ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: พลังศรัทธา “ไม้ค้ำโพธิ์” สูตรธาตุ-ชะตา..ต่อดวง  (อ่าน 957 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 29340
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0



พลังศรัทธา “ไม้ค้ำโพธิ์” สูตรธาตุ-ชะตา..ต่อดวง

“ไม้ค้ำโพธิ์” หรือ “ไม้ค้ำสะหลี” คำว่า “สะหลี” หมายถึง “ต้นโพธิ์” ...ถือเป็นประเพณีอันทรงคุณค่าแห่งล้านนา ด้วยชาวพุทธมีความเชื่อศรัทธากันว่า หากถวายไม้ค้ำโพธิ์ จะเป็นการช่วยค้ำชูพระพุทธศาสนาสืบต่อไป

ความเชื่อที่ว่านี้ถือปฏิบัติกันเนิ่นนานมาแล้ว เป็นอีกหนึ่งประเพณีที่ทำกันในช่วงเทศกาลสงกรานต์ของชาวล้านนาที่เรียกกันว่า “แห่ไม้ค้ำโพธิ์”

ความเชื่อที่บอกเล่าสืบๆต่อๆกันมาก็คล้ายๆกับในหลายๆพื้นที่ เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับต้นไม้ใหญ่ที่มีเทวดาอารักษ์สถิตรักษา ยิ่งด้วยเป็น “ต้นโพธิ์” แล้วล่ะก็ ไม่ต้องพูดถึง ยิ่งมีขนาดใหญ่โต แผ่กิ่งก้านสาขาให้ร่มเงากว้างใหญ่ไพศาลร่มรื่นให้รู้สึกอุ่นเย็นหัวใจแล้ว เชื่อได้อย่างแน่วแน่เลยว่า มีสิ่งเหนือธรรมชาติคุ้มครองอยู่ด้วย

โดยเฉพาะ “ต้นโพธิ์” ที่ปลูกในวัด

0 0 0 0



คำบอกเล่าที่ปรากฏในสื่อของ อาจารย์เพชร แสนใจบาล วิทยากรครูภูมิปัญญาไทย โรงเรียนจอมทอง อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่ ผู้สืบสาวเรื่องราวไม้ค้ำโพธิ์ ได้ความว่า ไม้ค้ำดังกล่าวนี้อาจได้มาจากไม้ง่ามที่ใช้ในพิธีสืบชะตา หรือเป็นไม้ค้ำที่จัดทำขึ้นมาเฉพาะกรณีเทศกาลสงกรานต์เท่านั้น เพื่อใช้ในการถวายทาน

ตำนานเล่าขาน เมื่อครั้งสมัย ครูบาปุ๊ด เจ้าอาวาสองค์ที่ 14 วัดพระธาตุศรีจอมทองวรวิหาร ราวๆเดือนแปดเหนือ หรือช่วงเดือนพฤษภาคม พุทธศักราช 2314 เกิดเหตุเภทภัยทางธรรมชาติ

“ลมพายุใหญ่พัดแรงจนทำให้กิ่งต้นโพธิ์ในวัดหักลงมาสร้างความเสียหาย ครูบาท่านก็นึกวิตก ด้วยว่าในอดีตที่ผ่านมายังไม่เคยเกิดเหตุการณ์เช่นนี้มาก่อน กลางคืนขณะจำวัดก็เกิดนิมิตว่า...มีเทวดามาบอกกล่าวเล่าความว่า เหตุอาเพศกิ่งศรีมหาโพธิ์หัก มาจากเหตุเพราะท่านไม่ตั้งใจปฏิบัติธรรมโดยเคร่งครัด”



นิมิตนี้ทำให้ท่านครูบา ปฏิบัติธรรมอย่างเข้มข้น ขณะที่วันเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วราวๆ 2 เดือนเห็นจะได้ ก็บรรลุธรรมอภิญญาณ ว่ากันว่า....ย่นย่อแผ่นดินได้

