.
ถวายดอกบัว ๕๐๐ ดอก ให้พระปัจเจกพุทธเจ้า | ปรารถนาบุตร ๕๐๐ คน | ได้เกิดในดอกบัวอยู่ในสระ | บุตรทั้ง ๕๐๐ คน ได้ตรัสรู้เป็นพระปัจเจกพุทธเจ้า | พระปัจเจกพุทธเจ้าทั้ง ๕๐๐ องค์ อาศัยอยู่ที่ภูเขาอิสิคิลิ
๖. อรรถกถาอิสิคิลิสูตร
อิสิคิลิสูตรมีคำเริ่มต้นว่า ข้าพเจ้าได้สดับมาแล้วอย่างนี้.

ประวัติภูเขาอิสิคิลิ
พึงทราบอธิบายในอิสิคิลิสูตรนั้นดังต่อไปนี้.
บทว่า อญฺญาว สมญฺญา อโหสิ ความว่า (ก่อน) ที่ภูเขาอิสิคิลิจะได้ชื่อว่า อิสิคิลิ (นั้น) ได้มีชื่ออีกอย่างหนึ่งว่า เวภาระ.
บทว่า อญฺญา ปญฺญตฺติ นี้เป็นไวพจน์ของบทแรกเท่านั้น. แม้ในบทที่เหลือก็มีนัยนี้เหมือนกัน.
ได้ยินว่า คราวครั้งนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงออกจากนิโรธสมาบัติ ในเวลาเย็นแล้วเสด็จออกจากพระคันธกุฎี มีหมู่ภิกษุแวดล้อมประทับนั่ง ณ ที่ที่เมื่อคนทั้งหลายนั่งแล้วเห็นภูเขา ๕ ลูกปรากฏชัด แล้วตรัสบอกภูเขา ๕ ลูกเหล่านี้โดยลำดับ.
ในการตรัสบอกนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้ามิได้มีความต้องการด้วยเรื่องภูเขา. แต่เมื่อตรัสบอกภูเขาเหล่านี้โดยลำดับๆ ก็ย่อมเป็นอันจะต้องตรัสบอกภาวะที่ภูเขาอิสิคิลิเป็นภูเขา (มีชื่อว่า) อิสิคิลิ (ด้วย) เมื่อตรัสบอกเรื่องภูเขาอิสิคิลินั้น ก็จักต้องตรัสบอกชื่อของพระปัจเจกพุทธเจ้า ๕๐๐ องค์ผู้เป็นบุตรของนางปทุมวดี และความปรารถนาของนางปทุมวดี เพราะเหตุดังกล่าวนี้ พระผู้มีพระภาคเจ้าจึงตรัสลำดับของภูเขานี้.
บทว่า วิสนฺตา ทิสฺสนฺติ ปวิฏฺฐา น ทิสฺสนฺติ ความว่า พระปัจเจกพุทธเจ้าทั้งหลายเสด็จเที่ยวบิณฑบาตในสถานที่ตามสะดวก กระทำภัตกิจแล้ว เข้าไปข้างในโดยกระทำภูเขานั้นให้เป็น ๒ ซีก เหมือนเปิดบานประตูคู่ใหญ่ในห้องพระเจดีย์ สร้างที่พักกลางคืนและที่พักกลางวันแล้วอยู่ ณ ที่นั้น. เพราะฉะนั้น จึงตรัสอย่างนั้น
บทว่า อิเม อิสี ได้แก่ พระปัจเจกพุทธฤาษีเหล่านี้.
@@@@@@@
ก็พระปัจเจกพุทธฤาษีเหล่านั้นได้อยู่ในภูเขานั้น ตั้งแต่เมื่อไร.?
ได้ยินว่า ในอดีตกาล เมื่อพระตถาคตยังไม่อุบัติขึ้น กุลธิดาผู้หนึ่งในหมู่บ้านแห่งหนึ่งชานเมืองพาราณสี เฝ้านาอยู่ ได้ถวายดอกบัวดอกหนึ่งกับข้าวตอก ๕๐๐ ดอกแก่พระปัจเจกพุทธเจ้าองค์หนึ่ง ตั้งความปรารถนาให้ได้บุตร ๕๐๐ คน. ก็พอดีขณะนั้น พรานล่าเนื้อ ๕๐๐ คนได้ถวายเนื้อ (ย่าง) อันอร่อยแล้วตั้งความปรารถนาว่า ขอให้พวกเราได้เป็นบุตรของนาง.
