ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: ขึ้นเหนือชมทะเลหมอกบน 'วัดพระธาตุดอยกองมู' ใจกลางเมืองแม่ฮ่องสอน  (อ่าน 1021 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 29340
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0


ขึ้นเหนือชมทะเลหมอกบน 'วัดพระธาตุดอยกองมู' ใจกลางเมืองแม่ฮ่องสอน

ททท.สำนักงานแม่ฮ่องสอน เปิดแหล่งท่องเที่ยว จุดชมวิวทะเลหมอก บนวัดพระธาตุดอยกองมู ตำบลจองคำ อำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน ซึ่งเป็นภูเขาตั้งอยู่ใจกลางเมืองแม่ฮ่องสอน

วันที่ 28 พ.ย.63 นายโยธิน ทับทิมทอง ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานแม่ฮ่องสอน เปิดเผยถึงสถานที่ท่องเที่ยวในจังหวัดแม่ฮ่องสอนที่นักท่องเที่ยวไม่ควรพลาดเมื่อมาเยือนเมืองแม่ฮ่องสอน คือ การตามรอยศรัทธาสักการะพระธาตุดอยกองมู และ ชมทะเลหมอกยามเช้า ซึ่งตลอดช่วงฤดูหนาวนี้ เวลา 05.40-08.00 น. ที่วัดพระธาตุดอยกองมู อ.เมืองแม่ฮ่องสอน ซึ่งตั้งอยู่ปลายดอยสูงเหนือระดับน้ำทะเล 1,300 เมตร นักท่องเที่ยวจะขึ้นไปกราบนมัสการองค์พระธาตุศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมือง พร้อมทำบุญประจำวันเกิด และ ชมวิวทิวทัศน์ตัวเมืองแม่ฮ่องสอนกันตลอดทั้งวันตั้งแต่เช้าจนเย็น

สำหรับ "วัดพระธาตุดอยกองมู" เป็นวัดศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองของจังหวัดแม่ฮ่องสอน เดิมทีมีชื่อเรียกว่า "วัดปลายดอย" เป็นศูนย์รวมศรัทธาของชาวเมืองแม่ฮ่องสอน เป็นพระธาตุเจดีย์ที่สร้างขึ้นเป็นแห่งแรกของแม่ฮ่องสอน เป็นปูชนียสถานคู่บ้านคู่เมืองที่สำคัญมาแต่โบราณ ต่อมาจึงเปลี่ยนชื่อเป็นวัดพระธาตุดอยกองมู ตามชื่อของพระธาตุ ประกอบด้วยพระธาตุเจดีย์ที่สวยงาม 2 องค์ พระเจดีย์องค์ใหญ่สร้างโดยจองต่องสู่ เมื่อ พ.ศ. 2403 เป็นที่บรรจุพระธาตุของพระโมคคัลลานะเถระ ซึ่งนำมาจากประเทศพม่า

ส่วนพระธาตุเจดีย์องค์เล็กสร้างเมื่อ พ.ศ. 2417 โดย พระยาสิงหนาทราชา เจ้าเมืองแม่ฮ่องสอนคนแรก กล่าวกันว่า ใครที่เดินทางมาแม่ฮ่องสอนแล้วไม่ได้ไปที่วัดนี้ถือว่ายังมาไม่ถึงแม่ฮ่องสอน นอกจากจะเป็น ศาสนสถานที่สำคัญแล้วนักท่องเที่ยวจะสามารถมองวิวตัวเมืองแม่ฮ่องสอนสลับกับเทือกเขาเป็นวิวทิวทัศน์ที่สวยงามอีกมุมหนึ่งของจังหวัดแม่ฮ่องสอน
















ขอบคุณ : https://www.naewna.com/likesara/534961
วันเสาร์ ที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2563, 15.56 น.
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