..ผมอยากเป็นอย่างท้องฟ้า (พลันเอื้อมมือออกไปแตะขอบฟ้า แสงแดดอ่อนๆในยามเช้า)
..ทันใดนั้นก็เกิดแสงสว่างจ้า..ว๊าบเข้ามาวูบหนึ่ง เหมือนแสงสว่างจ้านั้นผ่านฝ่ามือของผมมาที่ใบหน้า แล้ววูบลงกลายดวงแสงเข้ามารวมอยู่ที่มือผม..แล้วหายไป
..ผมคิดในใจว่า..ฟ้าคงตอบรับผมแล้วใช่ไหม แสงสว่างนั้น คนบนฟ้าคงรับรู้ถึงคำเรียกร้องของผม
..แต่พอมาคิดๆดูแล้ว มันคงเป็นปรากฏการณ์ธรรมที่แสงอาทิตย์ยามเช้าส่องผ่านเมฆบนฟ้า หรือไม่ก็คงแค่แสงไปกระทบกับกระจกที่ไหนสักแห่ง..ผมคงตาฝาดไป..
..จากนั้นผมก็ถูกนำตัวไปพบจิตแพทย์..
..น้องชื่ออะไรครับ (จิตแพทย์ถาม)
..ผมชื่อ ด.ช. ภูมิพัฒน์ แซ่โง้ว ครับ
..ชื่อเล่นอะไรครับ (จิตแพทย์ถาม)
..ผมชื่อ "ภู" ครับ
หมอ : งั้นหมอเรียกน้องว่า "ภู" นะ
: หมอชื่อ "คเชนทร์" ไม่ใช่ "คิทเช่น" นะ หมอไม่ใช่ไก่ ✧◝(⁰▿⁰)◜✧
ภู : 555 !! (≧▽≦)
หมอ : เรียกหมอว่า "หมอเชน" ก็ได้ครับ ( 。◕‿◕。)
: น้องภูอายุเท่าไหร่แล้วครับ เรียนอยู่ชั้นไหน
ภู : อายุ 14 ปี ครับ เรียนอยู่ ม.2 แล้วครับ
หมอ : น้องเล่าให้หมอฟังได้ไหมครับ มีเรื่องอะไรไม่สบายใจบ้าง ลองเล่าชีวิตตอนเด็กๆหรือสิ่งไหนที่สะเทือนใจ คับแค้นใจให้หมอฟังได้ไหมครับ..
ภู : ตั้งแต่ผมอายุ 1 ขวบ ผมก็ไม่เคยเห็นหน้าแม่ผมเลยครับ แม่หน้าตายังไง เป็นคนแบบไหนผมก็ไม่เคยรู้จัก เท่าที่ปมจำได้พ่อปมก็กินเหล้าแล้วก็โวยวายทุกวัน บ้างก็ร้องไห้ บ้างก็กอดผมไว้บอกผมต้องเรียนเก่ง ต้องฉลาด ต้องทำอย่างนั้นอย่างนี้ให้ได้
: พอผมอายุ 8 ขวบไปโรงเรียน ผมก็ถูกเพื่อนแกล้ง ถูกเพื่อนล้อว่าคนไม่มีแม่ เด็กกำพร้า มีคนมาฉีกสมุดผมบ้าง ฉีกหนังสือผมบ้าง ตบหัวผมบ้าง จนผมต้องหนีไปหลบที่ห้องน้ำ
: พอผมเรียน ผมเรียนไม่เก่ง พ่อก็ด่าว่าผมโง่ บอกว่าครูบอกว่าผมชอบหนีไปหลบห้องน้ำ เข้าห้องน้ำบ่อย ผมไม่ตั้งใจเรียน ด่าว่าผมขู่ผมว่าถ้าไม่เรียนก็ไปขอทาน ถ้าไม่ตั้งใจเรียนพ่อจะทิ้งผมไป..ผมกลัวครับ (พลางร้องไห้..ฮือ.. ༼;´༎ຶ ༎ຶ ༽)
: ตั้งแต่ผมเรียน ม.1 จนตอนนี้ พ่อผมก็สั่งให้เรียนๆ อ่านๆหนังสือ ขีดเส้นให้ผมเดินไปตามที่พ่อหวัง พอผมทำไม่ได้ก็ด่าผมโง่บ้าง ผมช้าบ้าง เป็นออทิสติกบ้าง ตะโกนโวยวายด่าผมในโรงเรียนบ้าง
