ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: นิยายธรรมะ วัยรุ่นต้องรอด บังไคปลดปล่อยแรงกดดัน เพื่อน  (อ่าน 3 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

Admax

  • ผู้อุปถัมภ์
  • โยคาวจรผล
  • ****
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 1076
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
..ผมอยากเป็นอย่างท้องฟ้า (พลันเอื้อมมือออกไปแตะขอบฟ้า แสงแดดอ่อนๆในยามเช้า)

..ทันใดนั้นก็เกิดแสงสว่างจ้า..ว๊าบเข้ามาวูบหนึ่ง เหมือนแสงสว่างจ้านั้นผ่านฝ่ามือของผมมาที่ใบหน้า แล้ววูบลงกลายดวงแสงเข้ามารวมอยู่ที่มือผม..แล้วหายไป

..ผมคิดในใจว่า..ฟ้าคงตอบรับผมแล้วใช่ไหม แสงสว่างนั้น คนบนฟ้าคงรับรู้ถึงคำเรียกร้องของผม

..แต่พอมาคิดๆดูแล้ว มันคงเป็นปรากฏการณ์ธรรมที่แสงอาทิตย์ยามเช้าส่องผ่านเมฆบนฟ้า หรือไม่ก็คงแค่แสงไปกระทบกับกระจกที่ไหนสักแห่ง..ผมคงตาฝาดไป..

..จากนั้นผมก็ถูกนำตัวไปพบจิตแพทย์..

..น้องชื่ออะไรครับ  (จิตแพทย์ถาม)
        ..ผมชื่อ ด.ช. ภูมิพัฒน์ แซ่โง้ว ครับ

..ชื่อเล่นอะไรครับ  (จิตแพทย์ถาม)
        ..ผมชื่อ "ภู" ครับ

หมอ : งั้นหมอเรียกน้องว่า "ภู" นะ
               : หมอชื่อ "คเชนทร์" ไม่ใช่ "คิทเช่น" นะ หมอไม่ใช่ไก่  ✧⁠◝⁠(⁠⁰⁠▿⁠⁰⁠)⁠◜⁠✧
            ภู : 555 !!  (⁠≧⁠▽⁠≦⁠)

หมอ : เรียกหมอว่า "หมอเชน" ก็ได้ครับ  ( 。⁠◕⁠‿⁠◕⁠。)
               : น้องภูอายุเท่าไหร่แล้วครับ เรียนอยู่ชั้นไหน
            ภู : อายุ 14 ปี ครับ เรียนอยู่ ม.2 แล้วครับ

หมอ : น้องเล่าให้หมอฟังได้ไหมครับ มีเรื่องอะไรไม่สบายใจบ้าง ลองเล่าชีวิตตอนเด็กๆหรือสิ่งไหนที่สะเทือนใจ คับแค้นใจให้หมอฟังได้ไหมครับ..
            ภู : ตั้งแต่ผมอายุ 1 ขวบ ผมก็ไม่เคยเห็นหน้าแม่ผมเลยครับ แม่หน้าตายังไง เป็นคนแบบไหนผมก็ไม่เคยรู้จัก เท่าที่ปมจำได้พ่อปมก็กินเหล้าแล้วก็โวยวายทุกวัน บ้างก็ร้องไห้ บ้างก็กอดผมไว้บอกผมต้องเรียนเก่ง ต้องฉลาด ต้องทำอย่างนั้นอย่างนี้ให้ได้
               : พอผมอายุ 8 ขวบไปโรงเรียน ผมก็ถูกเพื่อนแกล้ง ถูกเพื่อนล้อว่าคนไม่มีแม่ เด็กกำพร้า มีคนมาฉีกสมุดผมบ้าง ฉีกหนังสือผมบ้าง ตบหัวผมบ้าง จนผมต้องหนีไปหลบที่ห้องน้ำ
               : พอผมเรียน ผมเรียนไม่เก่ง พ่อก็ด่าว่าผมโง่ บอกว่าครูบอกว่าผมชอบหนีไปหลบห้องน้ำ เข้าห้องน้ำบ่อย ผมไม่ตั้งใจเรียน ด่าว่าผมขู่ผมว่าถ้าไม่เรียนก็ไปขอทาน ถ้าไม่ตั้งใจเรียนพ่อจะทิ้งผมไป..ผมกลัวครับ (พลางร้องไห้..ฮือ.. ༼⁠;⁠´⁠༎ຶ⁠ ⁠۝ ༎ຶ⁠  ⁠༽)
               : ตั้งแต่ผมเรียน ม.1 จนตอนนี้ พ่อผมก็สั่งให้เรียนๆ อ่านๆหนังสือ ขีดเส้นให้ผมเดินไปตามที่พ่อหวัง พอผมทำไม่ได้ก็ด่าผมโง่บ้าง ผมช้าบ้าง เป็นออทิสติกบ้าง ตะโกนโวยวายด่าผมในโรงเรียนบ้าง
               : ผมก็ตั้งใจแล้ว ไม่รู้ไปถามครูแต่ผมหัวช้า ครูก็ด่าว่าสอนไม่จำ ผมไม่เข้าใจทำไม่ได้ครูก็ว่าผมโง่
               : ไปโรงเรียนก็ถูกเพื่อนแกล้ง รังเกลียดผมบ้าง ไม่มีเพื่อนเลยสักคน คุยกับใครก็ไม่ได้

