ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: นิยายธรรมะ วัยรุ่นต้องรอด บังไคปลดปล่อยแรงกดดัน ลูกโป่งระเบิด  (อ่าน 4 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

Admax

  • ผู้อุปถัมภ์
  • โยคาวจรผล
  • ****
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 1076
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
...หลังจากภูและชิวออกมาจากห้อง ทั้งคู่ก็นั่งเล่นดูหนัง ฟังเพลง เล่นเกม พอถึงช่วงเย็น ภูก็พาชิวออกไปเดินเล่ยนอกบ้าน...
...ที่กลางหมู่บ้านก็มีสนามเด็กเล่น ที่ออกกำลังกาย และสนามฟุตบอลใหญ่ และอีกพื้นที่ส่วนหนึ่งเป็นสนามฟุตบอลโกลหนู...
...เมื่อภูไปที่สนามฟุตบอลโกลหนู ก็เจอกลุ่มเพื่อนบ้านที่เรียนโรงเรียนเดียวกัน ซึ่งมี จอร์น, แบงค์, อรรถ, ชิน กำลังส่งบอลเล่นกันอยู่  ภูจึงอยากเข้าหาเพื่อขอเตะบอลกับเพื่อนกลุ่มนั้น...

 ภู : ขอเตะบอลด้วยสิ..
        ชิน : ไม่ให้เล่นว้อย..เราไม่เล่นกับเด็กไม่มีแม่ 555
         ภู :  ....  (⁠。⁠•́⁠︿⁠•̀⁠。⁠)  ....
    แบงค์ : เฮ้ยชิน..แกอย่าไปพูดแบบนั้นสิ เดี๋ยวไอ้ภูมันก็โดดตึกฆ่าตัวตายอีกหรอก 555
         ภู :  ....  (⁠。⁠•́⁠︿⁠•̀⁠。⁠)  ....
    จอร์น : แกเตะบอลเป็นหรอวะภู..
    อรรถ : นั่นสิ..เราเห็นแกเล่นแต่เกม นี่พวกเราเล่นเดิมพันนะว้อย
         ภู :  ....  (⁠。⁠•́⁠︿⁠•̀⁠。⁠)  .... 

...จากนั้นก็มีเด็กอีกกลุ่มหนึ่งมาเตะบอลโกลหนู ตั้งทีม 5 คน แล้วท้าลงเดิมพันทีมละ 50 บาท..เล่น 20 นาที หรือหากทีมใดเตะเข้าแระตูได้ 3 ลูกก่อนชนะ...

     แบงค์ : (กระซิบคุยกับอรรถ, จอร์น, ชิน) ทีมเราขาดคนหนึ่งว่ะวันนี้ เพราะออกัสไม่มา
        ชิน : แกพกเงินติดตัวมามั้ยวะไอ้ภู
          ภู : พกมา..มีพกติดตัวมา 60 บาท
     จอร์น : ได้..งั้นแกเฝ้าประตู ลงเงินคนละ 10 บาท
          ภู : ได้ๆๆ..  (⁠≧⁠▽⁠≦⁠)
     แบงค์ : ไอ้ภู !! แกเฝ้าประตูก็พอ เดี๋ยว เรากับจอร์น เป็นกองหน้าและช่วงกลาง ชินกับอรรถแกดูกลางกับหลัง

...เมื่อเริ่มเตะบอล ทีมภูมีโอดาสบุกมากกว่า แบงค์ส่งลูกให้จอร์นไปด้านหน้า จอร์นก็เตะเข้าประตู... 
...เฮ !!!!... ทุกคนต่างยิ้มดีใจ...
..ต่อมาทีมฝ่ายตรงข้ามบุก ภูยืนหน้าโกล โดยมีชิวบินลอยตัวเป็นผู้ชมด้านหลัง..
..ฝ่ายตรงข้ามบุกเข้ามา เมื่อมาถึงหน้าภูฝ่ายตรงข้ามสับขาหลอก ภูหลงทาง ฝ่ายตรงข้ามเตะเข้าโกลไป..