เล่าลือกันว่า ขณะที่ท่านไปบิณฑบาตที่อำเภอแม่แจ่ม แล้วกลับมาฉันที่วัดพระธาตุศรีจอมทอง ในเช้าเดียวกันนั่นเชียว...คำยืนยันเรื่องราวตำนานเล่าขานนี้ ว่ากันว่ามาจากพ่อค้าวัวต่างถิ่นชาวแม่แจ่ม ที่เดินทางรอนแรมมาค้าขายที่อำเภอจอมทอง ที่บอกเล่าว่า พบท่านครูบาเดินออกจากป่าบริเวณบ้านหัวเสือพระบาท

ซึ่งเป็นหมู่บ้านเชิงดอยทางทิศตะวันตกของอำเภอจอมทอง ห่างออกไปประมาณ 7 กิโลเมตร



ขณะเดียวกัน กองเกวียนพ่อค้าวัวหุงข้าวเสร็จพอดีจึงนิมนต์รับบิณฑบาต ถามว่าท่านไปบิณฑบาตที่ไหนมาในป่าอย่างนี้ ได้รับคำตอบกลับมาว่า...ไปบิณฑบาตที่แม่แจ่มมา พ่อค้าวัวก็ถามกลับไปอีกว่า...บ้านอะไร เสียงตอบกลับมาก็คือ “บ้านสันหนอง” พร้อมๆกับเปิดฝาบาตรให้ใส่บาตร

พ่อค้าเห็นข้าวในบาตรเป็นสีดำๆด่างๆรู้ทันทีว่าเป็นข้าวชั้นดี ในยุคสมัยนั้นปลูกกันมากที่แม่แจ่มเท่านั้น จึงถามกลับไปอีกว่า คนลักษณะใดใส่บาตร ท่านก็ตอบว่า เป็นผู้หญิงคอออม หมายถึง คอพอกปูดโปนออกมา หลังจากพ่อค้าวัวขายของเสร็จสรรพ หมดภารกิจแล้วก็เดินทางกลับไปยังแม่แจ่ม ถามภรรยาว่าได้ใส่บาตรบ้างไหม ก็ได้ความว่า ใส่บาตรพระเดินออกมาจากป่าเมื่อวันนี้ เอาข้าวกล่ำใส่ พร้อมอธิบายถึงรูปลักษณะ

ก็...ตรงกันกับพระที่พ่อค้าวัวใส่บาตรเช่นเดียวกันที่จอมทอง เป็นที่น่าอัศจรรย์ใจยิ่งนัก

0 0 0 0


ความเชื่อศรัทธาที่มีต่อประเพณี “ค้ำโพธิ์” ...“ค้ำไทร” ยังมีเรื่องราวที่น่าสนใจสำคัญเกี่ยวโยงกับผู้ป่วย ที่ว่าด้วยเรื่องปัญหาการนอนไม่หลับ ทำงานไม่ได้ ปวดหัว ตัวร้อนอยู่ตลอดเวลาจนต้องหันหน้าเข้าหาวัด...พึ่งคุณพระคุณเจ้าด้วยว่าต้องจัดหา “ไม้คูณ” “ไม้ยอ” ขนาดประมาณเท่าขาคนป่วย มีความยาว 1-2 วา

ครั้นเมื่อถึงวันพระ 15 ค่ำ กลางเดือน ก็ให้นำไม้ที่เตรียมไว้มาประกอบพิธีกรรมทางความเชื่อ พร้อมดอกไม้ ธูปเทียน หมากพลู บุหรี่ ข้าวตอกดอกไม้ พร้อม “ผู้ป่วย”...ประกอบพิธี

นิมนต์เจ้าอาวาส พระลูกวัด 4 รูปเพื่อร่วมพิธีรับศีล... “ชุมนุมเทวดา”