(ฮือ..ฮือ..ฮือ..  。⁠:゚⁠(⁠;⁠´⁠∩⁠`⁠;⁠)゚⁠:⁠。)

หมอ : โอ๋.. ไม่เป็นไรนะครับพระเอก ร้องไห้ออกมาให้พอนะ ไม่เป็นไรๆ คนเก่ง น้องภูเก่งมากๆเลยครับ เข้มแข็งมากเลย

(เมื่อภูสงบลงเลิกร้องไห้  (⁠。⁠•́⁠︿⁠•̀⁠。⁠))

หมอ : พ่อรักน้องภูมากแหละ แต่แค่แสดงออกไม่เก่ง พูดไม่เป็น คงเพราะพ่อต้องเหนื่อยลำบากเลี้ยงภูมาคนเดียว หวังอยากให้ภูได้ดี แต่ใช้วิธีสอนไม่เป็น ทุกคำสอนจึงเป็นการใช้อารมณ์
               : เพราะความคาดหวังให้ภูได้ดีอาจจะเพราะพ่อลำบากหรือมีเรื่องมากมายที่ต้องทำเพื่อภู ทุกคำพูดจึงมีอารมณ์ความรู้สึกร่วมด้วยเสมอ
               : หมอเห็นพ่อกอดน้องภูร้องไห้ พ่อคงรักน้องภูมากนะแค่แสดงออกไม่เก่ง แค่มักพูดด้วยอารมณ์ความรู้ แต่พ่อน้องภูไม่มีทางทิ้งน้องภูแน่นอน ไม่อย่างนั้นไม่ห่วงภูขนาดนี้นะ น้องภูคือคนที่ได้รับความรักความห่วงใยมากเลยนะครับ
            ภู : ครับ (⁠。⁠•́⁠︿⁠•̀⁠。⁠)

หมอ : น้องภูชอบทำอะไรบ้าง ชอบทานอะไรบ้างครับ มีความใฝ่ฝันอะไรบ้างครับ
            ภู : ผมชอบวาดรูปครับ แล้วก็อบเล่นเกม เพราะเวลาเล่นเกมผมจะมีตัวตนในเกมไม่ต้องรับรู้โลกภายนอกครับ ไม่ต้องเสียใจกับอะไร แค่เล่นเกมไปตามชอบ ไม่ต้องเครียดกับเรื่องที่พบเจอครับ
        หมอ : หมอก็เล่นนะ มันคลายเครียดดีมาก แต่เวลาเล่นมากๆ นานๆ จะหน้ามืด ออกซิเจนในสมองต่ำ ตามองอะไรไม่ชัด รังสีทำลายสายตา หมอจึงเล่นแค่วันละนิดไม่นาน

หมอ : แล้วน้องภูเล่นนานมั้ยครับ 
            ภู : เวลาผมเจอเรื่องร้ายๆหรือไม่อยากรับรู้อะไร ผมก็จะเล่นไปเรื่อยๆครับ 3 ชั่วโมงบ้าง 4 ชั่วโมงบ้าง
        หมอ : โอ้โห..แบบนี้สายตาจะแย่เอานะครับ เราต้องพักสายตาทุกๆ 30 นาที ถึง 1 ชั่วโมง นะครับ..ให้หลับตาสัก 1-2 นาที แล้วมองออกไปข้างนอกไกลๆกว้างๆ ไม่เจาะจงเพ่งมองอะไร แล้วกรอกตาขึ้น บน-ล่าง ซ้าย-ขวา หมุนวนซ้าย หมุนวนขวา เพื่อบริหารตานะครับ แล้วก็ลดเวลาเล่นลงนะครับจะช่วยให้ตาไม่เสื่อมสภาพเร็วนะครับ

(เป็นภาพที่หมอกับภูพูดคุยกันหัวเราะสนุกสนาน)

..แล้วหมอก็ชวนผมคุยเล่นสบายใจไปเรื่อย มีแนะนำผมนิดหน่อย ทำให้ผมไม่กลัวหมอ และยังชอบพูดคุยกับหมออีกด้วย..
        ..จากนั้นหมอก็ให้ผมออกมา แล้วเรียกให้ปะป๊าผมเข้าไปหา แล้วก็พูดคุยกัน..
        ..จากนั้นก็ให้ยาผมมากิน เพราะยาที่กินเมื่อกินแล้วจะง่วง ผมจึงได้หยุดเรียน 1 อาทิตย์เพื่อรักษาสุขภาพจิต..

