« ตอบกลับ #1 เมื่อ: พฤษภาคม 15, 2025, 10:01:13 am »
0
1. กามุมมัตตกะ
ภาวะวิกลจริตชนิดนี้เกี่ยวข้อง กับราคะ กามตัณหา แรงขับทางเพศหรือโลภะ ตาม หลักอภิธรรม (วิภังค์อรรถกถา) และทฤษฎีทางการแพทย์ ความไม่สมดุลของสารน้ํา (humoral imbalance) เป็น สาเหตุอย่างหนึ่งของความวิกลจริต ปัญหาทางจิตใจ และอารมณ์ที่สัมพันธ์กับทฤษฎีสารน้ํา (humural theory) ตามที่นําเสนอโดยกาเลน (Galen) ประมาณศตวรรษที่สอง ได้อธิบายว่า
ภาวะซึมเศร้ารุนแรง (melancholia) เป็นผลมาจากการมีน้ําดีสีดํามากเกินไป และภาวะคลุ้มคลั่ง หรือภาวะฟุ้งพล่าน (mania) เกิดจากการมีน้ําดีสีเหลือง มากเกินไป ทฤษฎีเกี่ยวกับสารน้ําที่ทําให้เกิดโรคต่างๆ ยังรวมถึงธาตุลม (air or wind) น้ําดี (bile) และเสมหะ (phlegm)
โดยทั่วไปเชื่อว่าโรคของธาตุลมเกิดจากการที่ มีตัณหา ราคะ และกามุปาทานมากเกินไป นอกจากความตื่นเต้น และความเศร้าเสียใจแล้ว อาการของความผิดปกติทางจิตที่เกิดจากธาตุลมจะ มีลักษณะดังนี้
ผู้ป่วยพูดมากหรือพูดทุกสิ่งทุกอย่างที่ผ่านเข้ามาในใจ ขาดสมาธิ และไม่สามารถทําอะไรให้ เสร็จเป็นชิ้นเป็นอันได้ อาจร้องไห้ตลอดเวลา แต่แล้วก็กลับเป็นโกรธทันทีโดยไม่มีเหตุผล ผู้ป่วยจะหงุดหงิด กระวนกระวาย และถูกดึงโดยสิ่งเร้าได้ง่าย ความปวดร้าวทางจิตใจที่ได้รับ จะทําให้สูญเสียสิ่งสนับสนุนของสุขภาพ สองอย่าง คือ อาหารและพฤติกรรม เพราะความเศร้าโศก ผู้ป่วยจะไม่ยอมทานอาหาร และการอดอาหารจะทําให้ธาตุลมเพิ่มขึ้น การนอนไม่หลับจะไปเพิ่มความปั่นป่วนของธาตุลม เพราะอาการนี้ถือว่า เป็นโรคของธาตุลม
ความผิดปกติทางจิตใจแบบนี้สอดคล้องกับ ความแปรปรวนทางอารมณ์ (mood disorder) ในจิตเวชศาสตร์ปัจจุบัน ในช่วงระยะคลุ้มคลั่งผู้ป่วยจะแสดงอารมณ์สนุกสนานครื้นเครง ความคิดแล่นเร็ว นอนไม่หลับ ความภูมิใจแห่งตนเพิ่มขึ้น และมี ความคิดว่าตนยิ่งใหญ่ในทางตรงกันข้ามผู้ป่วยที่มีอารมณ์ ซึมเศร้าจะแสดงพลกําลังและความสนใจในสิ่งต่างๆ ลดลง ความรู้สึกสํานึกผิด ขาดสมาธิ เบื่ออาหาร เบื่อชีวิต หรือบางรายถึงกับทําร้ายตนเอง อาการแสดงและอาการอื่นๆ ได้แก่ ระดับของการเคลื่อนไหว ความสามารถทางความคิดและความจํา การนอนหลับ และกิจกรรมทางเพศลดลง
ความแปรปรวนเหล่านี้มักทําให้เกิดความเสียหายต่อการกระทําหน้าที่ทางสัมพันธภาพระหว่างบุคคล สังคม และอาชีพ การงาน ผู้ป่วยที่แสดงอารมณ์ซึมเศร้าชัดเจน เรียกว่า ความแปรปรวนของอารมณ์ซึมเศร้าอย่างรุนแรง (major depressive disorder) หรือภาวะซึมเศร้าแบบขั้วเดียว (unipolar depression) ส่วนผู้ป่วยที่มีทั้งอาการคลุ้มคลั่ง และอาการซึมเศร้า หรือผู้ป่วยที่มีอาการคลุ้มคลั่งอย่างเดียว เรียกว่า ความแปรปรวนทางอารมณ์ แบบสองขั้ว (bipolar mood disorder)