นางดำรงตลอดกาลกำหนดชั่วอายุแล้วไปเกิดในเทวโลก จุติจากเทวโลกมาเกิดในกลีบดอกบัวในชาตสระ (สระที่มีอยู่เองโดยธรรมชาติ). พระดาบสองค์หนึ่งไปพบเข้าก็เลี้ยงไว้. เมื่อนางกำลังเที่ยวเล่นนั่นแหละ ดอกบัวทั้งหลายผุดขึ้นจากพื้นดินทุกๆ ย่างเท้า. พรานป่าคนหนึ่งพบเข้า จึงกราบทูลแด่พระเจ้าพาราณสี. พระราชาทรงนำนางนั้นมาแต่งตั้งให้เป็นอัครมเหสี.
พระนางทรงครรภ์. มหาปทุมกุมารอยู่ในพระครรภ์พระมารดา ส่วนกุมารนอกนั้นอาศัยครรภ์มลทินอุบัติขึ้น. กุมารเหล่านั้นเจริญวัย ได้เล่นในสระบัวในอุทยาน นั่งที่ดอกบัวคนละดอก เริ่มตั้งความสิ้นและความเสื่อม ทำปัจเจกโพธิญาณให้เกิดขึ้น.
คาถาพยากรณ์ของท่านได้มีดังนี้ว่า
"ดอกบัวในกอบัวเกิดขึ้นในสระบานแล้ว ถูกหมู่แมลงภู่เคล้าคลึง ก็เข้าถึงความร่วงโรย บุคคลรู้แจ้งข้อนี้แล้ว พึงเป็นผู้เดียว เที่ยวไปเหมือนนอแรด"
พระปัจเจกพุทธเจ้าทั้งหลายเหล่านั้นได้อยู่ในภูเขานั้นมาแต่กาลครั้งนั้น. และแต่ครั้งนั้นมา ภูเขานั้นจึงได้เกิดชื่อว่า อิสิคิลิ.ขอบคุณที่มา :-
อรรถกถา มัชฌิมนิกาย อุปริปัณณาสก์ อนุปทวรรค อิสิคิลิสูตร
https://84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=14&i=247อ่านอรรถกถาภาษาบาลีอักษรไทย
https://84000.org/tipitaka/atthapali/read_th.php?B=10&A=2296
๖. อิสิคิลิสูตร ว่าด้วยภูเขาอิสิคิลิ
[๑๓๓] ข้าพเจ้าได้สดับมาอย่างนี้
สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาค ประทับอยู่ที่ภูเขาอิสิคิลิ เขตกรุงราชคฤห์ ณ ที่นั้นแล พระผู้มีพระภาคได้รับสั่งเรียกภิกษุทั้งหลายมาตรัสว่า “ภิกษุทั้งหลาย” ภิกษุเหล่านั้นทูลรับสนองพระดำรัสแล้ว
พระผู้มีพระภาคจึงตรัสถามว่า
“ภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลายเห็นภูเขาเวภาระ นั่นไหม”
ภิกษุเหล่านั้นทูลตอบว่า “เห็น พระพุทธเจ้าข้า”
“ภูเขาเวภาระนั่น มีชื่อเป็นอย่างหนึ่ง มีบัญญัติเป็นอย่างหนึ่ง เธอทั้งหลายเห็นภูเขาปัณฑวะนั่นไหม”
“เห็น พระพุทธเจ้าข้า”
“แม้ภูเขาปัณฑวะนั่น มีชื่อเป็นอย่างหนึ่ง มีบัญญัติเป็นอย่างหนึ่ง เธอทั้งหลายเห็นภูเขาเวปุลละนั่นไหม”
“เห็น พระพุทธเจ้าข้า”
“แม้ภูเขาเวปุลละนั่น มีชื่อเป็นอย่างหนึ่ง มีบัญญัติเป็นอย่างหนึ่ง เธอทั้งหลายเห็นภูเขาคิชฌกูฏนั่นไหม”
“เห็น พระพุทธเจ้าข้า”
“แม้ภูเขาคิชฌกูฏนั่น มีชื่อเป็นอย่างหนึ่ง มีบัญญัติเป็นอย่างหนึ่ง เธอทั้งหลายเห็นภูเขาอิสิคิลินี้ไหม”
“เห็น พระพุทธเจ้าข้า”
