ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: “พุทธสันติวิธี” : การบูรณาการ หลักการและเครื่องมือ จัดการความขัดแย้ง  (อ่าน 1058 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 29340
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0



แนะนำหนังสือแห่งสันติภาพ “พุทธสันติวิธี : การบูรณาการหลักการและเครื่องมือจัดการความขัดแย้ง” - ณัฐพล จารัตน์

การเข้าถึงและเข้าใจปรัชญาของพุทธสันติวิธี (Buddhist Peaceful Means) เราควรเข้าถึงหลักพุทธควบคู่กับเข้าใจหลักการสันติศึกษา ทั้งในความหมายทางโลกและทางธรรม ในทางโลกแบ่งเป็นศาสตร์ทางตะวันตกและตะวันออก ส่วนทางธรรมเชื่อมโยงกับคำสอนทางพุทธ ทั้งสองอย่างนี้เดินคู่ขนานกัน เกิดสมดุล ไม่มากไม่น้อยเกินไป เพื่อเข้าสู่จุดสมบูรณ์แบบของแต่ละบุคคล การจะเข้าใจทั้งสองอย่างได้ จึงต้องศึกษาหาความรู้จากผู้คร่ำหวอดในวงการพุทธสันติวิธี จะได้เป็นทางลัดที่จะได้รับความรู้และประสบการณ์ได้อย่างรวดเร็ว

ในช่วงเทอมแรกที่ผู้เขียนเข้าเรียนปริญญาเอก สาขาสันติศึกษา ณ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย (มหาจุฬาฯ) เป็นมหาวิทยาลัยสงฆ์อันดับหนึ่งของประเทศ ทางหลักสูตรมอบหนังสือ "พุทธสันติวิธี : การบูรณาการหลักการและเครื่องมือจัดการความขัดแย้ง" [1] เล่มนี้แก่นิสิตทุกคน เพื่อเป็นหนังสือเล่มหลักที่ทุกคนต้องศึกษาให้เกิดองค์ความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับหลักการสันติวิธีและเครื่องมือระงับความขัดแย้ง

ผู้แต่งหนังสือ คือ พระมหาหรรษา ธมฺมหาโส, ผศ.ดร. [2] ผู้อุดมด้วยความรู้และประสบการณ์ตรงเกี่ยวกับการจัดการความขัดแย้ง ได้ถ่ายทอดความรู้เป็นหนังสือถึง 483 หน้า เนื้อหาแบ่งออกเป็น 11 บท ได้แก่



บทที่ 1 โลกกับวิกฤติการณ์ความขัดแย้งและความรุนแรง
ในบทนี้เป็นการฉายภาพให้เห็นถึงความขัดแย้งและความรุนแรงที่เกิดขึ้น เสนอแนวทางสันติวิธีให้เป็นทางออกของโลก

บทที่ 2 ความขัดแย้ง : แนวคิดและทฤษฎี
ในบทนี้นำเสนอความหมาย ประเภท คุณค่า ปัจจัย เหตุของความ ขัดแย้ง และกลยุทธการวิเคราะห์แผนที่ความขัดแย้ง (Conflict Map)

บทที่ 3 ความขัดแย้ง : แนวคิดและทฤษฎีในพระพุทธศาสนา
ในบทนี้นำเสนอความหมายของความขัดแย้งในพระพุทธศาสนา ลักษณะของความขัดแย้งเป็นบุญหรือบาป เป็นสิ่งจำเป็นตามธรรมชาติของมนุษย์หรือไม่ รวมถึงพระสงฆ์ที่บรรลุเป็นพระอรหันต์แล้วขัดแย้งกันได้หรือไม่

บทที่ 4 สันติภาพ : แนวคิดและทฤษฎี
ในบทนี้อธิบายถึงมนุษยชาติกับการสร้างสันติภาพโลก สภาพและสภาวะของความปราศจากความรนแรง และสันติภาพในทัศนะของพระพุทธศาสนา

บทที่ 5 แนวคิดพื้นฐานเกี่ยวกับการจัดการความขัดแย้งโดยสันติวิธี
ในบทนี้ให้ความแนวคิดพื้นฐานของนักคิดในมุมต่าง ๆ ได้แก่ ทศธรรม ตรีปณิธาน ตรีสากล การยอมรับในความหลากหลาย การพึ่งพาซึ่งกันและกัน ความสามัคคี สิทธิมนุษยชน ความยุติธรรม ความไว้ใจและความสัมพันธ์ การมีส่วนร่วม ใช้แนวทางการจัดการความขัดแย้งด้วยพระพุทธศาสนา