2. โกธัมมัตตกะ
คือ ความวิกลจริตที่เกี่ยวข้องกับความโกรธ ความเกลียด แรงขับทางก้าวร้าวหรือโทสะ ตามทฤษฎีสารน้ําความแปรปรวนทางจิตเวชแบบนี้ เกิดจากน้ําดีที่ทําให้ผู้ป่วยมีลักษณะของความรุนแรง และความหยาบคาย นําดีมักจะสัมพันธ์กับความก้าวร้าว และความโกรธ ดังนั้นโทสะและความเกลียดชังจะทําให้ มีการผลิตน้ําดีเพิ่มมากขึ้น
ความจริงอาการวิกลจริตที่เกิดจากน้ําดียังเกี่ยวข้องกับความผิดปกติของธาตุลมด้วย ทําให้เกิดอาการโรคจิตที่มีพฤติกรรมทางเพศรุนแรง และก้าวร้าว” ผู้ป่วยจะพูดหยาบคายรุนแรงและก้าวร้าว ต่อผู้อื่น รบกวนและทําลายข้าวของ และอาจทําร้าย ถึงขั้นฆ่าผู้อื่นได้ มีอารมณ์โกรธที่คงอยู่นาน หมกมุ่น อาการตื่นเต้นที่รุนแรงและการเคลื่อนไหวที่แปลกๆ แต่เรื่องในอดีตที่คอยรบกวนและตึงเครียดอย่างรุนแรง บางเวลาผู้ป่วยอาจเกิดการเคลื่อนไหวที่ไม่มีจุดหมาย ผู้ป่วยพวกนี้อาจต้องได้รับการควบคุมด้วยการผูกมัดและหรือการใช้ยา
@@@@@@@
3. โมหุ้มมัตตกะ
ภาวะวิกลจริตชนิดนี้สัมพันธ์ กับความโง่ ความหลง อวิชชาหรือโมหะ ซึ่งมีส่วนทําให้ การผลิตของเสมหะเพิ่มขึ้น ผู้ป่วยที่มีอาการวิกลจริต เนื่องจากมีปริมาณของเสมหะเพิ่มขึ้นมักจะแสดงลักษณะ แยกตัวเองอย่างรุนแรง เงียบเฉย ไม่เคลื่อนไหวและ ดื้อเงียบ ผู้ป่วยประเภทนี้ไม่ยอมรับประทานอาหาร หรือดื่มน้ํา อาจกลอกตาขึ้นข้างบนหรือมีท่าทางสับสน
รูปแบบของภาวะวิกลจริตที่สัมพันธ์กับทฤษฎีสารน้ํา คือ ธาตุลม น้ําดี และเสมหะ มีลักษณะสอดคล้อง กับการจําแนกความแปรปรวนทางจิตสมัยใหม่ตัวอย่าง เช่น ใน DSM-IV-TR (Diagnostic and statistical manual of mental disorders, fourth edition, text revision) ตีพิมพ์ในปี ค.ศ. 2000. โรคจิตที่เกิดจากธาตุลมคล้ายกับโรคความแปรปรวนทางอารมณ์ (mood disorders) ดังอธิบายมาแล้ว และโรคจิตเภทตามแบบฉบับ (classical schizophrenia) 1) (18,19 -)
จิตเภทมีลักษณะเฉพาะ คือ ความผิดปกติหรือความแปรปรวนของความคิด มีการแปลความหมายของความจริงผิดไปจากเดิม มักมีอาการหลงผิดและอาการประสาทหลอนร่วมด้วยยังมีการเปลี่ยนแปลงในอารมณ์แสดง (affect) เช่น สองฝักสองฝ่าย บีบคั้น เรียบหรือไร้อารมณ์และ ไม่เหมาะสม และมีพฤติกรรมแยกตัวเอง ก้าวร้าว แปลก และพิลึกพิลั่น อาการของจิตเภทมีผลเสียต่อความคิด ความรู้สึก พฤติกรรม รวมทั้งหน้าที่ทางสังคมและอาชีพการงาน