“ภิกษุทั้งหลาย แต่ภูเขาอิสิคิลินี้นั่น มีชื่อเช่นนี้ มีบัญญัติเช่นนี้ เรื่องเคยมีมาแล้ว พระปัจเจกพุทธเจ้า ๕๐๐ องค์ ได้อาศัยอยู่ที่ภูเขาอิสิคิลินี้มานาน พระปัจเจกพุทธเจ้าเหล่านั้นกำลังเข้าไปสู่ภูเขานี้ ประชาชนเห็น แต่พอท่านเข้าไปแล้ว ประชาชนไม่เห็น ประชาชนทั้งหลายเห็นเหตุดังกล่าวนั้น จึงพูดกันอย่างนี้ว่า ‘ภูเขานี้กลืนกินฤาษีเหล่านี้’ ภูเขานี้จึงปรากฏชื่อว่า อิสิคิลิ อิสิคิลิ ดังนี้”
“ภิกษุทั้งหลาย เราจักบอก ระบุ แสดงชื่อของพระปัจเจกพุทธเจ้าทั้งหลาย เธอทั้งหลายจงตั้งใจฟังชื่อของพระปัจเจกพุทธเจ้าทั้งหลายนั้น จงใส่ใจให้ดี เราจักกล่าว”
ภิกษุเหล่านั้นทูลรับสนองพระดำรัสแล้ว พระผู้มีพระภาคจึงได้ตรัสเรื่องนี้ว่า
@@@@@@@
[๑๓๔] “ภิกษุทั้งหลาย
พระอริฏฐปัจเจกสัมพุทธเจ้า ได้อาศัยอยู่ที่ภูเขาอิสิคิลินี้มานานแล้ว
พระอุปริฏฐปัจเจกสัมพุทธเจ้า ได้อาศัยอยู่ที่ภูเขาอิสิคิลินี้มานานแล้ว
พระตครสิขีปัจเจกสัมพุทธเจ้า ได้อาศัยอยู่ที่ภูเขาอิสิคิลินี้มานานแล้ว
พระยสัสสีปัจเจกสัมพุทธเจ้า ได้อาศัยอยู่ที่ภูเขาอิสิคิลินี้มานานแล้ว
พระสุทัสสนปัจเจกสัมพุทธเจ้า ได้อาศัยอยู่ที่ภูเขาอิสิคิลินี้มานานแล้ว
พระปิยทัสสีปัจเจกสัมพุทธเจ้า ได้อาศัยอยู่ที่ภูเขาอิสิคิลินี้มานานแล้ว
พระคันธารปัจเจกสัมพุทธเจ้าได้อาศัยอยู่ที่ภูเขาอิสิคิลินี้มานานแล้ว
พระปิณโฑลปัจเจกสัมพุทธเจ้า ได้อาศัยอยู่ที่ภูเขาอิสิคิลินี้มานานแล้ว
พระอุปาสภปัจเจกสัมพุทธเจ้า ได้อาศัยอยู่ที่ภูเขาอิสิคิลินี้มานานแล้ว
พระนิถปัจเจกสัมพุทธเจ้า ได้อาศัยอยู่ที่ภูเขาอิสิคิลินี้มานานแล้ว
พระตถปัจเจกสัมพุทธเจ้า ได้อาศัยอยู่ที่ภูเขาอิสิคิลินี้มานานแล้ว
พระสุตวาปัจเจกสัมพุทธเจ้า ได้อาศัยอยู่ที่ภูเขาอิสิคิลินี้มานานแล้ว
พระภาวิตัตตปัจเจกสัมพุทธเจ้า ได้อาศัยอยู่ที่ภูเขาอิสิคิลินี้มานานแล้ว
[๑๓๕] เธอทั้งหลายจงตั้งใจฟัง เราผู้ประกาศชื่อของพระปัจเจกพุทธเจ้า ที่มีธรรมเป็นสาระกว่าสรรพสัตว์ ไม่มีความทุกข์ ไม่มีความอยาก ได้บรรลุพระสัมโพธิญาณเฉพาะตน ผู้ปราศจากลูกศรคือตัณหา สูงกว่านรชน ดังต่อไปนี้
พระปัจเจกพุทธเจ้าผู้สิ้นตัณหาเครื่องนำไปสู่ภพ คือ
อริฏฐพุทธะ ๑ อุปริฏฐพุทธะ ๑ ตครสิขีพุทธะ ๑
ยสัสสีพุทธะ ๑ สุทัสสนพุทธะ ๑ ปิยทัสสีพุทธะ ๑
คันธารพุทธะ ๑ ปิณโฑลพุทธะ ๑ อุปาสภพุทธะ ๑
นิถพุทธะ ๑ ตถพุทธะ ๑ สุตวาพุทธะ ๑
ภาวิตัตตพุทธะ ๑ สุมภพุทธะ ๑ สุภพุทธะ ๑
เมถุลพุทธะ ๑ อัฏฐมพุทธะ ๑ อัสสุเมฆพุทธะ ๑
อนิฆพุทธะ ๑ สุทาฐพุทธะ ๑
พระปัจเจกพุทธเจ้าผู้มีอานุภาพมาก คือ หิงคูพุทธะ ๑ หิงคพุทธะ ๑
