ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: โลกจะไม่มี fake news เลย ถ้าทุกคนหันมาปฏิบัติตัวตามแนวพุทธ  (อ่าน 39 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 29483
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0
.



โลกจะไม่มี fake news เลย ถ้าทุกคนหันมาปฏิบัติตัวตามแนวพุทธ

ด้วยจุดประสงค์ที่ไม่แน่ชัดนัก บางคนชอบที่จะสร้าง fake news หรือข่าวปลอมขึ้นมา ส่วนบางคนแม้จะไม่ได้เป็นคนสร้างข่าวปลอมเอง แต่ก็อาจจะชอบแชร์ พฤติกรรมดังกล่าวทำให้สังคมสับสนและวุ่นวายในการจัดการปัญหา ไม่ว่าปัญหานั้นจะเป็นปัญหาอะไร ปัญหาในการป้องกันการระบาดของโควิด-19 นี้เป็นตัวอย่างที่ดีของการได้รับผลกระทบจากข่าวปลอมที่หลายต่อหลายคนขยันสร้างและแชร์กันทุกวัน

รัฐและรัฐบาลทั่วโลกได้พยายามกำจัดข่าวปลอมนี้ โดยการตั้งหน่วยงานขึ้นมาตรวจสอบข่าวปลอม หรือสั่งให้บริษัทอินเตอร์เน็ตทั้งหลายทำการตรวจสอบเองด้วย เมื่อพบว่าข่าวใดเป็นข่าวปลอมก็ออกมาชี้แจงหรือแก้ข่าว  แต่เราทุกคนก็รู้ดีว่ามาตรการนี้ใช้ไม่ได้ผล ข่าวปลอมก็ยังแพร่หลายอยู่ทั่วไป ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะคนเราก็แปลกมักชอบแชร์ข่าวปลอมมากกว่าข่าวจริง

ผมอยากจะลองขอเสนอแนะให้ใช้ แนวคิดและปรัชญาแบบชาวพุทธ มาแก้ปัญหานี้กัน   

แนวคิดอย่างแรกที่อยากจะเสนอคือ การใช้อริยสัจ ๔ หรือ ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค เป็นฐานคิด
    - ทุกข์ในที่นี้คือ ผลเสียจากปัญหาต่างๆที่มาจากข่าวปลอม
    - สมุทัย(หรือสาเหตุแห่งทุกข์) คือ การสร้างและแชร์ข่าวเท็จ   
    - นิโรธ (หรือผลสุดท้ายที่ต้องการ) คือ การไม่มีผลเสียจากข่าวปลอม และ
    - มรรค(หรือวิธีการ) คือ การยึดหลักคิดทางพุทธมาระงับข่าวปลอม


@@@@@@@

มรรคหรือวิธีการแรก ที่ผมอยากจะแนะนำนี้อยู่บนพื้นฐานที่ว่า เราจะไม่เขียนข่าวปลอมรวมทั้งจะไม่แชร์ข่าวถ้าข่าวนั้นเป็นข่าวปลอม ซึ่งก็คือ ศีลข้อมุสา หรือการกล่าวเท็จนั่นเอง นั่นหมายความว่า ถ้าเราถือศีลข้อนี้จริงจัง เราจะไม่สร้างและจะไม่แชร์ข่าวปลอม และปัญหาของสังคมที่ว่าก็จะไม่มีอีกต่อไป

ทีนี้เราจะรู้ได้อย่างไรล่ะว่า ข่าวหรือข้อมูลที่แชร์ๆกันมานั้นเป็นข่าวปลอมหรือข้อมูลที่ไม่จริง ซึ่งหากเราเป็นฝ่ายรับข่าวหรือข้อมูลและอยากจะแชร์ข่าวหรือข้อมูลนั้น เราก็ควรต้องมั่นใจก่อนว่ามันเป็นเรื่องจริง โดยเราจะไม่เชื่อสิ่งที่ได้รับมานั้นอย่างงมงายไร้เหตุผล

ด้วยการใช้หลัก 10 ข้อมาช่วยวิเคราะห์ นั่นคือ เราจะไม่เชื่อข่าวหรือข้อมูลพวกนั้นเพียงเพราะ 

    ๑) ฟังตามๆกันมา 
    ๒) ยึดถือสืบๆกันมา 
    ๓) เล่าลือกันมา   
    ๔) มีตำรามาแสดง 
    ๕) มีตรรกะ 
    ๖) ด้วยการอนุมานหรือคาดคะเน 
    ๗) ด้วยการคิดตามเหตุผล 
    ๘) เพราะมันเข้ากับทฤษฎีหรือวิธีคิดที่ตัวเองเชื่ออยู่แล้ว 
    ๙) เพราะคนที่ให้ข่าวหรือข้อมูลแก่เรานั้นน่าเชื่อถือ  และ 
  ๑๐) คนที่ให้ข้อมูลหรือข่าวมานั้นเป็นครูอาจารย์ของเราเอง

และต่อเมื่อเราได้ใช้ปัญญาพิจารณาอย่างถี่ถ้วนจนเห็นแล้วว่า ข้อมูลหรือข่าวนั้นจริงหรือเท็จ จึงค่อยตัดสินใจแชร์หรือไม่แชร์ไปตามนั้น