อาการโรคจิตชนิดก้าวร้าวที่เกิดจากน้ําดี สามารถ เปรียบเทียบได้กับโรคจิตเภทชนิดตัวแข็งทื่อแบบตื่นเต้น วุ่นวาย (catatonic type, excited) ซึ่งแสดงออกโดย การเคลื่อนไหวที่มากเกินไป พฤติกรรมรุนแรงและก้าวร้าว และมีความเสี่ยงที่จะทําร้ายตนเองหรือผู้อื่นได้ ในทางตรงกันข้ามอาการวิกลจริตที่เกิดจากเสมหะจะคล้ายกับ โรคจิตเภทชนิดตัวแข็งทื่อแบบแยกตัวเอง (catatonic type, withdrawn) ซึ่งมีลักษณะเฉพาะคือ ไม่มีการเคลื่อนไหว เลย ตัวแข็งทื่อแบบหุ่นที่ปั้นด้วยขี้ผึ้ง จะดัดให้อยู่ใน ท่าใดก็ได้ (waxy flexibility) นิ่งเฉย ไม่ยอมพูด และ มีอาการต่อต้านที่ชัดเจน
4. ทิฏฐมมัตตกะ
อาการวิกลจริตชนิดนี้ สัมพันธ์กับความเห็นที่ผิด ตัวอย่าง บางครั้งมี ภัยพิบัติธรรมชาติเกิดขึ้น บางคนก็ตําหนิว่าเกิดจาก การกระทําของภูตผีปีศาจ หรือสิ่งที่มีอํานาจเหนือมนุษย์ มีการบูชายัญ และพิธีบวงสรวงเพื่อเอาใจภูติผีและ เทพเจ้า บางคนอาจไปอาบน้ําศักดิ์สิทธิ์เพื่อชําระล้างบาปและเคราะห์ร้ายของตน
มิจฉาทิฏฐิหรือความเห็นผิดยังรวมถึงสัสสตทิฏฐิ ซึ่งเป็นความเชื่อว่าวิญญาณหรืออัตตาเป็นสิ่งที่ เที่ยงแท้ถาวร และยังคงสภาพอยู่ชั่วนิจนิรันดร ภายหลัง ความตาย ความเชื่อนี้จะต้องแยกจากอุจเฉททิฏฐิ ซึ่งเป็นความเชื่อว่าสัตว์ บุคคล หรือตัวตนจะสูญสิ้น ไปหมด ไม่มีอะไรเหลืออยู่เลยเวลาตาย ความเชื่อที่ ผิดอีกอย่างหนึ่งคือสีลัพพตปรามาส คือ ความยึดมั่น ในศีลพรต และพิธีกรรมบางอย่างว่าเป็นทางที่จะนําไป สู่ความดับทุกข์ รวมทั้งวิธีการปฏิบัติใดๆ ก็ตามที่ไม่ใช่ มรรคมีองค์ 8 ว่าเป็นทางดับทุกข์ได้
เมื่อความเห็นผิดเหนียวแน่นและรุนแรง สิ่งนี้ อาจกลายเป็นอาการหลงผิด (delusion) ได้ (18-20-) อาการหลงผิดเป็นความเชื่อที่ผิด ซึ่งไม่ได้ตั้งอยู่บนรากฐานของ ความเป็นจริงจากภายนอก เป็นความเชื่อที่เหนียวแน่นและคงอยู่นาน แม้จะมีหลักฐานที่ตรงกันข้ามอย่าง ชัดเจน ตัวอย่างอาการหลงผิดแบบคิดว่าตนยิ่งใหญ่ (grandiose delusion) เป็นความเชื่อที่มากเกินขอบเขต เกี่ยวกับความยิ่งใหญ่ อํานาจ ความรู้ เอกลักษณ์ หรือ สัมพันธภาพพิเศษกับเทพเจ้าหรือบุคคลที่มีชื่อเสียง
อาการหลงผิดแบบมีคนปองร้าย (persecutory delusion) มีเนื้อหาหลักที่สําคัญคือตนเอง (หรือบางคนที่อยู่ใกล้ชิด กับตน) กําลังถูกโจมตีข่มขู่ ปองร้าย ฉ้อโกง วางยาพิษ หรือถูกวางแผนร้ายร่วมกัน อาการหลงผิดแบบมีอะไรคอยควบคุม (delusion of control) คือ มีความเชื่อว่า ความรู้สึก แรงขับ ความคิดหรือการกระทําไม่ได้เกิดจากตนเองแต่อยู่ภายใต้การควบคุมของพลังบางอย่าง จากภายนอก อาการหลงผิดหรือความเชื่อที่ผิดนี้มัก พบในจิตเภท หรือโรคจิตอื่นๆ อารมณ์แปรปรวนที่มี ลักษณะโรคจิตร่วมด้วยและโรคจิตที่เกิดจากการใช้สารบางอย่าง
@@@@@@@
5. ปิตุมมัตตกะ