: ผมก็ตั้งใจแล้ว ไม่รู้ไปถามครูแต่ผมหัวช้า ครูก็ด่าว่าสอนไม่จำ ผมไม่เข้าใจทำไม่ได้ครูก็ว่าผมโง่
: ไปโรงเรียนก็ถูกเพื่อนแกล้ง รังเกลียดผมบ้าง ไม่มีเพื่อนเลยสักคน คุยกับใครก็ไม่ได้
(ฮือ..ฮือ..ฮือ.. 。:゚(;´∩`;)゚:。)
หมอ : โอ๋.. ไม่เป็นไรนะครับพระเอก ร้องไห้ออกมาให้พอนะ ไม่เป็นไรๆ คนเก่ง น้องภูเก่งมากๆเลยครับ เข้มแข็งมากเลย
(เมื่อภูสงบลงเลิกร้องไห้ (。•́︿•̀。))
หมอ : พ่อรักน้องภูมากแหละ แต่แค่แสดงออกไม่เก่ง พูดไม่เป็น คงเพราะพ่อต้องเหนื่อยลำบากเลี้ยงภูมาคนเดียว หวังอยากให้ภูได้ดี แต่ใช้วิธีสอนไม่เป็น ทุกคำสอนจึงเป็นการใช้อารมณ์
: เพราะความคาดหวังให้ภูได้ดีอาจจะเพราะพ่อลำบากหรือมีเรื่องมากมายที่ต้องทำเพื่อภู ทุกคำพูดจึงมีอารมณ์ความรู้สึกร่วมด้วยเสมอ
: หมอเห็นพ่อกอดน้องภูร้องไห้ พ่อคงรักน้องภูมากนะแค่แสดงออกไม่เก่ง แค่มักพูดด้วยอารมณ์ความรู้ แต่พ่อน้องภูไม่มีทางทิ้งน้องภูแน่นอน ไม่อย่างนั้นไม่ห่วงภูขนาดนี้นะ น้องภูคือคนที่ได้รับความรักความห่วงใยมากเลยนะครับ
ภู : ครับ (。•́︿•̀。)
หมอ : น้องภูชอบทำอะไรบ้าง ชอบทานอะไรบ้างครับ มีความใฝ่ฝันอะไรบ้างครับ
ภู : ผมชอบวาดรูปครับ แล้วก็อบเล่นเกม เพราะเวลาเล่นเกมผมจะมีตัวตนในเกมไม่ต้องรับรู้โลกภายนอกครับ ไม่ต้องเสียใจกับอะไร แค่เล่นเกมไปตามชอบ ไม่ต้องเครียดกับเรื่องที่พบเจอครับ
หมอ : หมอก็เล่นนะ มันคลายเครียดดีมาก แต่เวลาเล่นมากๆ นานๆ จะหน้ามืด ออกซิเจนในสมองต่ำ ตามองอะไรไม่ชัด รังสีทำลายสายตา หมอจึงเล่นแค่วันละนิดไม่นาน
หมอ : แล้วน้องภูเล่นนานมั้ยครับ
ภู : เวลาผมเจอเรื่องร้ายๆหรือไม่อยากรับรู้อะไร ผมก็จะเล่นไปเรื่อยๆครับ 3 ชั่วโมงบ้าง 4 ชั่วโมงบ้าง
หมอ : โอ้โห..แบบนี้สายตาจะแย่เอานะครับ เราต้องพักสายตาทุกๆ 30 นาที ถึง 1 ชั่วโมง นะครับ..ให้หลับตาสัก 1-2 นาที แล้วมองออกไปข้างนอกไกลๆกว้างๆ ไม่เจาะจงเพ่งมองอะไร แล้วกรอกตาขึ้น บน-ล่าง ซ้าย-ขวา หมุนวนซ้าย หมุนวนขวา เพื่อบริหารตานะครับ แล้วก็ลดเวลาเล่นลงนะครับจะช่วยให้ตาไม่เสื่อมสภาพเร็วนะครับ
(เป็นภาพที่หมอกับภูพูดคุยกันหัวเราะสนุกสนาน)
..แล้วหมอก็ชวนผมคุยเล่นสบายใจไปเรื่อย มีแนะนำผมนิดหน่อย ทำให้ผมไม่กลัวหมอ และยังชอบพูดคุยกับหมออีกด้วย..
