สำหรับป้า.....ป้าเห็นด้วยกับคุณ นัทพลสรณ์เพราะ........การได้ปฎิบัติกับผู้เคยร่วมสายกรรมกันมาก่อน(อาจเป็นครู-อาจารย์,พ่อ-แม่,สามี-ภรรยา,ลูก-พ่อ)หรือมีเยื่อใยกรรมกันมาก่อนจะมีผลดีกว่า...เพราะกรรมหนุนส่งหรือรู้พื้นเพ-ความคุ้นเคยมีมากกว่า,รวมทั้งจริตก็มีผลเป็นอย่างมากด้วย...ต่อความก้าวหน้าหรือผลที่บังเกิดขึ้นจากการปฎิบัติ..รวมทั้งแนวปฎิบัติด้วย....
....ด้วยเหตุนี้...จึงมีคำที่ว่า "เคยร่วมเวรร่วมกรรมกันมา".....พอมาชาตินี้ แม้คำสอนที่กล่าวโดยทั่วๆไปแต่พอกล่าวออกจากปากบุคคลนี้ แล้วจะมีผลมากต่อบุคคลคนนั้น......เป็นอย่างมาก....
....ด้วยเหตุนี้...ทำไม ช่วงนี้มีแต่คนที่นิยมสติฎฐาน๔แนวพม่า.....แม้แต่แนวมัชฌิมาก็ยังน้อย.....นั่นก็แสดงว่าในยุคนี้...เป็นยุคที่สติปฐาน๔แนวพม่าเฟื่องฟู....คนที่มาบังเกิดในยุคนี้ส่วนใหญ่มีอุปบารมีหรืออาจบำเพ็ญมาในแนวนี้.....ก็เท่านั้น.........ไม่แน่...ในอีกไม่ช้าก็อาจมีแนวปฎิบัติแนวอื่นๆที่แปลกๆมาเป็นที่นิยมกันก็เป็นได้(เพราะอาจเป็นยุคที่พวกฤาษีหมดบุญจุติลงมาเกิดมาก...แนวปฎิบัติก็มักจะเป็นไปในแนวฤาษี..เป็นต้น)....
.........................................................................
ดังนั้น.....จึงจำเป็นต้องเลือกทั้งอาจารย์,แนวปฎิบัติที่เหมาะสมกับตนเอง........ดังคำว่า ...ลางเนื้อชอบลางยา.....เป็นต้น..........
...............................................................
ที่กล่าวมานี้อาจเป็นการหาเหตุผลเข้าข้างตนเองก็เป็นไปได้....แต่อย่างไรก็ตามก็ต้องขึ้นอยู่กับบารมีของผู้ปฎิบัติรวมทั้งสติปัญญาหรือปัจจัยแว้ดล้อมอื่นๆที่มีผล......บางคนจึงมีการใช้อธิฐานบารมีเข้ามาช่วยหรือสัจจะบารมีเข้ามาช่วย..ก็มี