..ณ บ้านของภู..

(เมื่อกลับมาถึงบ้าน ภูก็ขึ้นไปบนห้องเตรียมตัวนอน)

..ภูนอนหงายมองบนฝ้าเพดานมีแสงแดดส่องผ่านมา..พร้อมคิดว่า..นี่ผมเป็นโรคซึมเศร้าเหรอนี่..แล้วผมจะเป็นอีกนานไหม..ผมจะรักษาหายไหม..ที่ๆผมอยู่มันจะดีขึ้นกว่านี้ได้ไหม จะมีเพื่อนไหม จะมีใครคอยรับรู้รับฟังและเข้าใจผมบ้างไหม..

..ทันใดนั้นเบื้องหน้าบนฝ้าเพดานก็เกิดแสงสีขาวสว่างจ้าว้าบขึ้นมา..
        ..เบื้องหน้าภู มีอะไรสักอย่างที่เหมือนสิ่งมีชีวิตตัวน้อยเท่าเด็กทารก
        ..มีแขน..มีขา
        ..มีหน้าเหมือนตุ๊กตายิ้มแย้มน่ารัก
        ..มีปีกบินได้ ปีกนั้นสีขาวรูปทรงดุจปุยเมฆ
        ..ลำตัวครึ่งบนของสิ่งมีชีวิตตนนั้นเหมือนแมลงเหมือนใส่เสื้อสีฟ้าดุจท้องฟ้าสดใสในยามเช้า
        ..ที่ลำตัวครึ่งล่างมีแสงสว่างสีเหลืองนวลอ่อนๆ เดี๋ยวสว่างแล้ววูบดับลง สลับกันไปมาอย่างนั้นตลอดเวลา
        ..  Ꮚ\(。⁠◕⁠‿⁠◕⁠。)/Ꮚ  ..



..ภูตกใจขยี้ตา  (Ó⁠╭⁠╮⁠Ò)  แต่สิ่งมีชีวิตนั้นก็ยังลอยอยู่เบื้องหน้า ลอยตัวยิ้มให้กับภู แล้วส่งเสียงออกมาว่า ชิว..ชิว..!!

..ว้ากกกกก..!!!! ผีหลอก..  ┻⁠━⁠┻⁠ミ⁠\⁠(⁠≧⁠ロ⁠≦⁠\⁠)  ภูร้องลั่นด้วยความกลัวแล้วก็เอาผ้าห่มมาคลุมโปงปิดไว้ พร้อมสวดมนต์..นะโม พุทโธ นะโม พุทโธ อรหังพุทโธ อรหังสัมมา..!!!  (⁠ᗒ⁠ᗩ⁠ᗕ⁠) (⁠ ⁠≧⁠Д⁠≦⁠) (⁠ᗒ⁠ᗩ⁠ᗕ⁠)

..สิ่งมีชีวิตตัวน้อยนั้นก็หัวเราะป้องปากออกมา ฮ่า..ฮ่า..ฮ่า..  (⁠≧⁠▽⁠≦⁠) 
        ..พร้อมกับบินวนรอบเตียงภู.. Ꮚo⁠(⁠(⁠*⁠^⁠▽⁠^⁠*⁠)⁠)⁠oᏊ  ..
        ..แล้วพูดออกมาน้ำเสียงเหมือนเด็กน้อยในอมิเมะว่า..ภูตลกจังเลย..ภูตลกจังเลย..ชิว..ชิว..!!  (⁠◍⁠•⁠ᴗ⁠•⁠◍⁠)
        ..ภูเปิดผ้าห่มออกดู แล้วตระโกนดังลั่นว่า..ว้าก!! ผีกุมารทอง  (⁠╬⁠⁽⁠⁽⁠ ⁠⁰⁠ ⁠⁾⁠⁾⁠ ⁠Д⁠ ⁠⁽⁠⁽⁠ ⁠⁰⁠ ⁠⁾⁠⁾⁠)
        ..ภูกระโดดออกจากเตียงจะวิ่งหนี..แต่สิ่งมีชีวิตนั้นก็บินไปดักตรงหน้าพร้อมพูดว่า..ภูอย่ากลัว ภูอย่ากลัว..เราคือเพื่อนภู..เราคือเพื่อนภู..ชิวววว..