โรคจิตชนิดนี้มักเกิดจาก โรคทางกาย (organic disorders) 1318 เช่น ลมบ้าหมู (โรคลมชัก) ไข้ไทฟอยด์ มาลาเรีย สมองอักเสบ และ การบาดเจ็บทางสมอง ใน DSM-IV-TR เรียกโรคในกลุ่มนี้ว่า “ความแปรปรวนทางจิตใจที่เนื่องมาจาก โรคทางร่างกาย (a mental disorder due to a general medical condition)”19 ความแปรปรวนทางจิตใจ ในการ จําแนกนี้มีลักษณะเฉพาะ คือ การมีอาการทางจิตที่ ตัดสินได้ว่า เป็นผลทางสรีรวิทยาโดยตรงของโรคทาง ร่างกาย
กลุ่มของความผิดปกติทางจิตใจแบบนี้รวมถึงความแปรปรวนที่สัมพันธ์กับซิฟิลิส สมองอักเสบ ฝีหรือการบาดเจ็บในสมอง โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคลมชัก เนื้องอกในกะโหลกศีรษะ ความผิดปกติ เกี่ยวกับต่อมไร้ท่อ pellagra ภาวะขาดวิตามิน การติดเชื้อ ตามระบบ (เช่น ไข้ไทฟอยด์ มาลาเรีย) โรคเอดส์ โรคเกี่ยวกับภาวะเสื่อมของระบบประสาทส่วนกลาง (เช่น multiple sclerosis) สภาพของโรคทางร่างกายทั่วไป อาจก่อให้เกิดอาการตัวแข็งทื่อ (catatonia)
ซึ่งมีลักษณะเฉพาะคือ การไม่เคลื่อนไหวของร่างกาย และการเกร็งตัว ของกล้ามเนื้ออันเป็นผลจากโรคหลอดเลือดสมอง (stroke) หรือการเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรม (เช่น เกิดจากเนื้องอกในสมอง) อาการโรคจิตที่เกิดจาก การขาดสารอาหารบางอย่างก็รวมอยู่ในกลุ่มนี้
6. สุรุมมัตตกะ
โรคจิตชนิดนี้สัมพันธ์กับ การใช้สารพิษ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสุราและสารเสพติด ชนิดต่างๆ กลุ่มนี้คล้ายกับ alcohol-related disorders หรือ substance use disorders (ซึ่งสมัยก่อนเรียกว่า การติดยาหรือการพึ่งยา) ใน DSM-IV-TR19 เหล้า ยาที่ ออกฤทธิ์ต่อจิตประสาท และสารอื่นๆ (เช่น ฝุ่น ยาหลอนประสาท กัญชา ยาบ้า และสารระเหย) อาจก่อ ให้เกิดภาวะเป็นพิษและกลุ่มอาการจากการถอนยา นอกเหนือจากอาการโรคจิต อารมณ์แปรปรวนและอาการวิตกกังวล
@@@@@@@
7. พยสนุมมัตตกะ
ความผิดปกติทางจิตใจ ชนิดนี้เกิดจากเคราะห์ร้ายหรือโชคร้าย เช่น การสูญเสีย คนรัก ของรัก หรือสมาชิกในครอบครัว และการสูญเสีย เงินทอง ทรัพย์สินและชื่อเสียง ความผิดปกติในกลุ่มนี้ ยังรวมการสูญเสียเนื่องจากโรค (เช่น การถูกตัดขา ทั้งสองข้าง) และความเสื่อมโทรมของสุขภาพ การสูญเสีย สมาชิกในครอบครัว ญาติพี่น้องและมิตรสหาย การลักขโมย การจู่โจมทําร้าย โรคระบาด ไฟไหม น้ําท่วมหรือพายุ สามารถทําให้เกิดความเศร้าโศก ความพิไรรําพัน ความทุกข์กาย ความทุกข์ใจ และ ความคับแค้นใจ
การสูญเสียในรูปแบบต่างๆ มักเป็นสาเหตุที่พบได้บ่อยของความแปรปรวนทางอารมณ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งภาวะซึมเศร้าและความแปรปรวนเกี่ยวกับการปรับตัว บางครั้งการสูญเสียคนรัก เกิดขึ้นทันทีทันใดและรุนแรงมากจนกระทั่งทําให้เกิด อาจปรากฏออกมาเป็นโรคทางจิตเวชที่แตกต่างกัน ความผิดปกติอย่างรุนแรงอย่างในกรณีของปฏาจารา
