ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: รู้จัก ‘พระพิธีธรรม’ พระสงฆ์ผู้ชำนาญงานหลวง-สวดบำเพ็ญพระราชกุศล  (อ่าน 12 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 29496
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0
.



รู้จัก ‘พระพิธีธรรม’ พระสงฆ์ผู้ชำนาญงานหลวง-สวดบำเพ็ญพระราชกุศล

เปิดรายชื่อ 10 พระอารามหลวงสำคัญ ที่มีพระพิธีธรรม ซึ่งต้องเป็นพระสงฆ์ที่มีความรู้ความสามารถ มีความชำนาญในการสวด กับทั้งต้องรู้ระเบียบปฏิบัติในงานหลวง

ตามที่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้มีพระพิธีธรรมสวดพระอภิธรรมประจำทั้งกลางวัน กลางคืน รับพระราชทานฉันเช้า วันละ 8 รูป เพลวันละ 8 รูป และประโคมย่ำยาม กำหนด 100 วัน ในพระราชพิธีบำเพ็ญพระราชกุศลสวดพระอภิธรรมพระบรมศพ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท พระบรมมหาราชวัง นั้น

สำหรับ “พระพิธีธรรม” นั้น คือ สมณศักดิ์ประเภทหนึ่ง (ไม่พระราชทานแก่พระสงฆ์ แต่พระราชทานแก่วัด) พระมหากษัตริย์ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตั้งจากวัดที่เป็นพระอารามหลวงเป็นส่วนมาก ทั้งนี้ทางวัดจะแต่งตั้งวัดละ 1 สำรับ สำรับละ 4 รูป เป็นพระพิธีธรรม เพื่อสวดในการบำเพ็ญพระราชกุศลต่างๆ เช่น สวดพระอภิธรรมในงานพระบรมศพ พระศพ หรือศพในพระบรมราชานุเคราะห์ สวดอาฎานาฏิยสูตรในพระราชพิธีสงกรานต์ เป็นต้น การนิมนต์พระพิธีธรรมไปสวดในศพของหลวงนั้น จะเป็นหน้าที่ของฝ่ายพิธี กรมการศาสนา กระทรวงวัฒนธรรม

ส่วนพระสงฆ์ที่สวดพระอภิธรรมในงานราษฎร์ทั่วๆ ไป พระสงฆ์ที่สวดภาณยักษ์ และพระสงฆ์ที่สวดพุทธาภิเษก ไม่เรียกว่า พระพิธีธรรม แต่พระพิธีธรรมจะไปสวดในงานราษฎร์ต่างๆ ดังกล่าวนั้นก็ได้

@@@@@@@

พระพิธีธรรม เกิดขึ้นในสมัยใดไม่มีบันทึกไว้เป็นหลักฐานที่ชัดเจน หากจะพิจารณาตามที่สมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพทรงมีพระวินิจฉัยไว้ว่า “หม่อมฉันได้ไปเห็นในหนังสือพระราชนิพนธ์พิธี 12 เดือน ของสมเด็จพระพุทธเจ้าหลวง มีรายชื่อวัดที่มีพระพิธีธรรมมาแต่เดิม 9 วัด คือ วัดระฆัง วัดมหาธาตุ วัดราชสิทธ วัดพระเชตุพน วัดราชบุรณ วัดสระเกษ วัดโมลิโลก วัดหงส์วัดอรุณ ล้วนเป็นวัดมีในรัชกาลที่ 1 ทั้งนั้น

ก็เข้าใจได้ว่า พระพิธีธรรมวัดระฆังเป็นหัวหน้า ด้วยเป็นวัดที่สถิตของสมเด็จพระสังฆราช (ศรี) วัดมหาธาตุอยู่ถัดลงมา ก็ด้วยเป็นที่สถิตของสมเด็จพระวันรัต (สุข) พระพิธีธรรมวัดสุทัศน์เพิ่มขึ้นใหม่ในรัชกาลที่ 3 และเลิกพระพิธีธรรมวัดโมลีโลกเปลี่ยนมาเป็นวัดบวรนิเวศ เมื่อรัชกาลที่ 4 จึงมีพระพิธีธรรม 10 สำรับ เช่นเป็นอยู่ทุกวันนี้