..จากนั้นหมอก็ให้ผมออกมา แล้วเรียกให้ปะป๊าผมเข้าไปหา แล้วก็พูดคุยกัน..
..จากนั้นก็ให้ยาผมมากิน เพราะยาที่กินเมื่อกินแล้วจะง่วง ผมจึงได้หยุดเรียน 1 อาทิตย์เพื่อรักษาสุขภาพจิต..
..ณ บ้านของภู..
(เมื่อกลับมาถึงบ้าน ภูก็ขึ้นไปบนห้องเตรียมตัวนอน)
..ภูนอนหงายมองบนฝ้าเพดานมีแสงแดดส่องผ่านมา..พร้อมคิดว่า..นี่ผมเป็นโรคซึมเศร้าเหรอนี่..แล้วผมจะเป็นอีกนานไหม..ผมจะรักษาหายไหม..ที่ๆผมอยู่มันจะดีขึ้นกว่านี้ได้ไหม จะมีเพื่อนไหม จะมีใครคอยรับรู้รับฟังและเข้าใจผมบ้างไหม..
..ทันใดนั้นเบื้องหน้าบนฝ้าเพดานก็เกิดแสงสีขาวสว่างจ้าว้าบขึ้นมา..
..เบื้องหน้าภู มีอะไรสักอย่างที่เหมือนสิ่งมีชีวิตตัวน้อยเท่าเด็กทารก
..มีแขน..มีขา
..มีหน้าเหมือนตุ๊กตายิ้มแย้มน่ารัก
..มีปีกบินได้ ปีกนั้นสีขาวรูปทรงดุจปุยเมฆ
..ลำตัวครึ่งบนของสิ่งมีชีวิตตนนั้นเหมือนแมลงเหมือนใส่เสื้อสีฟ้าดุจท้องฟ้าสดใสในยามเช้า
..ที่ลำตัวครึ่งล่างมีแสงสว่างสีเหลืองนวลอ่อนๆ เดี๋ยวสว่างแล้ววูบดับลง สลับกันไปมาอย่างนั้นตลอดเวลา
.. Ꮚ\(。◕‿◕。)/Ꮚ ..
..ภูตกใจขยี้ตา (Ó╭╮Ò) แต่สิ่งมีชีวิตนั้นก็ยังลอยอยู่เบื้องหน้า ลอยตัวยิ้มให้กับภู แล้วส่งเสียงออกมาว่า ชิว..ชิว..!!
..ว้ากกกกก..!!!! ผีหลอก.. ┻━┻ミ\(≧ロ≦\) ภูร้องลั่นด้วยความกลัวแล้วก็เอาผ้าห่มมาคลุมโปงปิดไว้ พร้อมสวดมนต์..นะโม พุทโธ นะโม พุทโธ อรหังพุทโธ อรหังสัมมา..!!! (ᗒᗩᗕ) ( ≧Д≦) (ᗒᗩᗕ)
..สิ่งมีชีวิตตัวน้อยนั้นก็หัวเราะป้องปากออกมา ฮ่า..ฮ่า..ฮ่า.. (≧▽≦)
..พร้อมกับบินวนรอบเตียงภู.. Ꮚo((*^▽^*))oᏊ ..
