.
เบญจขันธ์นี้ไร้แก่นสาร มีแต่สภาวะที่ว่างเปล่า | ระดมเพียรแล้ว พึงพิจารณาขันธ์ทั้งหลายอย่างนี้ โดยมีสัมปชัญญะ มีสติมั่น ทั้งวันทั้งคืน | เมื่อปรารถนานิพพาน ก็พึงประพฤติเหมือนดัง คนที่ศีรษะถูกไฟไหม้พระอาทิตยพันธุ์ (พระพุทธเจ้า) ได้ตรัสแสดงไว้ว่า
รูป อุปมาเหมือน ฟูมฟองแม่น้ำ
เวทนา อุปมาเหมือน ฟองน้ำฝน
สัญญา อุปมาเหมือน พยับแดด
สังขาร อุปมาเหมือน ต้นกล้วย
วิญญาณ อุปมาเหมือน มายากล
ภิกษุพินิจดู พิจารณาโดยแยบคาย ซึ่งเบญจขันธ์นั้น ด้วยประการใด ๆ
ก็มีแต่สภาวะที่ว่างเปล่า
พระผู้ทรงปัญญาดังผืนแผ่นดิน ทรงปรารภร่างกายนี้แล้วทรงแสดงการละธรรม
3 อย่าง (โลภะ โทสะ โมหะ หรือตัณหา มานะ ทิฏฐิ) ไว้
@@@@@
ท่านทั้งหลาย จงดูรูปที่เขาทิ้งแล้ว
เมื่อใด อายุ ไออุ่น และวิญญาณ ละกายนี้
เมื่อนั้น ร่างกายก็ถูกทิ้ง นอนไร้จิตใจ
กลายเป็นอาหารของสัตว์อื่น
นี้แหละการสืบต่อ (ชีวิต) ก็อย่างนี้
มันเป็นมายากล หลอกคนโง่ให้เพ้อ
ได้บอกแล้วว่า เบญจขันธ์นี้เป็นผู้ล่าสังหารอยู่ในตัว,
จะหาแก่นสารในเบญจขันธ์นี้ย่อมไม่มี
ภิกษุระดมเพียรแล้ว พึงพิจารณาขันธ์ทั้งหลายอย่างนี้
โดยมีสัมปชัญญะ มีสติมั่น ทั้งวันทั้งคืน
พึงละเครื่องผูกมัดเสียให้หมด
พึงสร้างที่พึ่งให้แก่ตน
เมื่อปรารถนาอัจจุตบท (นิพพาน)
ก็พึงประพฤติเหมือนดังคนที่ศีรษะถูกไฟไหม้
@@@@@
ภิกษุทั้งหลาย.! อายุของมนุษย์ทั้งหลายนี้น้อย,
จะต้องไปสู่ภพหน้า,
พึงวินิจฉัยการด้วยความรู้คิด,
พึงกระทำการดีงาม (กุศล),
พึงครองชีวิตประเสริฐ (พรหมจรรย์),
ผู้ที่เกิดมาแล้ว ที่จะไม่ตายเป็นไม่มี
ผู้ใดอยู่ได้นาน ผู้นั้นก็อยู่ได้แค่ร้อยปี
จะเกินไปบ้างก็เพียงเล็กน้อย
อายุของมนุษย์ทั้งหลายน้อย
สัตบุรุษพึงดูหมิ่นอายุที่น้อยนั้น,
พึงประพฤติเหมือนดังถูกไฟไหม้ศีรษะ,
การที่มัจจุราชจะไม่มาหานั้น เป็นอันไม่มี.
@@@@@
วันคืนย่อมล่วงไป ชีวิตก็หดสั้นเข้า,
อายุของสัตว์ทั้งหลายย่อมหมดสิ้นไป
เหมือนดังน้ำในธารน้ำน้อย
ชีวิตของสัตว์ทั้งหลายในโลกนี้
ไม่มีเครื่องหมาย ไม่มีใครรู้
ทั้งยาก ทั้งน้อย และระคนด้วยทุกข์
ความเพียรพยายาม -
ที่จะช่วยให้สัตว์ที่เกิดมาแล้วไม่ต้องตายได้นั้น
ไม่มีเลย, แม้อยู่ได้ถึงชรา ก็ต้องตาย,
เพราะสัตว์ทั้งหลายมีธรรมดาอย่างนี้เอง..ฯลฯขอขอบคุณ :-
ภาพจาก : pinterest
ข้อธรรมจาก : พุทธธรรม ฉบับปรับปรุงและขยายความ โดย ท่าน ป.อ. ปยุตฺโต
พิมพ์ครั้งที่ ๖ พ.ศ.๒๕๓๘
ที่มา : หนังสือ อานุภาพความตาย โดย อ.ทองย้อย แสงสินชัย