ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: หัดเป็นคนที่ "ตัดสินใจได้ชาญฉลาด" ด้วยกฎ 10-10-10  (อ่าน 813 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 29340
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0



หัดเป็นคนที่ "ตัดสินใจได้ชาญฉลาด" ด้วยกฎ 10-10-10

ชีวิตของคนเราในแต่ละวันเต็มไปด้วย “ทางเลือก” และการ “ตัดสินใจ” วันนี้จะใส่เสื้อสีอะไร จะใส่รองเท้าคู่ไหน จะกินอะไรเป็นข้าวเช้าดี ทั้งหมดนี้เป็นแค่เศษเสี้ยวของ “การตัดสินใจ” ที่เราต้องเลือกกันอยู่ทุกวัน

การตัดสินใจบางครั้งก็ดูเหมือนว่าเป็นกิจกรรมที่ผ่านมาและก็ผ่านไป  แต่รู้ไหมว่าการตัดสินใจเล็กๆ น้อยๆ เหล่านี้ ล้วนแต่เป็นส่วนหนึ่งหล่อหลอมให้เราเป็นเราในปัจจุบัน ทำให้เราได้รู้จักตัวเองมากขึ้นไปทีละน้อย ทำให้เรารู้ว่าชอบกินอะไร ชอบทำอะไร ชอบคนแบบไหน หรือไม่ชอบอะไรเมื่อตัดสินใจผิดพลาดไป

นอกจากการตัดสินใจเรื่องเล็กน้อย การตัดสินใจที่สำคัญอย่างการไปเรียนต่อ การลาออก หรือการแต่งงาน การตัดสินใจทั้งหมดนี้ล้วนเป็นปัจจัยสำคัญ ที่เป็นตัวกำหนดเส้นทางชีวิตต่อไปของเราในอนาคต ซึ่งเราไม่อาจรู้ได้เลยว่า แต่ละอย่างที่เราได้ตัดสินใจลงไปนั้น มันจะถูกหรือผิด จะดีหรือร้าย

แต่พอหันกลับมามองตัวเอง ลำพังแค่เย็นนี้จะกินอะไรยังเลือกไม่ได้ นับประสาอะไรกับการเลือกว่าจะเรียนต่อหรือทำงาน โดยการตัดสินใจหลายครั้งที่ผ่านมานั้น เรามักใช้เวลาในการตัดสินใจเร็วเกินไปจนตัดสินใจผิดพลาด หรือไม่ก็รู้สึกดีกับการตัดสินใจของตัวเองแค่ช่วงเวลาสั้นๆ แต่สุดท้ายก็มารู้สึกเสียใจในภายหลัง

@@@@@@@

“อารมณ์ชั่ววูบ” รู้สึกดี 5 นาที รู้สึกผิดทั้งชีวิต

ก่อนอื่น เพื่อให้เราพร้อมที่จะพัฒนาทักษะการตัดสินใจให้ดีขึ้นนั้นเราต้องรู้จัก และเข้าใจกระบวนการตัดสินใจของตัวเราเองก่อน ซึ่งที่จริงแล้ว กระบวนการตัดสินใจพื้นฐานของมนุษย์นั้นค่อนข้างที่จะเรียบง่ายเลยทีเดียว Moreno Zugaro จากเว็บไซต์ Medium.com บอกว่า กระบวนการตัดสินใจของมนุษย์นั้นมี 5 ระดับด้วยกัน เริ่มจาก

    1. รับรู้ความต้องการ (Need)
    2. ค้นหาทางเลือก (Option)
    3. ประเมินทางเลือก (Evaluation)
    4. ตัดสินใจ (Choice)
    5. ประเมินความรู้สึกหลังตัดสินใจ Reflection)

ยกตัวอย่างง่ายๆ ถ้าเรารู้สึกหิว (Need) สมองจะสั่งให้เราหาอาหาร (Option) ทำให้เราคิดแล้วว่าเราสามารถกินอะไรได้บ้าง จากนั้นเราก็จะมองดูแล้วว่าเราอยากกินอะไร (Evaluation) โดยอาจจะประเมินจากรสชาติ ราคา และคุณค่าทางอาหาร ต่อมาจึงค่อยตัดสินใจ (Choice) และสุดท้ายหลังจากกินเสร็จแล้ว เราก็จะมาประเมินความรู้สึกว่าเราพึงพอใจกับอาหารที่เราเลือกกินไปมากน้อยแค่ไหน (Reflection)

Zugaro บอกต่อว่า ส่วนใหญ่แล้ว มนุษย์เราจะตัดสินใจจากอารมณ์ โดยเฉพาะ “อารมณ์ชั่ววูบ” ซึ่งเป็นการตอบสนองแบบระยะสั้นเพียงเท่านั้น โดยปราศจากการไตร่ตรอง ถ้าเรารู้สึกอย่างไร เราก็กระทำไปอย่างนั้น มันจึงเป็นสาเหตุว่าทำไมเวลาคนเราตัดสินใจอะไรจากอารมณ์ชั่ววูบ เรามักจะรู้สึกดีเพียงแค่ระยะเวลาสั้นๆ แต่หลังจากนั้นเราก็เสียใจกับสิ่งที่เราทำลงไป