ราวกับเป็นการป่าวประกาศให้เทพยดา รุขเทวดาผู้รักษาต้นโพธิ์ ต้นไทรนี้ ดลบันดาลขอให้อาการเจ็บไข้ได้ป่วยนี้บรรเทาลดหายลงไป อีกทั้งช่วยให้ชีวิตยืนยาวสืบต่อไป

ต่อจากนั้นก็นำไม้เสาที่ประกอบพิธีไปค้ำโพธิ์ ค้ำไทร...พระสงฆ์สวดอนุโมทนา ผู้ป่วยกรวดน้ำ เป็นอันเสร็จพิธี ซึ่งความเชื่อศรัทธาในพิธีกรรมข้างต้นนี้นั้นเกี่ยวโยงกับความเชื่อเรื่องประเพณี... “สูตรธาตุ–ชะตา” เมื่อยามที่ผู้ป่วยเจ็บไข้ได้ป่วย อาการหนักจนผู้มีความรู้เห็นว่าชะตาถึงฆาต ดวงชะตาขาด ควรสูตรชะตา



ตามข้อมูลเผยแพร่ให้รู้กันว่า พิธีการจะใช้ภาชนะ 2 อัน...อันหนึ่งใช้ดินเหนียวทำเป็นเจดีย์เล็กๆสูงแค่ศอกคนป่วย รอบเจดีย์บนภาชนะจะมีเจดีย์เล็กๆอีก 9 อันรายรอบไว้...นำไม้ไผ่ยาวแค่ศอกเท่าอายุผู้ป่วย ใช้กรรไกรตัดกระดาษเป็นธงสามเหลี่ยมติดปลายไม้อีกมัดเรียงที่ยอดเจดีย์

ส่วนภาชนะอีกอันเอามัดธงกระดาษและมัดธงเล็กตั้งไว้บนภาชนะ ตัดกระบอกไม้ไผ่ยาวเท่านิ้วชี้ มีรูหลวม นิ้วชี้ผู้ป่วย 5 อัน อันหนึ่งเอาถ่านไฟใส่ให้เต็ม อันที่สองยัดนุ่น อันที่สามใส่ดินให้เต็ม

อันที่สี่ใส่น้ำให้เต็มเป็นเครื่องหมายธาตุคือ...ดิน น้ำ ลม ไฟ ส่วนกระบอกที่ห้า... ใช้ตวงข้าวสารเท่าอายุผู้ป่วยใส่ขันหรือกะละมังเอาไว้ แล้วเย็บกระทงใบตองเท่ามือผู้ป่วยอีก5 อัน...



ใส่ข้าวตอก, ดอกบานไม่รู้โรย, ข้าวเปลือก, ถั่วงา, เมี่ยงหมาก

นำกระทงมาวางบนภาชนะรอบเสาธง เทียนยาวรอบหัว เทียนสูงแค่หัว โดยวัดจากสะดือผู้ป่วยถึงลูกกระเดือก พร้อมเทียนเล่มบาท 1 คู่ ขัน 5-8 ปัจจัยเท่าอายุ

พอถึงเย็นจะแบกไปที่วัดถวายเจ้าอาวาส พระสงฆ์ 4 รูป จะนำไปสวดในพระอุโบสถ สวดเสี่ยงทายอยู่ 3 วัน 3 คืน หลังทำวัตร สวดมนต์เย็น แล้ว กล่าวกันว่า...ผู้ป่วยชะตาขาดธาตุ สูญดวง... ข้าวสารในกระบอกไม้ไผ่เท่าอายุ ชะตาผู้ป่วยยังไม่ขาดธาตุ ยังไม่สูญ ข้าวสารที่ตวงเท่าอายุนั้นเพิ่มขึ้น...ผู้ป่วยต้องหายแน่

“ศรัทธา” นำมาซึ่ง “ปาฏิหาริย์” เชื่อไม่เชื่ออย่างไรโปรดอย่าได้ “ลบหลู่”.







Thank to : https://www.thairath.co.th/lifestyle/life/2375086
คอลัมน : รัก-ยม ,24 เม.ย. 2565 ,07:05 น.
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