..แล้วพูดออกมาน้ำเสียงเหมือนเด็กน้อยในอมิเมะว่า..ภูตลกจังเลย..ภูตลกจังเลย..ชิว..ชิว..!! (◍•ᴗ•◍)
..ภูเปิดผ้าห่มออกดู แล้วตระโกนดังลั่นว่า..ว้าก!! ผีกุมารทอง (╬⁽⁽ ⁰ ⁾⁾ Д ⁽⁽ ⁰ ⁾⁾)
..ภูกระโดดออกจากเตียงจะวิ่งหนี..แต่สิ่งมีชีวิตนั้นก็บินไปดักตรงหน้าพร้อมพูดว่า..ภูอย่ากลัว ภูอย่ากลัว..เราคือเพื่อนภู..เราคือเพื่อนภู..ชิวววว..
ภู : นิ่งอึ้งสักพักแล้ว..พูดกับสิ่งมีชีวิตนั้นว่า..เพื่อนงั้นหรอ

.. !??! (☉。☉) !??!
..สิ่งมีชีวิตนั้นตอบว่า..ชิวววว...ใช่แล้วๆๆ เราจะมาดูแลภูให้หายดี
...ชิวววว... Ꮚ\(。◕‿◕。)/Ꮚ
ภู : จริงหรอ..
..สิ่งมีชีวิตนั้นตอบว่า..ชิวววว...ใช่แล้วๆๆ เราจะมาดูแลภูให้หายดี
...ชิวววว... Ꮚ\(。◕‿◕。)/Ꮚ
ภู : แล้วนายเป็นใคร

..
..สิ่งมีชีวิตนั้นตอบว่า..ชิวววว...เราคือภูตแห่งแสง
...ชิวววว... Ꮚo((*^▽^*))oᏊ
ภู : ภูตแห่งแสง ว้าว...เหมือนหนังอนิเมะเลย..เหมือนในเกมเลย!! (ノ◕ヮ◕)ノ*.✧
..สิ่งมีชีวิตพูดว่า..ชิววว Ꮚo((*^▽^*))oᏊ
ภู : แล้วนายชื่ออะไรหรา

..
..สิ่งมีชีวิตตอบว่า..ชิววว Ꮚo((*^▽^*))oᏊ
ภู : ชื่อ "ชิว" งั้นหรอ ?? ..จากนี้ไปเราจะเป็นเพื่อนกันนะ
..สิ่งมีชีวิตตอบว่า..ชิววว Ꮚo((*^▽^*))oᏊ
ภู : OK..งั้นเราไปเล่นด้วยกันเถอะ โย่ว...
ชิว : ชิววว Ꮚo((*^▽^*))oᏊ
..แล้วเรื่องราวของเพื่อนต่างโลก..
..เอ๊ะ..หรือต่างมิติ ..??..
..อ๊ะ..หรือต่างสปีชี่ย์ ..??..
..โอ๊ะ..หรือต่างดาว ..??..
..อูย..ต่างโลกถูกแล้ว..อิอิ..ก็ได้เริ่มต้นขึ้น .. ✧◝(⁰▿⁰)◜✧ ..
..ชิววว Ꮚo((*^▽^*))oᏊ
..Ꮚ\(。◕‿◕。)/Ꮚ..