        ชิน : ว่าแล้ว..ไอ้ภูแกอ่อนจริงๆ แค่นี้ก็กันไม่ได้ !!
          ภู : ขอโทษทีเพื่อน ....  (⁠。⁠ŏ⁠﹏⁠ŏ⁠)
     จอร์น : เอาน่าชิน..เพิ่งเสมอ ยังอีก 2 ลูก 
...เมื่อเล่นไปสักระยะฝ่ายตรงข้ามชั้นเชิงสูงกว่า ก็ทำประตูได้อีก..เป็นฝ่ายตรงข้ามนำ 2-1... 
     แบงค์ : ไอ้ภู..แกเล่นเหมือนคนเล่นหน่อยสิวะ..แค่เฝ้าประตูง่ายๆ แค่นี้ยังทำไม่ได้ แกทำอะไรเป็นมั่งฟะ
          ภู :  ....  (⁠。⁠•́⁠︿⁠•̀⁠。⁠)  .... ขอโทษ
     อรรถ : ไอ้ภู..แกไม่มีประโยชน์อะไรในทีมเลย !!
          ภู :  ....  (⁠。⁠•́⁠︿⁠•̀⁠。⁠)  ....

...สุดท้ายเมื่อจบเกมฝ่ายตรงข้ามชนะไป 3-1...

        ชิน : พวกเราแพ้เพราะแกไอ้ภู !!.. จากนี้ไม่ต้องมาเล่นกับพวกเราอีกนะ
     อรรถ : ไอ้ภู !! เราเสียเงินก็เพราะแก ไร้ประโยชน์จริงๆ
     แบงค์ : ไอ้ตัวซวยเอ๊ย !!
     จอร์น : กลับไปเล่นขายของ เล่นทรายที่บ้านคนเดียวเลยไป

          ภู : เริ่มดิ่งเข้ามิติ คิดวกวนในใจว่า..เราทำให้เขาเกลียด..มีแต่คนเดลียด..เราทำเขาเสียเงิน..เราผิด..หากเราตายไปเราจะเลิกเป็นคนไร้ค่ามั้ยนะ

...ขณะเดียวกันกลุ่มเพื่อนก็รุมด่าประชดใส่ภู...

          ภู : ใช่เรามันไร้ค่า..เรามันไร้ประโยชน์..เราทำพวกแกเสียเงิน เราผิดเอง เราชดใช้ให้ !!!

...ทันใดนั้น ขณะนั้นก็มีลุงคนหนึ่งขับรถเก๋งขับผ่านมาตรงถนนข้างสนามบอล..ภูจึงวิ่งไปหวังให้รถชน...

          ภู : เรามันผิด เรามันไร้ค่า ตายชดใช้ความผิดนี้ให้พวกแกมันไปเลย !!!

...เมื่อชิวมองเห็นอย่างนั้น จึงบินไปด้วยความเร็วสูง เพื่อพุ่งชนขัดขวางภู...

        ชิว : ชิวววว...  Ꮚ\(。・`-´・。)/Ꮚ ...

...เอี๊ยยยดดดด !!! ... (เสียงรถเก๋งเบรกกระทันหัน)
...ชิวพุ่งไปชนภูล้มเบี่ยงออกจากระยะของรถได้ทัน..

...กลุ่มเพื่อนภูเห็นต่างตกใจร้องตระโกนดัง..ไอ้ภู !!..

...ลุงคนขับรถลงด่าภู..ไอ้เด็กบ้าอยู่ๆวิ่งมาใส่รถทำไมไม่ดูจาม้าตาเรือบ้างหา...
...ภูร้องไห้เสียงเบาสะอึ้นน้ำตาพรั่งพรู...โดยวมีชิวบินวนเป็นห่วงข้างๆภู

        ชิว : ภูไม่ร้องไห้นะ..ไม่ร้องนะ..ไม่เป็นไรนะภู..ชิวววว...  Ꮚ\(。・`-´・。)/Ꮚ
         ภู : ฮือ..ฮือ..  。⁠:゚⁠(⁠;⁠´⁠∩⁠`⁠;⁠)゚⁠:⁠。

