.

2013 Photograph, Wat Jed Yod Ancient Temple Gate, Chang Phueak, Mueang Chiang Mai, Chiang Mai, Thailand, © 2016. ภาพถ่าย ๒๕๕๖ วัดเจ็ดยอด ประตูวัดโบราณ ช้างเผือก เมืองเชียงใหม่ เชียงใหม่ ประเทศไทย
ปฏิสันถารคารวตา (๒)
เพชรที่ถูกหมกโคลน
คัมภีร์ปริวาร พระวินัยปิฎก พระไตรปิฎกเล่ม ๘ ข้อ ๘๕๐ แสดง “คารวะ” ๖ อย่างไว้ดังนี้
ตตฺถ กตเม ฉ คารวา, พุทฺเธ คารโว ธมฺเม คารโว สงฺเฆ คารโว สิกฺขาย คารโว อปฺปมาเท คารโว ปฏิสนฺถาเร คารโว. อิเม ฉ คารวา.
ในหัวข้อเหล่านั้น ความเคารพ ๖ เป็นไฉน.? คือ
ความเคารพในพระพุทธเจ้า
ความเคารพในพระธรรม
ความเคารพในพระสงฆ์
ความเคารพในสิกขา
ความเคารพในอัปปมาท
ความเคารพในปฏิสันถาร
นี้คือความเคารพ ๖.
@@@@@@@
ในอปริหานิยสูตร อังคุตรนิกาย ฉักกนิบาต พระไตรปิฎกเล่ม ๒๒ ข้อ ๓๐๓-๓๐๔ แสดง “คารวะ” ๖ อย่าง ไว้ดังนี้
(ต้นฉบับบาลีบางส่วนเฉพาะที่เป็นบทหลัก)
…. ฉยิเม ภนฺเต ธมฺมา ภิกฺขุโน อปริหานาย สํวตฺตนฺติ, กตเม ฉ, สตฺถุคารวตา ธมฺมคารวตา สงฺฆคารวตา สิกฺขาคารวตา อปฺปมาทคารวตา ปฏิสนฺถารคารวตา. อิเม โข ภนฺเต ฉ ธมฺมา ภิกฺขุโน อปริหานาย สํวตฺตนฺตีติ. ….
(คำแปลเต็มพระสูตร)
ครั้งนั้น เมื่อปฐมยามล่วงไปแล้ว เทวดาตนหนึ่ง มีรัศมีงามยิ่งนัก ยังวิหารเชตวันทั้งสิ้นให้สว่างไสวเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคถึงที่ประทับ ถวายอภิวาทแล้วยืนอยู่ ณ ที่อันควรส่วนข้างหนึ่ง ครั้นแล้วได้กราบทูลพระผู้มีพระภาคว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ธรรม ๖ ประการนี้ย่อมเป็นไปเพื่อความไม่เสื่อมแก่ภิกษุ ธรรม ๖ ประการเป็นไฉน? คือ –
ความเป็นผู้เคารพในพระศาสดา ๑
ความเป็นผู้เคารพในพระธรรม ๑
ความเป็นผู้เคารพในพระสงฆ์ ๑
ความเป็นผู้เคารพในสิกขา ๑
ความเป็นผู้เคารพในความไม่ประมาท ๑
ความเป็นผู้เคารพในปฏิสันถาร ๑
ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ธรรม ๖ ประการนี้แลย่อมเป็นไปเพื่อความไม่เสื่อมแก่ภิกษุ
เทวดาตนนั้นได้กล่าวดังนี้แล้ว พระศาสดาทรงพอพระทัย ลำดับนั้น เทวดาตนนั้นรู้ว่า “พระศาสดาทรงพอพระทัย (คำ) ของเรา” จึงถวายอภิวาทพระผู้มีพระภาค ทำประทักษิณแล้วหายไป ณ ที่นั้น
@@@@@@@
ครั้นพอล่วงราตรีนั้นไป พระผู้มีพระภาคจึงตรัสกะภิกษุทั้งหลายว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เมื่อคืนนี้ เมื่อปฐมยามล่วงไปแล้ว เทวดาตนหนึ่ง มีรัศมีงามยิ่งนัก ยังวิหารเชตวันทั้งสิ้นให้สว่างไสวแล้ว เข้ามาหาเราถึงที่อยู่ อภิวาทแล้วยืนอยู่ ณ ที่อันควรส่วนข้างหนึ่ง ครั้นแล้วได้กล่าวกะเราว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ธรรม ๖ ประการนี้ย่อมเป็นไปเพื่อความไม่เสื่อมแก่ภิกษุ ธรรม ๖ ประการเป็นไฉน? คือ
ความเป็นผู้เคารพในพระศาสดา ๑
ความเป็นผู้เคารพในพระธรรม ๑
ความเป็นผู้เคารพในพระสงฆ์ ๑
ความเป็นผู้เคารพในสิกขา ๑
ความเป็นผู้เคารพในความไม่ประมาท ๑
ความเป็นผู้เคารพในปฏิสันถาร ๑
ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ธรรม ๖ ประการนี้แลย่อมเป็นไปเพื่อความไม่เสื่อมแก่ภิกษุ
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เทวดาตนนั้นได้กล่าวดังนี้ แล้วอภิวาทเรา ทำประทักษิณแล้วได้หายไป ณ ที่นั้น.