ภู : นิ่งอึ้งสักพักแล้ว..พูดกับสิ่งมีชีวิตนั้นว่า..เพื่อนงั้นหรอ ???.. !??! (⁠☉⁠。⁠☉⁠) ⁠!??!
      ..สิ่งมีชีวิตนั้นตอบว่า..ชิวววว...ใช่แล้วๆๆ เราจะมาดูแลภูให้หายดี
        ...ชิวววว...  Ꮚ\(。⁠◕⁠‿⁠◕⁠。)/Ꮚ

ภู : จริงหรอ..
      ..สิ่งมีชีวิตนั้นตอบว่า..ชิวววว...ใช่แล้วๆๆ เราจะมาดูแลภูให้หายดี
        ...ชิวววว...  Ꮚ\(。⁠◕⁠‿⁠◕⁠。)/Ꮚ

ภู : แล้วนายเป็นใคร ???..
      ..สิ่งมีชีวิตนั้นตอบว่า..ชิวววว...เราคือภูตแห่งแสง
        ...ชิวววว...  Ꮚo⁠(⁠(⁠*⁠^⁠▽⁠^⁠*⁠)⁠)⁠oᏊ

ภู : ภูตแห่งแสง ว้าว...เหมือนหนังอนิเมะเลย..เหมือนในเกมเลย!! (⁠ノ⁠◕⁠ヮ⁠◕⁠)⁠ノ⁠*⁠.⁠✧
      ..สิ่งมีชีวิตพูดว่า..ชิววว  Ꮚo⁠(⁠(⁠*⁠^⁠▽⁠^⁠*⁠)⁠)⁠oᏊ

ภู : แล้วนายชื่ออะไรหรา ???..
      ..สิ่งมีชีวิตตอบว่า..ชิววว  Ꮚo⁠(⁠(⁠*⁠^⁠▽⁠^⁠*⁠)⁠)⁠oᏊ

ภู : ชื่อ "ชิว" งั้นหรอ ?? ..จากนี้ไปเราจะเป็นเพื่อนกันนะ
      ..สิ่งมีชีวิตตอบว่า..ชิววว  Ꮚo⁠(⁠(⁠*⁠^⁠▽⁠^⁠*⁠)⁠)⁠oᏊ

ภู : OK..งั้นเราไปเล่นด้วยกันเถอะ โย่ว...
      ชิว : ชิววว  Ꮚo⁠(⁠(⁠*⁠^⁠▽⁠^⁠*⁠)⁠)⁠oᏊ

           ..แล้วเรื่องราวของเพื่อนต่างโลก..
                   ..เอ๊ะ..หรือต่างมิติ ..??..
                   ..อ๊ะ..หรือต่างสปีชี่ย์ ..??..
                   ..โอ๊ะ..หรือต่างดาว ..??..
                   ..อูย..ต่างโลกถูกแล้ว..อิอิ..ก็ได้เริ่มต้นขึ้น .. ✧⁠◝⁠(⁠⁰⁠▿⁠⁰⁠)⁠◜⁠✧ ..
                   ..ชิววว  Ꮚo⁠(⁠(⁠*⁠^⁠▽⁠^⁠*⁠)⁠)⁠oᏊ

                     ..Ꮚ\(。⁠◕⁠‿⁠◕⁠。)/Ꮚ..



คุยกันท้ายตอน

คนทุกคนเมื่อป่วยก็ต้องหาหมอรักษา หลักการที่หมอขจิตแพทย์ใช้กับเด็กในพื้นฐานเลย คือ การปรับสภาพจิตใจ เมื่อใจเปิดกว้างผ่อนคลายขึ้น ก็จะค่อยเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมและความคิด..ในนิยาย คือ หมอจะชวนพูดคุยถามตอบหัวเราะสบายใจ แล้วดูพฤติกรรมตอบสนองของภูในแต่เรื่องราว คำถามปัญหาที่สอบถาม หรือ พูดคุยกัน

นี่คือสาเหตุทำไมถึงต้องคุยเล่น คุยสบายๆ คุยสนุกสนานก่อน ไม่ไปจี้ถามจุดที่เป็นปมในทันที..นั่นก็เพื่อทำให้จิตใจของผู้ป่วยได้ปรับความขึงเครียด อ่อนโอนลง ควรแก่การพูดคุยสอบถามวิเคราะห์ที่มากขึ้นนั่นเอง
       แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะใช้ได้กับทุกสถานการณ์เสมอไป หรือหมอทุกคนก็คงไม่ได้พาอารมณ์ดีก่อนกันทุกคน