บทที่ 6 สันติวิธี : แนวคิดและทฤษฎี
ในบทนี้อธิบายถึงมายคติ สันติวิธีทางพระพุทธศาสนา ปัจจัย เงื่อนไข และคุณค่าความสำเร็จของสันติวิธี

บทที่ 7 สันติวิธี : เครื่องมือจัดการความขัดแย้ง
ในบทนี้เริ่มต้นอธิบายการจัดการความขัดแย้งด้วยวิธีทางการทูตด้วยการเจรจา (Negotiation) การไต่สวน (Inquiry) การสร้างสมานฉันท์(Reconciliation) และการประนีประนอม (Compromising) ต่อจากนั้นอธิบายถึงการจัดการความขัดแย้งด้วยวิธีทางกฎหมายด้วยอนุญาโตตุลาการ(Arbitration) กระบวนการทางศาล (Judicial Approach) การออกกฎหมาย (Legislative Approach)การถอนตัว การเผชิญหน้า การโน้มน้าว การสนับสนุน การแข่งขัน การผลักดัน การโอนอ่อนผ่อนตาม และการลงมติหรือการลงคะแนนเสียง

บทที่ 8 อธิกรณสมถะในฐานะเครื่องมือจัดการความขัดแย้งในพุทธสันติวิธี
ในบทนี้อธิบายถึงความหมายและประเภทของอธิกรณสมถะ และเหตุใดจึงต้องใช้เป็นวิธีจัดการความขัดแย้ง ประกอบด้วย สัมมุขาวินัย สติวินัย อมูฬหวินัย ปฏิญญาตกรณะ เยภุยยสิกา ตัสสปาปินสิกา ติณวัตถารกะ

บทที่ 9 การจัดการความขัดแย้งโดยพุทธสันติวิธีในพระไตรปิฎก
ในบทนี้จะยกเหตุการณ์สมัยพุทธกาลที่พระพุทธเจ้าทรงใช้จัดการความขัดแย้งด้านทรัพยากรน้ำระหว่างเจ้าศากยะและเจ้าโกลิยะ ความขัดแย้งด้านชาติพันธุ์ระหว่างพระเจ้าวิฑูฑภะและเจ้าศากยะ และความขัดแย้งด้านข้อมูลระหว่างพระภิกษุเมืองโกสัมพี

บทที่ 10 การบูรณาการพุทธสันติวิธีจัดการความขัดแย้งในสถานการณ์ปัจจุบัน
ในบทนี้ชี้ให้เห็นชีวทัศน์และโลกทัศน์ของพระพุทธศาสนาในการจัดการความขัดแย้ง อธิบายพุทธสันติวิธีคืออะไร การใช้หลักมัชฌิมาปฏิปทา การประยุกต์ชุดความคิดในยุคโลกาภิวัตน์ และการใช้ธัมมิกมัชฌิมวิธีเป็นเครื่องมือจัดการความขัดแย้ง

บทที่ 11 สรุป : มนุษยชาติจะอยู่ร่วมกันอย่างสันติได้อย่างไร
บทสุดท้ายสรุปภาพรวมของหนังสือเล่มนี้ ผู้เขียนแนะนำเครื่องมือและชี้ให้เห็นพัฒนาการของขัดแย้ง 3 ระดับ เริ่มจากภาวะตั้งตัว ไปสู่ภาวะตื่นตัว และกลายเป็นภาวะแตกตัว จนเกิดความขัดแย้งในทั้งภายในและภายนอก

หนังสือได้รับคำนิยมจากบุคคลสำคัญ ซึ่งได้รับการยกย่องว่าเป็นผู้รู้ด้านสันติศึกษาทั้งในระดับประเทศและนานาชาติ ได้แก่ พระธรรมโกศาจารย์ (ประยูร ธมฺมจิตฺโต) พระไพศาล วิสาโล แม่ชีศันสนีย์ เสถียรสุต ศ.นพ.เกษม วัฒนชัย ศ.นพ.ประเวศ วะสี ศ.ดร.บวรศักดิ์ อุวรรรโณ และ ศ.นพ.วันชัย วัฒนศัพท์


คุณค่าที่ได้รับจากหนังสือเล่มนี้

สำหรับผู้พอมีประสบการณ์เกี่ยวกับหลักพุทธธรรมและหลักสันติวิธี จะได้รับประโยชน์ ดังนี้