และพึงเห็นได้ต่อไปว่า พระพิธีธรรมมีขึ้นสำหรับสวดอาฏานาฏิยสูตรในพิธีตรุษต่อกัน 9 สำรับ พรรุ่งสว่างคงจะหวุดหวิดบ้าง พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว จึงโปรดให้เพิ่มพระพิธีธรรมวัดสุทัศน์ขึ้นอีกวัด 1 ถึงรัชกาลที่ 4 จะเป็นแต่เพิ่มพระพิธีธรรม วัดบวรนิเวศขึ้น ก็จะมากเกินการ จึงโปรดให้เปลี่ยนพระพิธีธรรม วัดโมลีโลกมาเป็นวัดบวรนิเวศ และมิได้มีการเพิ่มเติม ต่อมา”





เมื่อพิจารณาตามพระวินิจฉัยนี้ จะเห็นได้ว่าได้มีการแต่งตั้งพระสงฆ์ปฏิบัติหน้าที่สวดในงานพระราชพิธีมาแต่โบราณกาล ทั้งยังได้มีการเปลี่ยนแปลงพระพิธีธรรมเพื่อให้เหมาะสมกับการปฏิบัติงานอีกด้วย เช่น การเพิ่มพระพิธีธรรมวัดสุทัศน์ และการเปลี่ยนแปลงพระพิธีธรรม วัดโมลีโลกมาเป็นวัดบวรนิเวศ เป็นต้น แต่จะเรียกพระสงฆ์ที่ปฏิบัติหน้าที่สวดนั้นว่าอย่างไร และเริ่มมีการเรียกว่า พระพิธีธรรม แต่ครั้งใด ยังไม่ปรากฏชัด

อย่างไรก็ตาม คำว่า พระพิธีทำ ซึ่งพ้องเสียงกับคำว่า พระพิธีธรรม ซึ่งพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงโปรดให้เปลี่ยนนั้น น่าจะมีมาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 1 ที่ทรงโปรดให้ตั้งพระพิธีธรรมประจำพระอารามต่างๆ

พระพิธีธรรมในอดีตและในปัจจุบัน มีเฉพาะแต่ในพระอารามหลวงเท่านั้น จะเป็นด้วยเหตุที่พระอารามเหล่านั้นตั้งอยู่ใกล้พระบรมมหาราชวัง สะดวกในการนิมนต์มาสวดในงานของหลวงก็อาจเป็นได้ เพราะการเดินทางในสมัยก่อนมีความลำบาก อีกประการหนึ่ง คือพระสงฆ์ที่ประจำอยู่ในพระอารามหลวง เป็นผู้รอบรู้ขนบธรรมเนียมงานหลวง รู้วิธีการสวดวิธีการประกอบพิธีต่างๆ ดี

@@@@@@@

ดังนั้น พระพิธีธรรม จึงต้องเป็นพระสงฆ์ที่มีความรู้ความสามารถ มีความชำนาญในการสวด กับทั้งต้องรู้ระเบียบปฏิบัติในงานหลวง พระสงฆ์ที่จะมีคุณสมบัติดังกล่าวได้ ต้องมีใจชอบ ต้องมีมานะอดทน ขยันในการฝึกหัดฝึกซ้อม เพื่อว่าในเวลาที่จะต้องไปปฏิบัติพิธีการพระศพ ศพในพระบรมราชานุเคราะห์ พระราชานุเคราะห์ พระอนุเคราะห์ จะได้ไม่ขัดข้อง

การที่พระมหากษัตริย์มิได้โปรดพระราชทานตำแหน่งพระพิธีธรรมแก่พระสงฆ์รูปใดรูปหนึ่ง ก็เพื่อสะดวกในการเฟ้นหาพระสงฆ์ที่มีความสามารถ และชำนาญในการพิธี

