ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: ยถากรรมไทย/บาลี : เรื่อยเปื่อยลอยไปตามบุญตามกรรม/ได้ดีได้ชั่วอยู่ที่ตัว  (อ่าน 16 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 29569
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0
.



ยถากรรม (บาลีวันละคำ 503)

ยถากรรม อ่านว่า ยะ-ถา-กำ

บาลีเขียน “ยถากมฺม” อ่านว่า ยะ-ถา-กำ-มะ (มักใช้รูปเต็มว่า “ยถากมฺมํ” ยะ-ถา-กำ-มัง)

ประกอบด้วย ยถา + กมฺม

“ยถา” เป็นคำจำพวกนิบาต แปลว่า ฉันใด, เหมือน, ตาม

หลักการใช้ “ยถา” :

– ถ้าใช้โดดๆ จะต้องมีข้อความที่มีคำว่า “เอวํ” หรือ “ตถา” มาคู่กัน เหมือนภาษาไทยว่า “ฉันใด” ต้องมี “ฉันนั้น” มารับ
– ถ้าสมาสกับคำอื่น นิยมแปลว่า “ตาม-” เช่น ยถาพลํ (ยะ-ถา-พะ-ลัง) = ตามกำลัง

ในที่นี้ ยถา สมาสกับ กมฺม = ยถากมฺม > ยถากมฺมํ > ยถากรรม จึงแปลว่า “ตามกรรม”

พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2542 บอกความหมายไว้ว่า –

“ยถากรรม : ตามบุญตามกรรม, ตามแต่จะเป็นไป”

@@@@@@@

เรามักเข้าใจกันว่า ยถากรรม หมายถึงอะไรจะเกิดก็ปล่อยให้มันเกิด แล้วแต่จะเป็นไป, เรื่อยเปื่อย, เลื่อนลอยไร้จุดหมาย, ตามลมตามแล้ง

ยถากมฺม–ยถากรรม ตามความหมายเดิม มักใช้ในข้อความที่กล่าวถึงคติหลังสิ้นชีวิต เป็นการสอนให้คำนึงถึงความสำคัญของการทำกรรม เช่นว่า

  “กุลบุตรนั้น เมื่อเศรษฐีล่วงลับไปแล้ว ก็ได้ตำแหน่งเศรษฐีในเมืองนั้น ดำรงอยู่ตลอดอายุแล้ว ก็ไปตามยถากรรม” = ไปเกิดตามกรรมดีและชั่วที่ตัวได้ทำไว้

   “พระราชาดำรงอยู่ในโอวาทของพระโพธิสัตว์ ทำบุญทั้งหลายแล้วไปตามยถากรรม” = ไปเกิดตามกรรมดีที่ได้ทำ

(หลักความจาก พจนานุกรมพุทธศาสน์ฉบับประมวลศัพท์)

@@@@@@@

ยถากรรม จึงไม่ใช่ “ตามแต่จะเป็นไป” แต่หมายถึง “ตามแต่เราจะทำให้เป็นไป”

ยถากรรมไทย : เรื่อยเปื่อยลอยไปตามบุญตามกรรม
ยถากรรมบาลี : ได้ดีได้ชั่วอยู่ที่ตัวเราทำ

(เก็บตกฉกฉวยมาจากคำของพระคุณท่าน อาทิตฺตเมธี ภิกฺขุ ๑๖ ก.ย.๕๖)



ขอบคุณ : https://dhamtara.com/?p=2532
30 กันยายน 2013 | tppattaya2343@gmail.com


 st12 st12 st12

พจนานุกรมพุทธศาสน์ ฉบับประมวลศัพท์ สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (ป.อ. ปยุตฺโต)

ยถากรรม “ตามกรรม” ตามปกติใช้ในข้อความที่กล่าวถึงคติหลังสิ้นชีวิต เมื่อเล่าเรื่องอย่างรวบรัด ทำนองเป็นสำนวนแบบในการสอนให้คำนึงถึงการทำกรรม
       
ส่วนมากใช้ในคัมภีร์ชั้นอรรถกถาลงมา เช่นว่า
       
    “กุลบุตรนั้น เมื่อเศรษฐีล่วงลับไปแล้ว ก็ได้ตำแหน่งเศรษฐีในเมืองนั้น ดำรงอยู่ตลอดอายุแล้ว ก็ไปตามยถากรรม” (คือ ไปเกิดตามกรรมดีและชั่วที่ตัวได้ทำไว้),
     
    “พระราชาตั้งอยู่ในโอวาทของพระโพธิสัตว์ ทำบุญทั้งหลายแล้วไปตามยถากรรม” (คือไปเกิดตามกรรมดีที่ได้ทำ),
       
ข้อความว่า “ไปตามยถากรรม” นี้ เฉพาะในอรรถกถาชาดกอย่างเดียวก็มีเกือบร้อยแห่ง,
       
ในพระไตรปิฎก คำนี้แทบไม่ปรากฏที่ใช้ แต่ก็พบบ้างสัก ๒ แห่ง คือในรัฐปาลสูตร (ม.ม. ๑๓/๔๔๙/๔๐๙) และเฉพาะอย่างยิ่งในอัยยิกาสูตร (สํ.ส. ๑๕/๔๐๑/๑๔๒) ที่ว่า
       
ครั้งหนึ่ง พระเจ้าปเสนทิโกศลเสด็จไปเฝ้าพระพุทธเจ้าและกราบทูลว่า พระอัยยิกาซึ่งเป็นที่รักมากของพระองค์ มีพระชนม์ได้ ๑๒๐ พรรษา ได้ทิวงคตเสียแล้ว ถ้าสามารถเอาสิ่งมีค่าสูงใดๆ แลกเอาพระชนม์คืนมาได้ ก็จะทรงทำ
       
พระพุทธเจ้าได้ตรัสสอนเกี่ยวกับความจริงของชีวิต และทรงสรุปว่า

      “สรรพสัตว์จักม้วยมรณ์ เพราะชีวิตมีความตายเป็นที่สุด ทุกคนจักไปตามกรรม (ยถากรรม) เข้าถึงผลแห่งบุญและบาป คนมีกรรมชั่วไปนรก คนมีกรรมดีไปสุคติ เพราะฉะนั้น พึงทำกรรมดี …” ;

       มีบ้างน้อยแห่งที่ใช้ยถากรรมในความหมายอื่น เช่นในข้อความว่า “ได้เงินค่าจ้างทุกวันตามยถากรรม” (คือตามงานที่ตนทำ) ;

       ในภาษาไทย ยถากรรม ได้มีความหมายเพี้ยนไปมาก กลายเป็นว่า “แล้วแต่จะเป็นไป, เรื่อยเปื่อย, เลื่อนลอยไร้จุดหมาย, ตามลมตามแล้ง” ซึ่งตรงข้ามกับความหมายที่แท้จริง
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