อาสภิวาจา วาจาของยอดคน
"อาสภิวาจา" อ่านว่า อา-สะ-พิ-วา-จา ประกอบด้วยคำว่า อาสภิ + วาจา
(๑) “อาสภิ”
อ่านว่า อา-สะ-พิ รูปคำเดิมเป็น “อาสภี” (อา-สะ-พี, -ภี สระ อี) รากศัพท์มมาจาก อาสภ + อี ปัจจัย
(ก) “อาสภ” อ่านว่า อา-สะ-พะ รากศัพท์มาจาก อุสฺ (ธาตุ = เร่าร้อน) + อภ ปัจจัย, แปลง อุ ที่ อุ-(สฺ) เป็น อา (อุสฺ > อาส) : อุสฺ + อภ = อุสภ > อาสภ แปลตามศัพท์ว่า “ผู้ยังธรรมที่เป็นข้าศึกให้เร่าร้อน”
“อาสภ” (ปุงลิงค์) ในบาลีใช้ในความหมายดังนี้
(1) ความหมายตรงตัว: โคตัวผู้, มีลักษณะเฉพาะของโคผู้, อย่างโคผู้ (a bull, peculiar to a bull, bull-like),
(2) ความหมายเชิงอุปมา: คนที่เข้มแข็งและมีคุณลักษณะเด่น, วีรบุรุษหรือคนที่ยิ่งใหญ่, ผู้นำ (a man of strong & eminent qualities, a hero or great man, a leader)
ข้อสังเกต :
“อาสภ” แปลงมาจาก “อุสภ” หมายถึง โคตัวผู้ (a bull) และใช้ในความหมายเชิงอุปมาเป็นเครื่องหมายของความเป็นเพศผู้และพละกำลัง (as symbol of manliness and strength)
(ข) อาสภ + อี = อาสภี (อา-สะ-พี) ใช้เป็นคุณศัพท์ หมายถึง เหมือนโคอุสภะ, งามเหมือนโคอุสภะ, สง่า, ยิ่งใหญ่, องอาจ, กล้าหาญ (bull-like, becoming to a bull, lordly, majestic, imposing, bold) ในที่นี้ “อาสภี” เป็นคุณศัพท์ (วิเสสนะ) ของ “วาจา”
@@@@@@@
(๒) “วาจา”
รากศัพท์มาจาก วจฺ (ธาตุ = พูด) + ณ ปัจจัย, ลบ ณ, ทีฆะ อะ ที่ ว-(จฺ) เป็น อา ตามสูตร “ด้วยอำนาจปัจจัยเนื่องด้วย ณ” (วจฺ > วาจ) + อา ปัจจัยเครื่องหมายอิตฺถีลิงค์ : วจฺ + ณ = วจณ > วจ > วาจ + อา = วาจา
แปลตามศัพท์ว่า “คำอันเขาพูด” หมายถึง คำพูด การกล่าว, การพูด, วาจา (word, saying, speech)
ในภาษาไทย พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 บอกไว้ว่า
“วาจา : (คำนาม) ถ้อยคํา, คํากล่าว, คําพูด, เช่น วาจาสุภาพ วาจาอ่อนหวาน วาจาสัตย์. (ป., ส.).”
อาสภี + วาจา = อาสภีวาจา รัสสะ อี เป็น อิ = อาสภิวาจา แปลว่า “ถ้อยคำที่กล่าวอย่างองอาจ” (the lordly word)
@@@@@@@
ขยายความ
“อาสภิวาจา” เป็นวาจาของผู้ที่กล่าวออกมาอย่างองอาจ กล้าหาญอย่างที่เรียกว่าบันลือสีหนาท ประกาศอย่างมั่นใจ ไม่ลังเล ไม่มีปมซ่อนเร้น ไม่มีแผล ไม่มีจุดอ่อนที่จะให้ใครหักล้าง โต้แย้ง โจมตี ต่างจากวาจาของคนมีแผล มีลับลมคมใน พูดอะไรก็พูดได้ไม่เต็มปาก เพราะรู้อยู่แก่ใจว่าตนเองซุกซ่อนอะไรไว้
“อาสภิวาจา” ครั้งสำคัญในพุทธประวัติมีขึ้นในวันที่พระโพธิสัตว์ซึ่งต่อมาได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า ประสูติจากพระครรภ์พระมารดาในวันเพ็ญวิสาขะ ทรงเปล่งพระวาจาตามที่บันทึกไว้ในพระไตรปิฎกข้อความเป็นดั่งนี้
"อาสภิญฺจ วาจํ ภาสติ อคฺโคหมสฺมิ โลกสฺส เชฏฺโฐหมสฺมิ โลกสฺส เสฏฺโฐหมสฺมิ โลกสฺส อยมนฺติมา ชาติ นตฺถิทานิ ปุนพฺภโวติ."
แลพระกุมารทรงเปล่งพระวาจาอย่างผู้องอาจว่า เราเป็นผู้เลิศแห่งโลก เราเป็นผู้ใหญ่สุดแห่งโลก เราเป็นผู้ประเสริฐสุดแห่งโลก การเกิดครั้งนี้เป็นชาติสุดท้าย แต่บัดนี้ไปภพชาติใหม่เป็นไม่มี ดังนี้
_________________________
ที่มา :-
– มหาปทานสูตร ทีฆนิกาย มหาวรรค
พระไตรปิฎกเล่ม 10 ข้อ 26
– อัจฉริยัพภูตธัมมสูตร มัชฌิมนิกาย อุปริปัณณาสก์
พระไตรปิฎกเล่ม 14 ข้อ 377
– ลักขณกถา อภิธัมมปิฎก กถาวัตถุ
พระไตรปิฎกเล่ม 37 ข้อ 964
@@@@@@@
ในพระไตรปิฎกใช้คำว่า
“อาสภิญฺจ วาจํ ภาสติ” แปลว่า “เปล่งพระวาจาอย่างผู้องอาจ” (speak the lordly word)
“อาสภิญฺจ วาจํ” เป็นบทที่แจกด้วยทุติยาวิภัตติ รูปคำเดิมคือ “อาสภี วาจา” ซึ่งสมาสกันเป็น “อาสภิวาจา”
“อาสภิวาจา” พุทธบูชาในวันเพ็ญวิสาขะ
ดูก่อนภราดา.! หากยังไม่เก่งพอที่จะประกาศก้องโลกว่า “ข้าจะทำความดี” ก็ขอให้กล้าพอที่จะประกาศให้โลกรู้ว่า “ข้าจะไม่ทำชั่ว”ขอบคุณ :
dhamma.serichon.us/2021/05/27/อาสภิวาจา-วาจาของยอดคน-อ/ บทความของ ทองย้อย แสงสินชัย ,27 พฤษภาคม 2021 ,By admin.
ขอบคุณภาพจาก :
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=38&t=39613