ปัจจุบันการแต่งตั้งพระสงฆ์เป็นพระพิธีธรรม เป็นอำนาจของเจ้าอาวาสในพระอารามนั้น ที่จะพิจารณาพระสงฆ์ที่มีความรู้ความสามารถและความชำนาญในการสวดไปยังสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ เพื่อจัดสรรนิตยภัตถวายในตำแหน่งพระพิธีธรรมประจำพระอาราม พระสงฆ์ที่รับนิตยภัตตำแหน่งนี้มีจำนวนพระอารามละ 4 รูป และเมื่อพระพิธีธรรมที่ได้รับแต่งตั้งย้ายไปอยู่ที่อื่น ต้องลาออกจากตำแหน่ง ลาสิกขา มรณภาพ เจ้าอาวาสก็จะพิจารณาคัดเลือกพระสงฆ์เป็นพระพิธีธรรมแทนรูปที่ขาดไป




ปัจจุบันนี้ตำแหน่งพระพิธีธรรมที่ตั้งไว้ประจำพระอารามต่างๆ มีจำนวน 10 พระอาราม ดังนี้

  1. พระพิธีธรรมวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม
  2. พระพิธีธรรมวัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์
  3. พระพิธีธรรมวัดสุทัศนเทพวราราม
  4. พระพิธีธรรมวัดบวรนิเวศวิหาร
  5. พระพิธีธรรมวัดสระเกศ 6.พระพิธีธรรมวัดราชสิทธาราม
  7. พระพิธีธรรมวัดระฆังโฆสิตาราม
  8. พระพิธีธรรมวัดจักรวรรดิราชาวาส
  9. พระพิธีธรรมวัดประยุรวงศาวาส
10. พระพิธีธรรมวัดอนงคาราม

ในพระอารามหนึ่ง แม้จะมีพระพิธีธรรมประจำพระอารามได้เพียง 4 รูป แต่ก็มิได้ตัดสิทธิที่พระสงฆ์รูปอื่นๆ จะฝึกหัดสวดทำนองสวดของพระพิธีธรรมสวด ทั้งนี้ก็เพื่อสำหรับทดแทนพระพิธีธรรมที่ขาดไปบ้าง เพื่อสืบทอดวิธีการและทำนองสวดของแต่ละพระอารามมิให้สูญหายไปกับกาลเวลา และเพื่อให้คงอยู่เป็นมรดกทางวัฒนธรรม





นอกจากนี้ พัดพระพิธีธรรม การสวดในงานพิธีศพต่างๆ พระสงฆ์นิยมใช้พัดตั้งตรงหน้าในขณะทำการสวด โดยพระพิธีธรรมมีพัดประจำตำแหน่ง ที่เรียกว่า พัดพระพิธีธรรม ใช้ตั้งตรงหน้าเวลาสวด พัดพระพิธีธรรมนี้มีจำนวน 4 ด้าม ลักษณะเป็นพัดหน้านาง แต่ละด้ามมีสีต่างกัน คือ สีเหลือง สีแดง สีน้ำเงิน และสีเขียว เป็นผ้าแพร สีพื้นเหมือนกันทั้งสองด้าน ปักไหมทองเป็นลักษณะคล้ายรัศมีจากใจกลางพัด ด้ามเป็นไม้ลักษณะตับคาบใบพัดไว้ ตรงกลางทำไม้เป็นแผ่นรูปวงกลมรี แกะตัวอักษร ด้วยมุกคำว่า พระพิธีธรรม แล้วฝังลงในเนื้อไม้ ยอดพัดและส้นพัด เป็นงา (ปัจจุบันเปลี่ยนเป็นวัสดุคล้ายงาแล้ว)

พัดพระพิธีธรรมนี้ เมื่อใช้ในขณะสวด จะมีวิธีนั่งสวดและเรียงพัดเป็น 2 แบบ ได้แก่ เรียงตามลำดับศักดิ์ของพัดยศ และเรียงตามคู่ การเรียงตามลำดับศักดิ์ของพัด คือ สีเหลือง สีแดง สีน้ำเงิน สีเขียว โดยสีเหลือง สำหรับแม่คู่รูปที่ 1 สีแดง สำหรับแม่คู่รูปที่ 2 สีน้ำเงิน เคียงแม่คู่รูปที่ 1 สีเขียว เคียงแม่คู่รูปที่ 2





Thank to : https://www.dailynews.co.th/news/5243881/
ข่าว > การศึกษา-ศาสนา | 27 ต.ค. 2568 • 15:50 น.
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