ถาม : ผลของการอนุโมทนาบุญหรือการยินดีในบาปของผู้อื่นจะเป็นอย่างไร?
ตอบ :เอาที่พระพุทธองค์ตรัสเล่าเองนะครับ ครั้งหนึ่งท่านเคยเป็นลูกชาวประมง เห็นคนทั้งหลาย
ฆ่าปลาแล้วเกิดความโสมนัส คือชื่นชมยินดีในบาปของผู้อื่น (เกิดอกุศลจิตประกอบด้วยโสมนัส)
ด้วยวิบากแห่งกรรมนั้นทำให้ชาติสุดท้ายพระองค์ต้องปวดพระเศียรขณะที่เจ้าศากยะญาติพระองค์
ถูกไล่ล่าฆ่าฟันอีกเรื่องที่มีมาในพระไตรปิฎก พระอนุรุทธเถระได้ถามนางเทพธิดาตนหนึ่งซึ่งมีผิวพรรณ
งามยิ่ง รัศมีส่องสว่างไสวเรืองรองไปทั่วทุกทิศ ว่าเคยทำกรรมอันใดมา นางตอบว่าเมื่อครั้งเป็น
มนุษย์นั้นได้เป็นสหายแห่งวิสาขามหาอุบาสิกาผู้สร้างมหาวิหารถวายสงฆ์ ซึ่งนางเพียงเห็นมหา
วิหารแล้วก็มีจิตเลื่อมใสอนุโมทนา และเพียงเพราะการอนุโมทนาด้วยจิตบริสุทธิ์แต่อย่างเดียวเท่านั้น
ก็ได้ผลคือวิมานอัศจรรย์อันเป็นที่รักแล้ว (ขอให้ทราบด้วยว่าผลแห่งความดีที่ทำเป็นประจำนำนาง
มาเกิดในสวรรค์ แต่เฉพาะวิมานอันงามแปลกนั้นเป็นส่วนที่ได้จากการอนุโมทนาประการเดียว)
สรุป แค่จากสองตัวอย่างข้างต้นนี้คือ การยินดีในบาปและการเลื่อมใสในบุญของผู้อื่น
นั้น อาจให้ผลใหญ่หลวงอย่างคาดไม่ถึง สิ่งที่เราเห็นว่าเล็กน้อย นึกว่าเป็นเรื่องขี้ปะติ๋ว หรือ
ทึกทักเอาเองว่าแค่คิดอยู่ในใจคงไม่เป็นไร แท้ที่จริงอาจเป็นเรื่องคอขาดบาดตาย และคะเนยากว่า
จะให้ผลเมื่อใดคราวนี้ขอยกตัวอย่างในสิ่งที่เป็นปัจจุบันเห็นได้ทันตา ในคอลัมน์เตรียมเสบียงไว้เลี้ยงตัวซึ่ง
เพิ่งลงในบางกอกฉบับที่ ๒๔๑๘ นี้เอง คงจำได้ว่าผมขอให้ทุกคนทดลองตั้งใจรักษาศีลข้อแรก ไม่
ประหัตประหารสิ่งมีชีวิตแม้ยุงสักตัวให้ได้หนึ่งวัน กับทั้งขอให้ทำจิตอนุโมทนา ปลาบปลื้มยินดีที่จะ
มีผู้อ่านได้ตั้งใจร่วมกันเป็นจำนวนมหาศาล
เท่าที่ฟังเสียงเล่าจากหลายคนคือรู้สึกถึงพลังบางอย่างที่เกิดขึ้นจริงขณะมีจิต
เลื่อมใสในการร่วมรักษาศีลข้อแรกนั้น บางคนเห็นผลทันที เช่นเป็นภูมิแพ้จมูกตันอยู่ก็กลับ
โปร่งโล่งเป็นที่น่าอัศจรรย์มาลองใหม่อีกทีก็ได้ หลายคนที่ฟังพุทธพจน์แล้วเริ่มเห็นคล้อยตามว่าท่าทางบุญกรรมจะมี
จริง กรรมที่ให้วิบากเป็นสุข และกรรมที่ให้วิบากเป็นทุกข์ น่าจะไม่ใช่เรื่องหลอก ทำจิตเข้าไปใน
ความจริงว่า คนจำนวนมากเริ่มซาบซึ้งและศรัทธาในพระพุทธเจ้า รู้ทางถูกทางตรง ละทาง
ผิดทางพลาด หากเกิดความปลาบปลื้มยินดีในความจริงนั้น จะเหมือนตาสว่างขึ้นมาชั่ว
ขณะหนึ่ง
และหากจดจำความรู้สึกตาสว่างดังกล่าวไว้ ก็จะเห็นความเปลี่ยนแปลงในตนเองในระยะ
ยาว คือจากที่เคยรู้ทั้งรู้ว่าเลือกอะไรด้วยความเขลา เหมือนมีฝ้าหมอกหนาทึบมาบดบังปัญญา
ต่อไปก็จะเหมือนฝ้าหมอกนั้นเบาบางลง และพร้อมจะตัดสินใจเลือกสิ่งที่ถูกต้องได้มากขึ้นการอนุโมทนาบุญก็ดี การชื่นชมบาปก็ดี ล้วนแล้วแต่เป็นการเพาะเมล็ดพันธุ์แห่งความดี
ความเลวนั้นๆ ลงในจิตวิญญาณของเรา ฉะนั้นถึงแม้ไม่คำนึงถึงผลอันเป็นรางวัลหรือโทษทัณฑ์
กระทบตัว ก็ขอให้คำนึงถึงแนวโน้มทางนิสัยว่าจะต้องเป็นไปในแบบนั้นๆ ด้วย
พูดง่ายๆ ว่า ความยินดีในกรรมใดๆ ที่ผู้อื่นประกอบขึ้นนั้น ถ้ายกระดับขึ้นเป็น
ความติดใจแล้วล่ะก็ หวังได้เลยว่าไม่ช้าก็เร็วคุณจะต้องก่อกรรมประการนั้นๆ ด้วยตนเอง
อย่างแน่นอนอ้างอิง เตรียมเสบียงไว้เลี้ยงตัว ๑ โดย ดังตฤณ
กีฬาที่เป็นการต่อสู้ เป็นการทำร้ายร่างกายซึ่งกันและกัน เป็นบาปอยู่แล้ว
ถ้าหากเราเห็นคนอื่นทำบาปแล้วยินดี มีความสุข
ผลกรรมที่ได้ ก็จะเป็นไปตามบทความที่นำเสนอ