...เมื่อลุงคนขับรถเห็นจึงอ่อนท่าทีลง..แล้วถามพูดคุยดับภู

        ลุง : บ้านอยู่ไหนลูก..ทำไมวิ่งมาใส่รถแบบนี้..อันตรายมาก ทำให้ตายได้นะ..
         ภู : ผมทำให้เพื่อเสียเงิน ไร้ประโยชน์ ผมผิด ผมอยากตาย..ฮือ..ฮือ..  。⁠:゚⁠(⁠;⁠´⁠∩⁠`⁠;⁠)゚⁠:⁠。
        ลุง : เรื่องแค่นี้คิดจะตายทำไมล่ะ
         ภู : ถ้าผมตาย..ผมก็จะเลิกไร้ประโยชน์ ทุกคนจะได้เห็นคุณค่าผม ไม่ด่า ไม่รังเกลียดผมครับ..ฮือ..ฮือ..  。⁠:゚⁠(⁠;⁠´⁠∩⁠`⁠;⁠)゚⁠:⁠。
        ลุง : ตายแล้วใครจะสนใจเราล่ะ เขาเอาไปเผาที่วัดแล้วนินทาว่าเราบ้าอีกนะ
         ภู : ใช่..ผมมันบ้าครับ..ฮือ..ฮือ..  。⁠:゚⁠(⁠;⁠´⁠∩⁠`⁠;⁠)゚⁠:⁠。
        ลุง : ขนาดเรามีชีวิตเขายังไม่เห็นค่าเรา เราตายไปจะไปมีค่าอะไรกับเขาได้ล่ะ อย่าคิดและทำแบบนี้อีกนะ อย่าหาทางออกแบบนี้อีก พ่อแม่เราจะเสียใจได้นะ
         ภู : ผมไม่มีแม่ครับ ปะป๊าผมไม่สนใจหรอกครับ..ฮือ..ฮือ..
         ลุง : ไม่มีพ่อแม่คนไหนไม่รักลูกหรอก..เฮ้อ..ปะลุงพากลับบ้าน

...เมื่อถึงบ้านลุงที่ขับรถเก๋งจึงเล่าเรื่องให้ปะป๊าภูฟัง..จนเมื่อคุยเรื่องราวทั้งหมดเสร็จแล้วลุงก็กลับบ้าน..

     ปะป๊า : ภูทำไมทำแบบนี้ !! (ปะป๊าตวาดด้วยความโมโห แล้วก็ขึ้นเสียงด่าภู)
             : ปะป๊าเลี้ยงภูด้วยตัวคนเดียว ลำบากลำบนถูกคนกลั้นแกล้งในที่ทำงานสารพัด แต่ก็ต้องทนยิ้ม ก้มหัวรับ เพื่อหวังแค่ให้ได้เงินมาเลี้ยงภู ส่งภูเรียน
          ภู : ผมขอโทษครับ..ฮือ..ฮือ..  。⁠:゚⁠(⁠;⁠´⁠∩⁠`⁠;⁠)゚⁠:⁠。
     ปะป๊า : ทำไมแค่เพื่อนที่มองแค่ผลประโยชน์ต่อกัน ไม่ได้ห่วงใยมองกันเป็นเพื่อนจริงๆ ไม่ได้มาหาเลี้ยงภู ไม่ได้ส่งภูเรียน ภูจะต้องไปทำแบบนี้
             : ปะป๊าต่างหากที่หาเลี้ยงภู ส่งภูเรียน อยากให้ภูมีความสำเร็จ..ถ้าภูต้องมาตายเพราะเรื่องแค่นี้..ก็ไม่สมควรเกิดมาเป็นลูกป๊าแล้ว !!..
          ภู : ผมขอโทษครับ..ผมขอโทษ..ฮือ..ฮือ..  。⁠:゚⁠(⁠;⁠´⁠∩⁠`⁠;⁠)゚⁠:⁠。
     ปะป๊า : แทนที่จะตั้งใจเรียนทดแทนหยาดเหงื่อแรงกายแรงใจป๊า แต่กลับจะไปตายเพราะเพื่อนที่ไม่ได้หาเลี้ยงตัวเองเลย ทำไมทำให้แต่พ่อเสียใจอยู่เรื่อยเลย !!
          ภู : ผมขอโทษครับ..ผมผิด..ผมผิด..ผมเลว..ฮือ..ฮือ..  。⁠:゚⁠(⁠;⁠´⁠∩⁠`⁠;⁠)゚⁠:⁠。
     ปะป๊า : ยิ่งภูทำอย่างนี้ เรียกร้องความสนใจ ก็ยิ่งทำให้ตัวภูยิ่งไร้ค่า ทำไมต้องมาทำตัวไร้ค่าอย่างนี้..
           ภู : ผมผิด..ผมไม่ได้เรียกร้องความสนใจ..ฮือ..ฮือ..  。⁠:゚⁠(⁠;⁠´⁠∩⁠`⁠;⁠)゚⁠:⁠。
      ปะป๊า : ปะป๊าเจอเรื่องร้ายๆแค่ไหนก็ต้องสู้เพื่อภู อยากให้ภูมีอนาคต แต่ทำไมภูตอบแทนพ่อด้วยการทำอย่างนี้
           ภู : ผมมันไม่ได้..ให้ผมตายทดแทนพ่อเลยเีมั้ย !! ให้ผมตายไปเลย..อ้ากกกก..ฮือ..ฮือ..