พระมุนีชื่อ ชาลีมี ๒ องค์ และพระอัฏฐกพุทธะ ๑
โกสัลลพุทธะ ๑ อถพุทธะ ๑ สุพาหุพุทธะ ๑
อุปเนมิสพุทธะ ๑ เนมิสพุทธะ ๑ สันตจิตตพุทธะ ๑
สัจจพุทธะ ๑ ตถพุทธะ ๑ วิรชพุทธะ ๑
ปัณฑิตพุทธะ ๑ กาฬพุทธะ ๑ อุปกาฬพุทธะ ๑
วิชิตพุทธะ ๑ ชิตพุทธะ ๑ อังคพุทธะ ๑
ปังคพุทธะ ๑ คุติจฉิตพุทธะ ๑
ปัสสีพุทธะผู้ละอุปธิอันเป็นมูลแห่งทุกข์ได้ ๑
ปราชิตพุทธะผู้ชนะมารและพลมาร ๑
สัตถาพุทธะ ๑ ปวัตตาพุทธะ ๑ สรภังคพุทธะ ๑
โลมหังสพุทธะ ๑ อุจจังคมายพุทธะ ๑ อสิตพุทธะ ๑
อนาสวพุทธะ ๑ มโนมยพุทธะ ๑
พันธุมาพุทธะผู้ตัดขาดมานะได้ ๑
ตทาธิมุตตพุทธะ ๑ วิมลพุทธะ ๑ เกตุมาพุทธะ ๑
เกตุมพราคพุทธะ ๑ มาตังคพุทธะ ๑ อริยพุทธะ ๑
อัจจุตพุทธะ ๑ อัจจุตคามพุทธะ ๑ พยามกพุทธะ ๑
สุมังคลพุทธะ ๑ ทัพพิลพุทธะ ๑ สุปติฏฐิตพุทธะ ๑
อสัยหพุทธะ ๑ เขมาภิรตพุทธะ ๑ โสรตพุทธะ ๑
ทุรันนยพุทธะ ๑ สังฆพุทธะ ๑ อุชชยพุทธะ ๑
พระมุนีองค์หนึ่งชื่อว่า สัยหะ ผู้มีความเพียร ไม่ต่ำทราม ๑
พระปัจเจกพุทธะพระนามว่า อานันทะ (๔ องค์)
พระนามว่า นันทะ (๔ องค์)
พระนามว่า อุปนันทะ (๔ องค์) รวม ๑๒ องค์
และภารทวาชพุทธะผู้ทรงพระวรกายในภพสุดท้าย ๑
โพธิพุทธะ ๑ มหานามพุทธะ ๑ อุตตรพุทธะ ๑
เกสีพุทธะ ๑ สิขีพุทธะ ๑ สุนทรพุทธะ ๑
ภารทวาชพุทธะ ๑ ติสสพุทธะ ๑
อุปติสสพุทธะ ผู้ตัดกิเลสเครื่องผูกในภพได้ ๑
อุปสีทรีพุทธะ ๑ และสีทรีพุทธะ ผู้ตัดตัณหาได้ ๑
มังคลพุทธะ ผู้ปราศจากราคะ ๑
อุสภพุทธะ ผู้ตัดข่ายอันเป็นมูลแห่งทุกข์ ๑
อุปณีตพุทธะได้บรรลุบทอันสงบ ๑
อุโปสถพุทธะ ๑ สุนทรพุทธะ ๑ สัจจนามพุทธะ ๑
เชตพุทธะ ๑ ชยันตพุทธะ ๑ ปทุมพุทธะ ๑
อุปปลพุทธะ ๑ ปทุมุตตรพุทธะ ๑ รักขิตพุทธะ ๑
ปัพพตพุทธะ ๑ มานัตถัทธพุทธะ ๑ โสภิตพุทธะ ๑
วีตราคพุทธะ ๑ กัณหพุทธะ ผู้มีจิตหลุดพ้นดีแล้ว ๑
พระปัจเจกพุทธเจ้าผู้มีอานุภาพมากเหล่านี้และอื่นๆ ผู้สิ้นตัณหาเครื่องนำไปสู่ภพ เธอทั้งหลายจงไหว้พระปัจเจกพุทธเจ้าเหล่านั้น ผู้ล่วงกิเลสเป็นเครื่องข้องทั้งปวงได้แล้ว ผู้แสวงหาคุณอันยิ่งใหญ่ ผู้มีคุณอันหาประมาณมิได้ ผู้ปรินิพพานแล้วเถิด”
อิสิคิลิสูตรที่ ๖ จบขอบคุณที่มา
พระไตรปิฎกเล่มที่ ๑๔ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๖ [ฉบับมหาจุฬาฯ] มัชฌิมนิกาย อุปริปัณณาสก์
เนื้อความพระไตรปิฎกฉบับมหาจุฬาฯ เล่มที่ ๑๔ หน้าที่ ๑๗๐-๑๗๔.
http://84000.org/tipitaka/attha/m_siri.php?B=14&siri=16พระไตรปิฏกฉบับภาษาบาลีอักษรไทย :-
http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/pali_item_s.php?book=14&item=247&items=5