ธรรมหรือวิธีการข้อ ๒ นี้คนพุทธเขาเรียกว่า ‘กาลามสูตร’ ครับ





วิธีการเชิงพุทธที่ ๓ ที่อยากจะพูดถึงคือ อคติ ๔ ซึ่งมีอยู่ 4 อย่าง อันได้แก่

    1) ฉันทาคติ คืออคติจากความชอบเป็นส่วนตัว อะไรที่มันตรงกับความคิดเรา เราชอบ เราก็จะเขียนจะแชร์แม้มันจะไม่จริง ซึ่งก็ต้องกำกับไม่ให้ทำด้วยวิธีการตามข้อ ๑ (ศีลข้อมุสา) และข้อ ๒ (กาลามสูตร)ข้างต้น คือ ถ้าเราเพียงแค่สงสัยหรือไม่เชื่อว่ามันจริงเราก็ต้องไม่เขียนไม่แชร์   

    2) ถัดมาคือโทสาคติ หรืออคติหรือความลำเอียงอันเนื่องมาจากความไม่ชอบ ความโกรธ ความเกลียด อันนี้หลักคิดก็เฉกเช่นเดียวกับฉันทาคติ แต่เป็นในทางตรงข้าม ซึ่งเราต้องไม่เขียนไม่แชร์ข่าวปลอมนั้นแม้นมันจะสะใจที่ทำให้ฝ่ายที่เราไม่ชอบนั้นเดือดร้อนหรือรำคาญใจ   

    3) อคติอีกข้อหนึ่งคือ โมหาคติ หรืออคติจากความหลงความเขลา ที่เมื่อไม่ใช้หลักกาลามสูตรข้างต้นมากำกับเราก็จะโง่และเชื่อตามข่าวปลอม และแชร์ไปแบบมีบาปข้อมุสาติดตัวไปด้วย

    4) ส่วนความลำเอียงหรืออคติข้อสุดท้าย คือ ภยาคติ หรือความกลัวเนื่องจากภัยที่จะมาถึงตัว เช่น กลัวว่าจะแพ้  กลัวไม่ได้ขึ้นเงินเดือน กลัวเพื่อนไม่ให้เข้ากลุ่ม ฯลฯ

แล้วก็เขียนหรือแชร์ข่าวปลอมออกไป แต่ถ้าเราเข้าใจและยึดหลักอคติ ๔ นี้ให้ดีเราก็จะไม่ลำเอียงไม่ว่าด้วยเหตุใด และจะไม่เขียนไม่แชร์ข่าวปลอมพวกนี้อีกต่อไปด้วย

จากนี้ก็มาถึงวิธีการที่ ๔ คือ การพิจารณาโดยแยบคาย อันหมายถึงการพิจารณาโดยใช้สมองใช้ปัญญาสืบค้นและค้นหาเหตุผลไปตามลำดับ จนถึงเหตุหรือที่มาของข้อมูลและข่าวนั้นๆ แล้ววิเคราะห์จนได้ข้อสรุปว่า จริงหรือปลอม  ถ้าจริงเราก็เขียนหรือแชร์ ถ้าปลอมเราก็ไม่เขียนไม่แชร์ ธรรมข้อที่ใช้ปัญญาพิจารณานี้มีชื่อเรียกทางพุทธว่า ‘โยนิโสมนสิการ’

@@@@@@@

สรุป ถ้าเราจะไม่ให้สังคมต้องมีปัญหาจากข่าวปลอมข่าวลวงพวกนี้

    • เราต้องเขียนและอ่านหรือฟังข่าวแบบใช้หลักอริยสัจ ๔ และ
    • หลักการ ‘ไม่เชื่อไว้ก่อน’ (กาลามสูตร) เป็นฐานคิด
    • รวมทั้งใช้หลักการที่เราจะไม่เชื่อไม่เขียนไม่แชร์ โดยใช้ความลำเอียงมามีส่วนในการตัดสินใจ ไม่ว่าความลำเอียงนั้นจะมาจากความชอบ ความเกลียด ความหลง หรือความกล้ว(อคติ ๔)
    • ซึ่งจะทำเช่นนั้นทั้งหมดได้ ก็ต้องใช้ปัญญามาพิจารณาอย่างถี่ถ้วน (โยนิโสมนสิการ) และ
   
หากทำตามวิธีการทั้ง 4 ข้อเช่นนั้นได้แล้วเรายังจะสร้าง ยังจะแชร์ข่าวปลอมข่าวลวงอีกต่อไป ก็เท่ากับเราทำบาปโดยผิดศีลข้อมุสา เป็นการปิดฉากประการสุดท้าย

สรุปในสรุป คือ ถ้าเรายึดหลักปฏิบัติทางพุทธที่ว่ามาได้ครบ เราจะไม่มีทางเลยที่จะสร้างปัญหาให้กับสังคมโลกด้วยการสร้างหรือแชร์ fake news คิดได้อย่างนี้แล้วเรามาช่วยกันแก้หรือลดปัญหาสังคมนี้ด้วยวิถีพุทธกันดีไหมครับ.





Thank to : https://www.bangkokbiznews.com/blogs/columnist/127950
คอลัมนิสต์ | By ศ.ธงชัย พรรณสวัสดิ์ | 09 ส.ค. 2021 เวลา 4:00 น.
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