...ขณะนั้นปะป๊าก็ได้สติ และตกใจมาก ที่ภูพูดออกมาอย่างนั้น..
…แล้วภูก็วิ่งหนีขึ้นห้องปิดประตูขังตัวเองร้องไห้ดั่งลั่นบ้าน..
...ปะป๊าวิ่งตามขึ้นมาเคาะประตูด้วยกลัวภูจะทำร้ายตัวเอง...

    ปะป๊า : ภูเปิดประตู..!! ภูป๊าบอกให้เปิดประตู..!! อย่าคิดอะไรบ้าๆนะ..!!

…ปะป๊าพยายามที่จะพังประตู ทุบประตูเพื่อที่จะเข้าไปในห้องภู เพราะห่วงและกลัวว่าภูจะทำร้ายตัวเอง..
…แต่ในทางกลับกันนั้น ภูกลับคิดว่า ปะป๊าจะเข้ามาตี…

…ภูก็เอาแต่ร้องไห้แล้วพูดว่า…

         ภู : ขอผมอยู่คนเดียวได้มั้ย..ฮือ..ฮือ..ขอผมอยู่คนเดียว..ฮือ..
    ปะป๊า : งั้นเปิดประตูให้ป๊าก่อน
         ภู : ปล่อยผม..ปล่อยผม..ปล่อยผม..ขอผมอยู่คนเดียวสักพักได้มั้ย..ฮือ

...เมื่อปะป๊าบอกให้ภูเปิดประตูเท่าไหร่ ภูก็ไม่ยอม ปะป๊าจึงต้องสะกดอารมณ์ความรู้สึกไว้ แล้วบอกภูว่า..งั้นปะป๊าลงไปรอข้างล่างนะ ห้ามคิดบ้าๆทำร้ายตัวเองเด็ดขาดนะ แล้วกลับมานั่งรอภูพร้อมร้องไห้เสียใจแบบข่มเสียงไว้ที่หน้าโทรทัศน์...

...เมื่อปะป๊าหลบออกมา ชิวก็ปรากฏตัวต่อหน้าภู แล้วกอดภูไว้..โอ๋ภูอย่างห่วงใย..

        ชิว : ชิวววว...  Ꮚ\(。´・-・`。)/Ꮚ ...ไม่เป็นไรแล้ว..ผ่านไปแล้ว..ชิวโอ๋ภูนะ..ชิวโอ๋ภูนะ...
          ภู : ชิว..ฮือๆๆๆ..ภูมันไร้ค่า..ภูมันผิด..ภูมันไม่ดี..ฮือๆๆๆ..
        ชิว : ภูไม่ได้ไร้ค่า ภูคนเก่ง
         ภู : ภูต้องตายก่อนใช่ไหมถึงจะพ้นจากความผิด บ้า ไร้ค่าอย่างนี้..

...เมื่อชิวเห็นภูเริ่มคิดวนซ้ำๆ และหนักขึ้นอย่างนั้นจึงพยายามคิดหาแนวทางพูดชักจูงเพื่อเปลี่ยนจุดสนใจภูให้ออกจากความคิด Toxic วนๆซ้ำๆเหล่านั้น..

