผู้ยากไร้ และผู้มีรายได้น้อย

สำหรับงานศพตั้งบำเพ็ญกุศลสวดพระอภิธรรม 2 คืน พระสงฆ์ในวัดสวดพระอภิธรรม วันรุ่งขึ้นเวลา 14.00 น. พระสงฆ์จะแสดงพระธรรมเทศนามาติกาบังสุกุล เวลา 15.00 น.ก็พิธีฌาปนกิจ โดยสอดแทรก 8 ปริศนาธรรมลงไปในงานศพ เพื่อเป็นการสร้างศรัทธาทำให้ชาวบ้านอยากเข้าวัดทำบุญสร้างกุศลมากยิ่งขึ้น

ส่วนโครงการบรรพชาอุปสมบท-บวชนาคหมู่ ช่วงก่อนวันเข้าพรรษาของแต่ละปีเป็นการเปิดโอกาสให้ผู้ที่ต้องการบรรพชาอุปสมบทจำนวนมากเข้ามาสู่ร่มกาสาวพัสตร์เพื่อเผยแพร่ศาสนาพุทธ โดยมีเงื่อนไขว่าผู้ที่จะมาบวชต้องไม่เป็นผู้ต้องโทษหนีคดี หรือเป็นผู้ที่ติดยาเสพติด



ส่วนเรื่องโรงทานเสบียงบุญมีหลากหลายเมนู บริการทุกวันตั้งแต่เวลา 11.00 น.-14.00 น. ยกเว้นวันอาทิตย์ วัดจะมีแม่ครัวประจำ และชาวบ้านส่วนหนึ่งผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนมาช่วยกันในโรงครัว

การตั้งโรงทานในวัดเท่ากับเป็นการร่วมสร้างบุญ-สร้างกุศลกับพระสงฆ์ เมื่อคนกินอาหารเขาก็จะอนุโมทนากับเจ้าของโรงทาน อีกทั้งเทวดาก็อนุโมทนาสาธุการกับเจ้าของโรงทานด้วย

ทั้งนี้ไม่ได้จำกัดเฉพาะคนยากคนจน ใครจะเดินเข้ามากินก็ได้ที่สำคัญเป็นการร่วมทำบุญกับทางวัด ด้วยเหตุผลที่กล่าวมาทั้งหมดการตั้งโรงทานในวัดจึงได้อานิสงส์มาก ๆ



“อาตมาอยากเชิญชวนบอกบุญมายัง ผู้ที่จะถวายถังสังฆทานสำเร็จรูปว่า ให้เปลี่ยนแนวคิดมาบริจาคข้าวสาร อาหารแห้ง เครื่องกระป๋อง พืชผัก ผลไม้ ผ้าขาว ดอกไม้จันท์ โรงศพ ถือว่าดีกว่าการถวายถังสังฆทานสำเร็จรูปตามกระแสสังคมที่นิยมความสะดวกสบายแต่กลับมีคุณประโยชน์น้อยมาก การทำบุญไม่จำเป็นต้องทำด้วยเงินทองเสมอไป การบริจาคสิ่งของที่มีอยู่ก็ทำได้เช่นกัน”


สมกับที่เป็นพระแท้คู่ควรแก่การกราบไหว้...ตลอดเวลานำความรู้ทั้งทางโลกและทางธรรมมาใช้ให้เกิดประโยชน์ เป็นพระอาจารย์สอนหนังสือ สอนธรรมให้กับเด็กนักเรียน บรรยายธรรมตามโรงเรียน- โรงงาน-สถานที่ราชการต่าง ๆ แม้ช่วงแรกชาวบ้านบางส่วนไม่ยอมรับ

แต่ด้วยความที่เป็นพระนักพัฒนายึดมั่นในอุดมการณ์ ปฏิบัติดี เคร่งครัดในพระธรรมวินัย และมีความเมตาเปี่ยมล้นจนเป็นที่ประจักษ์แก่ชาวบ้าน ทำให้“หลวงพ่อพล”ได้รับการยอมรับยกย่อง-เป็นที่ศรัทธาของประชาชนอย่างบริสุทธิ์ใจ...กราบอนุโมทนา สาธุ สาธุ สาธุ.



คอลัมน์ ”คนดีของสังคม” โดย “เหยี่ยวขาว”
ข้อมูล-ภาพ “ครรชิต กระโห้แก้ว” เดลินิวส์ออนไลน์ จ.สุพรรณบุรี
ขอบคุณที่มา  : https://www.dailynews.co.th/article/759889
เสาร์ที่ 29 กุมภาพันธ์ 2563 เวลา 10.00 น.
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มีนาคม 01, 2020, 06:51:10 am โดย raponsan »
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 29302
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0


วัดหนองวัลย์เปรียง เปิดโรงทาน เลี้ยงอาหารฟรี ช่วงพิธีบรมราชาภิเษก

วัดหนองวัลย์เปรียง ตั้งอยู่ที่ถนนมาลัยแมน หมู่ 3 ต.ทุ่งคอก อ.สองพี่น้อง จ.สุพรรณบุรี เปิดโรงทานเสบียงบุญ ทำอาหารเลี้ยงฟรีให้กับผู้มีรายได้น้อย คนงานตามโรงงาน ชาวสวนชาวไร่ เด็กนักเรียน แรงงานชาวเมียนมาร์ และผู้ที่ผ่านไปมาได้รับประทานฟรี