 ภูป่วยจากซึมเศร้า ก็จะได้รับยาที่ทำงานกับสมองส่วนหน้าที่เอาไว้ใช้ควบคุมอารมณ์ และ ความคิดของผู้ป่วย..ดังนั้นทุกคนควรปรึกษาแพทย์ จะช่วยในเรื่องการรักษาปรับสภาพฮอโมนส์บ้าง ปรับสภาวะการทำงานของสมองบ้าง หรือส่วนอื่นๆที่เกี่ยวข้องในการรักษา

ตอนต่อไปภูจะเจอจุดแตก คือ ทำให้ TOXIC ที่ย้ำคิดย้ำทำจนฝังทับถมใจ ที่เคยมีสะสมมานั้น..แตกระเบิดออก..ดังนั้นภาวะของผู้ป่วยแม้จะกินยาก็ยังมีอาการอยู่ไม่ใช่หายเลยทันทีแบบในการ์ตูน ข้อสำคัญของผู้ป่วยจึงต้องอยากหายด้วย แล้วก็ฝึกฝนเรียนรู้ที่จะบำบัดจิตใจตนเองเพื่อขจัด TOXIC ในใจให้หายขาด
       ธรรมชาติผู้ที่มี “TOXIC” และ “ODC” เยอะ จิตใจจะอ่อนไหว เพราะใช้กำลังในการรับรู้ความคิดไปหมด จนจิตใจอ่อนแอไม่มีแรงกำลัง ใจตั้งมั่นไม่ได้ ใจไม่มีกำลังอยู่ได้ด้วยตัวเอง..ใจจึงต้องเอนไหวไหลตามวิ่งไปเกาะยึดเอาอารมณ์ความรู้สึกนึกคิดทั้งหลายมาเป็นที่อยู่อาศัยของตน จนเกิดการยึดหลงตามความคิด..ที่ย้ำคิดย้ำทำไปเรื่อย..นานเข้าจึงกลายเป็นการสะกดจิตตนเอง จึงทำให้เกิดเรื่องร้ายๆขึ้นนั่นเอง
       ด้วยเหตุนี้..จึงขอชวนท่านผู้อ่านมาเรียนรู้การฝึกบำบัดจิตกันในตอนต่อไปครับ

หมายเหตุ
1.) TOXIC คือ ขยะในจิตใจ ความคิดในแง่ลบ แง่ร้าย ความคิดทั้งหลายอันเป็นบ่อนทำลายจิตใจและคุณภาพชีวิตตนเอง นั่นก็ คือ กิเลส ความคิดในรัก ชัง กลัว หลง ที่เป็นขยะในใจของคนนั่นเอง
2.) OCD คือ ภาวะการย้ำคิดย้ำทำของจิตใจ ทำให้เกิดความวิตกกังวล เมื่อคิดย้ำในสิ่งที่เป็นแง่ลบ เรื่องร้าย Toxic ทั้งหลาย วนๆ ซ้ำๆ จนทับถมใจ ก็กลายเป็นการ “สะกดจิตตนเอง”..ทำให้ใจที่อ่อนแอจมติดอยู่ในกองวังวนความคิดนั้น..แล้วเอายึดความคิดนั้นมาเป็นตัวเป็นตน..ว่าสิ่งที่คิดนั้นคือตน สิ่งที่คิดนั้นเป็นตน ตนคือสิ่งที่คิด ตนเป็นความคิด ตนเป็นอย่างที่คิด ตนคือความคิด ความคิดคือตน ทำให้ขาดสติยับยั้งแยกแยะระหว่างความคิดกับจิตใจตน แล้วก็แตกระเบิดออกนั่นเอง
บันทึกการเข้า
ความติดข้องใจเสพย์อารมณ์ความพอใจยินดี และ ความไม่พอใจยินดี เป็น สมุทัย
ผลของการดำเนินไปแห่งความพอใจยินดี และ ความไม่พอใจยินดี เป็น ทุกข์
รู้สัจธรรมและปรมัตถ์ ดำรงอยู่ในกุศล สติ ศีล สมาธิ พรหมวิหาร๔ คิดดี พูดดี ทำดี เป็น มรรค
การดับไปแห่งความพอใจยินดี และ ความไม่พอใจยินดี ถึง อัพยกตธรรม เป็น นิโรธ