ปฏาจาราเกิดในครอบครัวร่ํารวยที่เมืองสาวัตถี เมื่อเข้าสู่วัยรุ่นเกิดมีความสัมพันธ์อย่างใกล้ชิดกับ ชายหนุ่มคนหนึ่งที่รับใช้อยู่ในบ้าน จนสุดท้ายก็หนีตามกันไป ตามประวัติเธอได้ประสบกับการสูญเสีย อย่างใหญ่หลวงที่เกิดขึ้นทันทีโดยไม่ได้คาดคิดมาก่อน ทั้งกับสามี ลูกน้อยสองคน บิดามารดา และพี่ชาย ในช่วงเวลาอันสั้น สุดท้ายเธอได้เกิดอาการของโรคจิต ที่เรียกว่า “brief psychotic disorders” (การจําแนก ความแปรปรวนทางจิตใจตาม DSM-IV-TR)
เธอเดินไปเรื่อยโดยไม่รู้ตัวว่าผ้านุ่งห่มหลุดจากตัว ชาวบ้านที่เห็นต่างก็หลีกหนีด้วยการขว้างปาเศษขยะและโปรยขี้ฝุ่นบนตัวเธอ จนกระทั่งระดมปาด้วยก้อนดิน โดย มหาพุทธานุภาพของพระพุทธเจ้า เธอได้คืนสติขึ้นมาและ ความเศร้าโศกก็หายไป ปฏาจาราได้บวชเป็นภิกษุณี และบรรลุเป็นพระอรหันต์ในเวลาอันสมควร (22,23-)
8. ยักขุมมัตตกะ
ความวิกลจริตชนิดนี้ เกิดจากปีศาจ (ยักษ์) ผีร้าย หรือวิญญาณร้าย ปีศาจ หรือวิญญาณร้ายที่ทําให้เกิดอาการวิกลจริตเป็น ผลจากการที่ผีร้ายเข้าไปสิ่งในร่างคนและควบคุม การกระทําทุกอย่างทั้งทางกาย วาจาและใจ การแปลความหมายทางจิตวิทยาของคําว่า “ปีศาจ” หรือ “ภูติผี” ในระดับหนึ่งนั้น ถือว่าเป็นเรื่องของบุคคลาธิษฐานของความชั่วภายในจิตใจที่ถูกโยนออกไปสู่ภายนอก
เป็นพลังมืดหรือพลังเชิงลบภายในตัวเรานั่นเอง ที่เรายอมรับไม่ได้และพยายามจะออกมาสู่จิตสํานึก จึงต้องใช้กลไกทางจิตแบบการโยนออกไปภายนอก (projection) และสุดท้ายก็มีการพุ่งเข้าหาตนเอง (introjection) จุง(Jung) อธิบายว่า ปีศาจร้ายเหล่านี้มาจากจิตไร้สํานึกรวม (collective unconscious) และสิ่งที่อยู่ในจิตไร้สํานึก คือ สิ่งที่เข้ามาสิงอยู่ในตัวเรา(17-)
อาการและการแสดงของความผิดปกติทางจิตใจโดยเฉพาะอย่างยิ่งจิตเภท (schizophrenia) และ ความแปรปรวนที่เป็นภาวะคล้ายถูกผีสิง (dissociative trance disorder) ตาม DSM-IV-TR1 ตัวอย่าง ในภาวะ คล้ายถูกผีสิงจะมีการแทนที่เอกลักษณ์ของบุคคลที่คุ้นเคยโดยเอกลักษณ์ใหม่ เนื่องจากอํานาจของ วิญญาณร้าย ปีศาจ พลังลึกลับ เทพเจ้าหรือบุคคลอื่นๆ และสัมพันธ์กับการเคลื่อนไหวแบบซ้ําๆ โดยไม่ได้ตั้งใจ หรือแม้แต่พฤติกรรมที่ก้าวร้าว ภาวะผีสิงมักจะเกิด ร่วมกับอาการลืมตัวในช่วงระยะที่ร่างใหม่กําลังควบคุม พฤติกรรมเดิมของคนๆ นั้น
(ยังมีต่อ..)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤษภาคม 16, 2025, 10:24:11 am โดย raponsan »

บันทึกการเข้า

ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