        ชิว : เมื่อสัดครู่พ่อก็ห่วงภูมากนะ พ่อไงที่ห่วงภู ถูมีค่ากับพ่อไง
          ภู : ถ้าภูมีค่าจะด่าภูทำไม ทำไมต้องด่าแต่ภู ว่าแต่ภู
        ชิว : งั้นเอาอย่างนี้..ชิงจะเล่านิทานให้ภูฟัง
          ภู : นิทานอะไร ฮึก..ฮึก..(สะอื้นร้องไห้)
        ชิว : นิทานเรื่อง.."ภูน้อยหอยสัง"..เจ้าเงาะ เจ้าแงะ สะแงะ แบ๊ะใบ้ พูดไม่เข้าใจให้เราช่วยแปล..เอ๋ย..มันบ้าใบ้พูดไม่เข้าใจ..ให้เราช่วยแปล
          ภู : หึหึหึ..(ภูเริ่มยิ้มขึ้น เพราะอารมณ์คลายความหดหู่เสียใจจากคำพูดของชิวที่ทำให้ขำ)..ภูไม่ใช่เงาะป่านะ..หึ..หึ.สะอึก..หึหึ.. 
        ชิว : ล้อเล่นงับ เรื่องอะไรดีน้าาา..งั้นเอาเรื่องนี้ละกัน..เรื่องความไม่เข้าใจ
         ชิว : เรื่องความไม่เข้าใจ ชิวก็ไม่เข้าใจมันกัน เอ๊ะ..มันเป็นยังไงนะ โอ๊ะ..มันเป็นยังไงดีอ๊ะ..จะเริ่มยังไงดีนะ..แหะ แหะ แหะ..
          ภู : ชิ๊ววว(ขึ้นเสียงสูง)..ถ้าชิวไม่เข้าใจแล้วจะเล่ายังไง หึหึหึ ..(ภูเริ่มยิ้ม)..
         ชิว : ฮ่าๆๆๆ..งั้นเอาเรื่องนี้ .. “ลมหายใจกับความไม่เข้าใจ” .. มาเริ่มฟังกันได้เลย !!

         ชิว : ชิวววว...  Ꮚ\(。⁠◕⁠‿⁠◕⁠。)/Ꮚ



..คุยเล่นหลังจบตอน..

ในตอนนี้จะเห็นว่าภูกับชิวเริ่มออกมารับรู้กับสภาพแวดล้อมแล้ว หลังจากที่เกิดเหตุการณ์ที่ตนเองรู้สึกกดดัน และได้รับการรักษาในขั้นแรกแล้ว

ตอนนี้จะเป็นจุดเริ่มต้น ที่แสดงให้เห็นถึงการพบเจอสถานการณ์ต่างๆของภู เริ่มจากเหตุการณ์ที่ทำร้ายภู, เหตุการณ์ที่ทำให้ภูเกิดการรับรู้เข้าใจและการตอบโต้สนองกลับแล้วจิตดิ่งลงสู่โรคซึมเศร้า..ซึ่งมันอาจจะเป็นเรื่องธรรมดาๆ เป็นเรื่องเล็กน้อยของอีกคน แต่กับคนที่มีสภาพจิตใจแบบภูนั้นมันไม่ง่ายเลย..
สภาพจิตใจของภูนั้น เป็นเหมือนลูกโป่ง ที่มีลมอัดแน่นจนเต็มอยู่แล้ว เมื่อมีลมจากภายนอกมาเติมกระตุ้นไปอีก..ลูกโป่งก็แตก คือ ภูมีสภาวะจิตใจที่คลุกกรุ่นไปด้วยความรู้สึกที่เลวร้ายอัดเต็มไว้อยู่ก่อนแล้ว โดยที่ใจภูไม่สามารถระบายออกซึ่งความเลวร้ายที่ทับถมฝังใจนั้นได้ ทำให้รอคอยแต่วันปะทุ..ดังนั้นเมื่อเจอสถานการณ์ให้ภููต้องเกิดความรู้สึกนึกคิดเลวร้ายที่ทับถมเพิ่มไปอีก มันจึงแตกปะทุขึ้น เหมือนลูกโป่งที่มีลมอัดแน่นจนเต็มอยู่แล้ว เมื่อมีลมอัดเข้ามาเพิ่มก็แตก..
กล่าวถึงตอนที่พ่อรู้เรื่องของภูแล้วด่าด้วยความโกรธหรือเสี่ยใจก็ตาม ตอนที่พ่อใช้อารมณ์เป็นใหญ่ด่าลูกโดยไม่ถามถึงสาเหตุเรื่องราว ความคิด และความรู้สึกของภู เพื่อเข้าใจในเหตุและผลที่ภูตัดสินใจทำอย่างนั้นก่อน ทำให้ภูที่ดิ่งอยู่แล้ว ยิ่งซ้ำเติมกระแทกย้ำเข้าไปอีก
และในตอนที่ภูถูกพ่อด่า แล้ววิ่งขึ้นไปปิดกั้นตัวเองบนห้อง..ตอนนั้นมีเหตุการณ์เข้าใจผิดระหว่างพ่อและภู คือ..พ่อพยายามพังประตูจะเข้าไปดูภูด้วยความห่วงสุดแรงใจ..แต่สถานการณ์ความรุนแรงในตอนนั้นที่พ่อด่าภูอยู่ กลับทำให้ภูเข้าใจผิดคิดว่าพ่อจะทำร้ายตนเองแทน..ตรงนี้ชี้ให้มองเห็นถึงการกระทำใดๆของคนๆหนึ่ึ่ง เมื่อกระทำให้ผู้อื่นได้รับรู้บ่อยๆจนฝังใจ มันจะกลายเป็นภาพจำฝังใจของผู้ถูกกระทำได้..และในอีกทางหนึ่ง..คือ การสื่อสารที่ไม่เข้าใจกัน ไม่ว่าจะด้วยเพราะสถานการณ์ หรืออารมณ์ความรู้สึกที่บีบคั้นอยู่ก็ตาม
ดังนั้นการกระทำที่ปฏิบัติอยู่เป็นประจำ และ การใช้อารมณ์ความรู้สึกโดยขาดสติสัมปะชัญญะในการสื่อสาร..จะทำให้เกิดการสื่อสารที่ผิดพลาด ไม่เข้าใจกัน หรือส่งผลร้ายได้