1. เข้าใจและอธิบายสาเหตุ ปัจจัย และเงื่อนไขที่สร้างความขัดแย้งและสันติภาพ
2. บอกลักษณะและแยกประเภทของการเกิดความขัดแย้งและสันติภาพ
3. สามารถนำเครื่องมือและกลไกการจัดความขัดแย้งไปประยุกต์ใช้ได้ทันที
4. เห็นบทบาทของพุทธศาสนาในการระงับความขัดแย้งในสังคมและวัฒนธรรมไทย
5. มีเขียนบรรณานุกรมและแหล่งอ้างอิงแยกไว้ในแต่ละบท เพื่อผู้ต้องการศึกษาเพิ่มเติม สามารถค้นคว้าเพิ่มเติมได้ง่าย

การประยุกต์ใช้เนื้อหาสู่การปฏิบัติจริง

1. "ต้องนำธรรมไปทำ" หมายความว่า หลักธรรมแม้จะเป็นเชิงนามธรรมก็ตาม จะต้องนำไปลงมือสร้างให้เป็นสิ่งที่จับต้องให้ได้ ด้วยการประยุกต์เครื่องมือที่เหมาะสม
2. ต้องสร้างตัวแบบ (Model) โดยใช้หลักการและเครื่องมือให้เหมาะสมกับสถานการณ์จริง
3. เมื่อพบหรือเผชิญกับความขัดแย้ง สามารถดึงตัวแบบอธิบายละรู้ทันความขัดแย้งภายในตนเองที่เกิดขึ้น
4. รู้ความเป็นมาและความเชื่อมโย่งระหว่างสันติภาพกับพุทธศาสนาซึ่งเป็นรากฐานของวัฒนธรรมไทย

@@@@@@@

ในความเห็นส่วนตัว หนังสือมีลีลาและถ่ายทอดการเขียนเน้นเชิงวิชาการเกี่ยวกับพุทธศาสนา มีตัวอย่างความขัดแย้งจากพระไตรปิฎก ใช้คำภาษาบาลีควบคู่กับการอธิบายเครื่องมือ แม้หลายเรื่องเป็นเสมือนนามธรรม สัมผัสไม่ได้ แต่ต้องนำธรรมมาทำให้เป็นรูปธรรม

บางคนบอกว่า การศึกษาสันติศึกษาจากพระไตรปิฎกเป็นเรื่องเก่าโบราณ ไม่ทันสมัย หากได้อ่านหนังสือเล่มนี้จบลง จะทราบว่าเรื่องพุทธสันติวิธีเป็นเรื่องอมตะ ไม่มีเสื่อมสลายจากความเป็นมนุษย์ ความขัดแย้งมีเชิงบวกและเชิงลบ เราจึงต้องขับเคลื่อนกลไกเพื่อความสงบของสังคมด้วยการใช้ความขัดแย้งเชิงบวก ลดความขัดแย้งเชิงลบที่นำไปสู่ความรุนแรง พุทธสันติวิธีจึงเป็นเสมือนวัคซีนป้องกันความขัดแย้งไม่ให้รุนแรงต่อมนุษย์ และยังช่วยสร้างภูมิคุ้มกันไม่ให้ใช้ความรุนแรงทำร้ายซึ่งกันและกัน






ข้อมูลเพิ่มเติมอ้างอิง :-
[1] พระมหาหรรษา ธมฺมหาโส (นิธิบุณยากร). "พุทธสันติวิธี : การบูรณาการหลักการและเครื่องมือจัดการความขัดแย้ง". พิมพ์ครั้งที่ 1. ปีที่พิมพ์ 2554. กรุงเทพฯ : 21 เซ็นจูรี่ (ISBB : 978-974-4969-13-2)
[2] ฉายาและตำแหน่งทางวิชาการในขณะนั้น ปัจจุบัน คือ พระครูปลัดปัญญาวรวัฒน์, ศาสตราจารย์ ดร. ผู้อำนวยการหลักสูตรสันติศึกษา ผู้อำนวยการวิทยาลัยพุทธศาสตร์นานาชาติ (IBSC) และประธานการฝึกอบรมหลักสูตรไกล่เกลี่ยข้อพิพาท มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย

ผู้เขียนยินดีรับฟังและแลกเปลี่ยนความรู้ด้วยกัน โดยสามารถติดต่อได้ทางทวิตเตอร์ @NathJarat

ขอบคุณเว็บ : https://today.line.me/th/v2/article/oqZEPK6?view=topic&referral=linetodayshowcase
LINE TODAY SHOWCASE  เผยแพร่ 14 ชั่วโมงที่ผ่านมา • ณัฐพล จารัตน์
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