คุยกันท้ายตอน
คนทุกคนเมื่อป่วยก็ต้องหาหมอรักษา หลักการที่หมอขจิตแพทย์ใช้กับเด็กในพื้นฐานเลย คือ การปรับสภาพจิตใจ เมื่อใจเปิดกว้างผ่อนคลายขึ้น ก็จะค่อยเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมและความคิด..ในนิยาย คือ หมอจะชวนพูดคุยถามตอบหัวเราะสบายใจ แล้วดูพฤติกรรมตอบสนองของภูในแต่เรื่องราว คำถามปัญหาที่สอบถาม หรือ พูดคุยกัน
นี่คือสาเหตุทำไมถึงต้องคุยเล่น คุยสบายๆ คุยสนุกสนานก่อน ไม่ไปจี้ถามจุดที่เป็นปมในทันที..นั่นก็เพื่อทำให้จิตใจของผู้ป่วยได้ปรับความขึงเครียด อ่อนโอนลง ควรแก่การพูดคุยสอบถามวิเคราะห์ที่มากขึ้นนั่นเอง
แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะใช้ได้กับทุกสถานการณ์เสมอไป หรือหมอทุกคนก็คงไม่ได้พาอารมณ์ดีก่อนกันทุกคน
ภูป่วยจากซึมเศร้า ก็จะได้รับยาที่ทำงานกับสมองส่วนหน้าที่เอาไว้ใช้ควบคุมอารมณ์ และ ความคิดของผู้ป่วย..ดังนั้นทุกคนควรปรึกษาแพทย์ จะช่วยในเรื่องการรักษาปรับสภาพฮอโมนส์บ้าง ปรับสภาวะการทำงานของสมองบ้าง หรือส่วนอื่นๆที่เกี่ยวข้องในการรักษา
ตอนต่อไปภูจะเจอจุดแตก คือ ทำให้ TOXIC ที่ย้ำคิดย้ำทำจนฝังทับถมใจ ที่เคยมีสะสมมานั้น..แตกระเบิดออก..ดังนั้นภาวะของผู้ป่วยแม้จะกินยาก็ยังมีอาการอยู่ไม่ใช่หายเลยทันทีแบบในการ์ตูน ข้อสำคัญของผู้ป่วยจึงต้องอยากหายด้วย แล้วก็ฝึกฝนเรียนรู้ที่จะบำบัดจิตใจตนเองเพื่อขจัด TOXIC ในใจให้หายขาด
ธรรมชาติผู้ที่มี “TOXIC” และ “ODC” เยอะ จิตใจจะอ่อนไหว เพราะใช้กำลังในการรับรู้ความคิดไปหมด จนจิตใจอ่อนแอไม่มีแรงกำลัง ใจตั้งมั่นไม่ได้ ใจไม่มีกำลังอยู่ได้ด้วยตัวเอง..ใจจึงต้องเอนไหวไหลตามวิ่งไปเกาะยึดเอาอารมณ์ความรู้สึกนึกคิดทั้งหลายมาเป็นที่อยู่อาศัยของตน จนเกิดการยึดหลงตามความคิด..ที่ย้ำคิดย้ำทำไปเรื่อย..นานเข้าจึงกลายเป็นการสะกดจิตตนเอง จึงทำให้เกิดเรื่องร้ายๆขึ้นนั่นเอง
ด้วยเหตุนี้..จึงขอชวนท่านผู้อ่านมาเรียนรู้การฝึกบำบัดจิตกันในตอนต่อไปครับ
หมายเหตุ
1.) TOXIC คือ ขยะในจิตใจ ความคิดในแง่ลบ แง่ร้าย ความคิดทั้งหลายอันเป็นบ่อนทำลายจิตใจและคุณภาพชีวิตตนเอง นั่นก็ คือ กิเลส ความคิดในรัก ชัง กลัว หลง ที่เป็นขยะในใจของคนนั่นเอง
2.) OCD คือ ภาวะการย้ำคิดย้ำทำของจิตใจ ทำให้เกิดความวิตกกังวล เมื่อคิดย้ำในสิ่งที่เป็นแง่ลบ เรื่องร้าย Toxic ทั้งหลาย วนๆ ซ้ำๆ จนทับถมใจ ก็กลายเป็นการ “สะกดจิตตนเอง”..ทำให้ใจที่อ่อนแอจมติดอยู่ในกองวังวนความคิดนั้น..แล้วเอายึดความคิดนั้นมาเป็นตัวเป็นตน..ว่าสิ่งที่คิดนั้นคือตน สิ่งที่คิดนั้นเป็นตน ตนคือสิ่งที่คิด ตนเป็นความคิด ตนเป็นอย่างที่คิด ตนคือความคิด ความคิดคือตน ทำให้ขาดสติยับยั้งแยกแยะระหว่างความคิดกับจิตใจตน แล้วก็แตกระเบิดออกนั่นเอง