ที่ จ.สุพรรณบุรี พระครูใบฎีกาสุรพล  มหาปญฺโญ อายุ 52 ปี เจ้าอาวาส เปิดเผยว่าในช่วงพระราชพิธีบรมราชาภิเษก สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร เพื่อเป็นการถวายความจงรักภักดีต่อพระมหากษัตริย์ไทย ทางวัดหนองวัลย์เปรียง และคณะกรรมวัดจึงได้เปิดโรงทานเสบียงบุญ ทำอาหารเลี้ยงฟรีให้กับผู้มีรายได้น้อย คนงานตามโรงงาน ชาวสวนชาวไร่ เด็กนักเรียน แรงงานชาวเมียนมาร์ และผู้ที่ผ่านไปมาแวะมารับประทานได้ทุกวัน

โดยทางวัดมีแม่ครัวประจำวัดและชาวบ้านที่ว่างงานผลัดเปลี่ยนกันมาช่วยกันทำเมนูในแต่ละวันไม่ว่าจะเป็นข้าวไข่เจียว ไข่ดาว ไข่พะโล้ พัดกระเพรา แกงต่างๆวันละ3-4 อย่าง พร้อมน้ำดื่ม แล้วแต่แม่ครัวจะสะดวก พร้อมตั้งโต๊ะไว้หน้าโรงทานเสบียงบุญให้ได้รับทานกัน



พระครูใบฎีกาสุรพล กล่าวอีกว่าครั้งแรกตั้งใจจะเปิดโรงทานมานานแล้วเลยถือโอกาสในช่วงที่มีพระราชพิธีฯ จึงปรึกษากับทางคณะกรรมเปิดโรงทานเสบียงบุญเพื่อถวายเป็นพระราชกุศล อีกอย่างช่วยแบ่งเบาและช่วยเหลือสังคมและบุคคลทั่วไปโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆทั้งสิ้น

ส่วนผู้ที่เข้ามารับประทานอาหารที่วัดแล้ว ให้ช่วยกันเก็บจานที่ทานแล้วน้ำไปล้างแล้วคว่ำไว้ ส่วนเรื่องอาหารทางวัดหนองวัลย์เปรียงได้จัดเตรียมทำใหม่ไว้ 4-5 ซึ่งเพียงพอที่จะให้ประชาชนเข้ามารับทานได้จนอิ่ม

ประกอบกับที่วัดมีพระสงฆ์ในวัดมีจำพรรษาอยู่ 20 รูปออกบิณฑบาตทำให้ได้อาหารคาวหวาน ผลไม้ และข้าวสวยจำนวนมากแต่ถ้าพระฉันไม่หมดก็นำไปทิ้งทำให้ไม่เกิดประโยชน์ จึงนำอาหารคาวหวานที่ยังไม่ได้ฉันอยู่ในถุงมาให้แม่ครัวอุ่นไว้รับประทานได้ส่วนโรงทานเปิดตั้งแต่เวลา 11.00 น.ถึง 14.00 น.ของทุกวัน




สำหรับโรงทานเสบียงบุญ นี้เปิดตั้งแต่ช่วงพระราชพิธีบรมราชาภิเษกโดยไม่มีกำหนดปิด รู้สึกมีความสุขอย่างน้อยก็ถือว่าได้ให้พละกำลังแก่เพื่อนมนุษย์ด้วยกันเป็นการให้ชาวบ้านมีส่วนร่วมกันในชุมชนสร้างความรักความสามัคคี ไม่ได้มุ่งหวังที่จะสร้างกระแสแต่อย่างใด

ขอเชิญชวนประชาชนเข้ามารับประทานอาหารที่วัดได้ฟรีตลอด ทางวัดยินดีต้อนรับ ตั้งแต่เปิดโรงครัวเสบียงบุญเมื่อวันที่ 1 พ.ค.ที่ผ่านมา มีประชาชน คนงานตามโรงงาน ชาวบ้านมารับประทานเฉลี่ยวันละ 80-100 คน

สำหรับเงินที่นำมาซื้ออาหารเลี้ยงญาติโยมนั้นทางวัดจะไม่มีการเรี่ยไรหรือเปิดบัญชีรับเงินแต่อย่างใด หากใครอยากร่วมทำบุญก็ซื้อข้าวของที่จะทำอาหารมาร่วมกันได้ทางวัดยินดีรับ

ด้านนายสมพงศ์  ดอนไพรที อายุ 54 ปี ทำงานอยู่โรงงานแห่งหนึ่ง แผนกช่างซ่องบำรุง อยู่บ้านดอนมะนาว หมู่ 7 ต.ดอนมะนาว อ.สองพี่น้อง จ.สุพรรณบุรี ผู้ที่เข้ามาทานอาหารในวัดเผยว่าดีใจที่ทางวัดได้เปิดโรงครัวเสบียงบุญให้ชาวบ้านและเพื่อนๆที่โรงงานเข้ามากินฟรี เพื่อแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายได้ถึงวันละ 40-60 บาท ต่อวัน



ขอบคุณที่มา : https://www.banmuang.co.th/news/region/149870
วันศุกร์ ที่ 03 พฤษภาคม พ.ศ. 2562, 22.42 น
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มีนาคม 01, 2020, 06:18:10 am โดย raponsan »
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