..บรรณานุกรมศัพท์เฉพาะของนิยาย..

เจตนาความต้องการ กับ ความคิด และ ความไม่เข้าใจ..ในที่นี้หมายถึง..การบ่งบอกถึงการรับรู้และความเข้าใจระหว่างคนสองคน หรือ การรับรู้และความเข้าใจระหว่างกลุ่มคน

กล่าวโดยย่อ..คือการสื่อสารระหว่างกัน

ฝ่ายที่ 1 คือ ฝ่ายที่กระทำการแสดงออกทางกายและวาจา..โดยเจตนาเพื่อจะสื่อสารให้ ฝ่ายที่ 2 ได้รับรู้และเข้าใจถึงสิ่งที่ตนเองนั้นคิดนั้นต้องการอยู่..ผ่านการพูดหรือกระทำทางกายที่แสดงออกมานั้นๆ
        ฝ่ายที่ 2 คือ ฝ่ายที่ได้รับการรับรู้สื่อสารจากฝ่ายที่ 1 แล้ววิเคราะห์ตีความหมาย ทำความเข้าใจตาม..เพื่อที่จะรู้เจตนาความคิดและความต้องของฝ่ายที่ 1 ที่แสดงออกมาสื่อสารเพื่อให้รับรู้แล้วนั้น

..ซึ่งจุดนี้เพราะอาศัยความคิดวิเคราะห์ทำความเข้าใจ..ซึ่งคนแต่ละกลุ่ม, แต่ละบุคคล จะมีมุมมองความคิดที่แตกต่างกันไป ตามแต่อารมณ์ความรู้สึกของตนในขณะนั้นๆ และตามอุปนิสัยใจคอของตนที่มี
        ..เพราะอาศัยการรับรู้เข้าใจโดยมุมมองความคิดที่มีตามอารมณ์ความรู้สึกในแต่ละขณะ รวมไปถึงอุปนิสัยใจคอของตน จึงทำให้เกิดการสื่อสารที่เข้าใจตรงกัน และ เข้าใจไม่ตรงกัน, ไม่เข้าใจเจตนาความต้องการของอีกฝ่ายที่อยากจะสื่อสารที่แท้จริง..จึงมีการเข้าใจผิดทะเลาะกัน, จึงมีการผิดใจกัน, จึงมีการหมางใจกัน

บันทึกการเข้า
ความติดข้องใจเสพย์อารมณ์ความพอใจยินดี และ ความไม่พอใจยินดี เป็น สมุทัย
ผลของการดำเนินไปแห่งความพอใจยินดี และ ความไม่พอใจยินดี เป็น ทุกข์
รู้สัจธรรมและปรมัตถ์ ดำรงอยู่ในกุศล สติ ศีล สมาธิ พรหมวิหาร๔ คิดดี พูดดี ทำดี เป็น มรรค
การดับไปแห่งความพอใจยินดี และ ความไม่พอใจยินดี ถึง อัพยกตธรรม เป็น นิโรธ