ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: ผู้มีขันติ ชื่อว่า นำประโยชน์มาให้ทั้งแก่ตนทั้งแก่ผู้อื่น  (อ่าน 45 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 29474
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0
.



อตฺตโนปิ ปเรสญฺจ อตฺถาวโห ว ขนฺติโก สคฺคโมกฺขคมํ มคฺคํ อารุฬฺโห โหติ ขนฺติโก.
ผู้มีขันติ ชื่อว่านำประโยชน์มาให้ ทั้งแก่ตน ทั้งแก่ผู้อื่น ผู้มีขันติ ชื่อว่าเป็นผู้ขึ้นสู่ทางไปสวรรค์และนิพพาน

   


    :25: :25: :25:

พุทธศาสนสุภาษิต

   อตฺตโนปิ ปเรสญฺจ      อตฺถาวโห ว ขนฺติโก
   สคฺคโมกฺขคมํ มคฺคํ     อารุฬฺโห โหติ ขนฺติโก.

   ผู้มีขันติ ชื่อว่านำประโยชน์มาให้ ทั้งแก่ตน ทั้งแก่ผู้อื่น
   ผู้มีขันติ ชื่อว่าเป็นผู้ขึ้นสู่ทางไปสวรรค์และนิพพาน.
(ส.ม. 222.)

ขันติ หมายถึง ความอดทน หรือความอดกลั้น เป็นคุณธรรมที่ทำให้จิตใจหนักแน่น ไม่หวั่นไหวต่ออุปสรรค ปัญหา หรือความยากลำบากทั้งหลายที่เกิดขึ้นในชีวิต ผู้มีขันติย่อมไม่ท้อถอยเมื่อเผชิญกับความทุกข์หรือการขัดขวางบนเส้นทางแห่งความสำเร็จ แต่สามารถก้าวเดินต่อไปได้อย่างมั่นคง

@@@@@@@

ลักษณะของขันติแบ่งได้เป็น 4 ประการ

ประการแรก คือ ความอดทนต่อความลำบากตรากตรำ ไม่ว่าจะเหนื่อยยากแค่ไหนในการศึกษาเล่าเรียน การประกอบอาชีพ หรือการสร้างบุญสร้างกุศล ผู้มีขันติจะไม่ย่อท้อ ถึงแม้ร่างกายจะเหน็ดเหนื่อย แต่ใจก็ยังคงมั่นคงและพยายามต่อไป

ประการที่สอง คือ ความอดทนต่อทุกขเวทนา หมายถึงการอดทนต่อความรู้สึกเจ็บปวดหรือไม่สบายทั้งกายและใจ เช่น ความเจ็บไข้ได้ป่วย หรือความทุกข์ใจต่าง ๆ ผู้มีขันติสามารถอดทนต่อสภาพเหล่านี้ได้โดยไม่ยอมแพ้ต่อความทุกข์ที่เกิดขึ้น

ประการที่สาม คือ ความอดทนต่อความเจ็บใจ เป็นการอดกลั้นต่ออารมณ์ที่เกิดจากสิ่งภายนอกมากระทบ ไม่ว่าจะเป็นคำพูด การกระทำ หรือสถานการณ์ที่ทำให้เกิดความหงุดหงิดรำคาญใจ ผู้มีขันติจะไม่ตอบสนองด้วยความโกรธหรือความวู่วาม แต่จะสามารถข่มใจไว้ได้

ประการที่สี่ คือ ความอดทนต่ออำนาจของกิเลส หมายถึงการไม่ปล่อยให้ความโลภ ความโกรธ หรือความหลงที่เกิดขึ้นในใจมาบงการให้กระทำสิ่งที่ไม่ดี เป็นการอดทนต่อแรงผลักดันจากกิเลส และสามารถควบคุมจิตใจให้อยู่ในความสงบ ไม่ประพฤติผิดศีลธรรม


@@@@@@@

ผู้ที่ประกอบด้วยขันติทั้ง 4 ประการนี้ ย่อมสามารถสร้างประโยชน์อันยิ่งใหญ่ทั้งแก่ตนเองและแก่ผู้อื่น ตัวอย่างเช่น ผู้ที่อดทนต่ออำนาจของกิเลสได้ ย่อมไม่ถูกชักนำให้กระทำบาปอกุศล การงดเว้นจากความชั่วเช่นนี้เรียกว่า ปาปวิรัติ

นอกจากประโยชน์ต่อตนเองแล้ว ความอดทนยังส่งผลดีต่อผู้อื่นด้วย เพราะเมื่อบุคคลไม่ทำตามอำนาจกิเลส คนรอบข้างก็ไม่ต้องพลอยเดือดร้อน ไม่ต้องหวาดระแวงหรือเป็นทุกข์ แต่กลับรู้สึกสบายใจเมื่ออยู่ใกล้ อีกทั้งยังได้เห็นตัวอย่างที่ดีในการดำเนินชีวิตประจำวันด้วย

จะเห็นได้ว่า ขันติเป็นคุณธรรมที่เกื้อกูลทั้งภายในและภายนอก ผู้ที่ฝึกขันติจนเป็นนิสัย ย่อมเป็นที่รักที่ชอบใจของผู้อื่น มีมิตรแท้มากมาย และสามารถเป็นกำลังใจแก่สังคมได้ เพราะความสงบเย็นจากใจของผู้มีขันติย่อมแผ่ไปถึงคนรอบข้าง

@@@@@@@

ในบรรดาขันติทั้งสี่ ขันติที่เป็นการอดทนต่ออำนาจของกิเลสจัดว่ามีอานิสงส์สูง เพราะเป็นเหตุให้สามารถเว้นจากการทำบาป เมื่อไม่ทำบาป ก็เป็นปัจจัยให้เกิดบุญ ส่งผลให้ไปเกิดในสุคติโลกสวรรค์ เป็นการสร้างเส้นทางแห่งความสุขในภพหน้า

ยิ่งไปกว่านั้น ผู้ที่มีความอดทนเพียรพยายามในการเจริญวิปัสสนากรรมฐาน ไม่ย่อท้อต่ออุปสรรคและไม่ยอมอ่อนข้อให้กับกิเลส ย่อมสามารถก้าวไปสู่ความหลุดพ้นได้ในที่สุด ขันติจึงไม่เพียงเป็นเครื่องป้องกันความทุกข์ชั่วครั้งคราวเท่านั้น แต่ยังเป็นหนทางที่จะนำไปสู่พระนิพพานอันเป็นที่สุดแห่งทุกข์ด้วย.






ขอบคุณ : https://www.dhammastation.com/a-person-with-patience-is-said-to-bring-benefits/
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