ตั้งแต่การใช้เงินจำนวนมากเวลาชอปปิงออนไลน์ เผลอกินเค้กเข้าไปทั้งก้อนขณะที่ไดเอตอยู่ ไปจนถึงการลาออกจากงานแบบไม่คิดหน้าคิดหลัง ล้วนแต่ทำให้เรามีความสุขในช่วงสั้นๆ แต่เมื่อหักลบระยะแล้ว ความสุขที่ได้ อาจจะไม่คุ้มกับสิ่งที่เราต้องเสียไป เช่น การเงิน สุขภาพ และการงาน เพราะฉะนั้น ถ้าไม่อยากเสียใจแบบนี้อีกบ่อยๆ กฎ 10-10-10 อาจช่วยได้


@@@@@@@

เราจะตัดสินใจแบบเดิมอยู่ไหม ในปี 10 วัน 10 เดือน และ 10 ปี

กฎ 10-10-10 นั้น ถูกคิดค้นโดย Suzy Welch นักเขียนชาวอเมริกัน โดยเธอได้พูดถึงกฎนี้ในหนังสือ “10-10-10: A Life Transforming Idea” ซึ่งเป็นหนังสือขายดีของ New York Times เลยทีเดียว

Welch บอกว่า วิธีคิดของกฎ 10-10-10 นั้นง่ายมาก โดยเมื่อถึงเวลาที่เราจะตัดสินใจในเรื่องใดก็ตาม ให้เราแบ่งการตัดสินใจนั้นออกเป็น 3 ส่วน ก็คือ

    1. เราจะรู้สึกอย่างไร กับการตัดสินใจนี้ภายใน 10 นาที.?
    2. เราจะรู้สึกอย่างไร กับการตัดสินใจนี้ในอีก 10 เดือนข้างหน้า.?
    3. เราจะรู้สึกอย่างไร กับการตัดสินใจนี้ในอีก 10 ปีข้างหน้า.?

ซึ่งความพิเศษของการแบ่งการตัดสินใจออกเป็น 3 ช่วงเวลาแบบนี้คือ มันจะช่วยให้เราประเมินการตัดสินใจของตัวเองจากมุมมองที่แตกต่างกันสามแบบ ทำให้เรามองภาพรวมได้อย่างครอบคลุม

    - โดย 10 นาทีจากนี้เป็นการมองที่ปัจจุบัน เราจะประเมินได้เลยว่าเราจะรู้สึกอย่างไรกับการตัดสินใจนี้ในทันที ชอบหรือไม่ชอบ ดีหรือไม่ดี

    - สำหรับ 10 เดือน จะเป็นการมองภาพระยะกลาง เราจะเริ่มเห็นผลกระทบจากการตัดสินใจของเราแล้วว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นกับเราบ้างในอนาคตข้างหน้าอย่างไม่ไกลเกินไป

    - ส่วน 10 ปีข้างหน้า จะเป็นเหมือนการทำให้ถอยออกมามองสถานการณ์ปัจจุบันในมุมที่กว้างกว่าเดิมมาก โดยปราศจากอารมณ์ชั่ววูบ เพราะว่าในอีก 10 ปีข้างหน้า เราจะรู้ได้เลยว่าการตัดสินใจของเรานั้น จะสร้างผลกระทบที่ยิ่งใหญ่มากขนาดไหนให้กับตัวเราในอนาคตข้างหน้า
      ยกตัวอย่างเช่น ถ้าเราตัดสินใจกินข้าวกะเพราเป็นข้าวกลางวันมันคงไม่มีผลอะไรมากในอีก 10 ปีข้างหน้า แต่ถ้าเราเลือกที่จะลาออกจากงานประจำ มันก็อาจจะมีผลกระทบกับชีวิตของเราเป็นอย่างมากในอีก 10 ปีข้างหน้านั่นเอง

@@@@@@@

แก่นสำคัญของกฎ 10-10-10 นี้ก็คือ เป็นการขจัดอคติ และอารมณ์ชั่ววูบออกไปจากกระบวนการตัดสินใจของเรา เป็นการใช้วิธีคิดบางอย่างเพื่อให้เรามองเห็นภาพรวมได้ดีขึ้นในระยะยาวแทน ซึ่งทุกคนสามารถนำเอากฎ 10-10-10 นี้มาใช้ได้กับทุกการตัดสินใจในชีวิต ไม่ว่าจะเล็กใหญ่แค่ไหน จะเป็นเรื่องส่วนตัว หรือเรื่องงาน ให้ลองคิดดูว่า ในอีก 10 นาที 10 เดือน และ 10 ปี เราจะรู้สึกอย่างไร จากนั้นจึงค่อยตัดสินใจ

เพราะฉะนั้น ถ้าหากเรารู้ตัวว่า เป็นคนที่พ่ายแพ้ให้กับอารมณ์ชั่ววูบเสียเป็นส่วนใหญ่ในการตัดสินใจเรื่องต่างๆ ลองนำกฎ 10-10-10 นี้ไปปรับใช้ในชีวิตดู ทั้งหมดนี้ไม่ได้บอกว่าการอยู่กับปัจจุบันเป็นเรื่องที่ไม่ดี เพียงแต่ว่าถ้าเราอยากจะมีความสุขกับปัจจุบันต่อไปเรื่อยๆ การตัดสินใจอย่างชาญฉลาด และมองถึงผลระยะยาวในบางครั้งเอง ก็เป็นเรื่องที่จำเป็นเหมือนกัน






อ้างอิง :-
- https://bit.ly/3RgOfEb
- https://bit.ly/3alWzBS
- https://bit.ly/3ytLl6G

Thank to : https://missiontothemoon.co/decisionmaking-softskill/
By Mission To The Moon , 11/07/2022
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: สิงหาคม 01, 2022, 06:57:31 am โดย raponsan »
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