(จบข้อความในอปริหานิยสูตร)
@@@@@@@
อีกแห่งหนึ่ง ในอัปปมาทสูตร อังคุตรนิกาย สัตตกนิบาต พระไตรปิฎกเล่ม ๒๓ ข้อ ๒๙ แสดง “คารวะ” อีกชุดหนึ่ง มี ๗ อย่าง , ๖ อย่างเหมือนในอปริหานิยสูตร เพียงแต่เพิ่ม “สมาธิคารวตา ความเป็นผู้เคารพในสมาธิ” อีกข้อหนึ่ง เรียงลำดับต่อจาก สิกฺขาคารวตา คือแทรกระหว่าง สิกฺขาคารวตา กับ อปฺปมาทคารวตา
ตอนท้ายมีคาถาสรุปดังนี้
สตฺถุครุ ธมฺมครุ
สงฺเฆ จ ติพฺพคารโว
สมาธิครุ อาตาปี
สิกฺขาย ติพฺพคารโว.
อปฺปมาทครุ ภิกฺขุ
ปฏิสนฺถารคารโว
อภพฺโพ ปริหานาย
นิพฺพานสฺเสว สนฺติเก.
ภิกษุผู้เคารพในพระศาสดา เคารพในพระธรรม
เคารพอย่างแรงกล้าในพระสงฆ์
เคารพในสมาธิ มีความเพียร
เคารพอย่างแรงกล้าในสิกขา
เคารพในความไม่ประมาท
เคารพในปฏิสันถาร
ย่อมเป็นผู้ไม่ควรที่จะเสื่อม
ดำรงอยู่ ณ ที่ใกล้นิพพานทีเดียว
หมายเหตุ : คาถาสรุปนี้ในอปริหานิยสูตรก็มีเหมือนกัน ต่างแต่ไม่มี ๒ บาท คือ “สมาธิครุ อาตาปี สิกฺขาย ติพฺพคารโว.” นอกนั้นเหมือนกัน
เป็นอันได้ความตามพระไตรปิฎกว่า “ปฏิสันถาร” ท่านจัดเข้าเป็น ๑ ในสิ่งที่จะต้องให้ความสำคัญ ๗ อย่าง , ๓ อย่างคือพระรัตนตรัย อีก ๓ อย่างคือ “สิกขา” “สมาธิ” และ “อัปปมาท” ซึ่งเป็นหลักปฏิบัติที่สำคัญยิ่งในพระพุทธศาสนา โดยเฉพาะ “อัปปมาท” (ความไม่ประมาท) เป็นสุดยอดแห่งคำสอนในพระพุทธศาสนา
ทำไมท่านจึงจัด “ปฏิสันถาร” ว่าเป็นสิ่งที่ควรให้ความสำคัญ
เทียบเท่ากับพระรัตนตรัย
เทียบเท่ากับการศึกษา
เทียบเท่ากับสมาธิ
เทียบเท่ากับความไม่ประมาท
ทั้งๆ ที่ “ปฏิสันถาร” เป็นธรรมะเพียงแค่ระดับ “มารยาทสังคม” เท่านั้น เป็นเรื่องที่ควรพิจารณาอย่างลึกซึ้ง
• ลองนึกดูง่ายๆ เราให้ความสำคัญแก่พระรัตนตรัยเพียงใด ก็ต้องให้ความสำคัญแก่ “ปฏิสันถาร” เพียงนั้น ใช่หรือไม่.?
• แต่ในสายตาของชาวเราและที่ปฏิบัติกันทั่วไป เราเคยให้ความสำคัญแก่ “ปฏิสันถาร” มากเท่ากับพระรัตนตรัยหรือไม่.?
• เราเห็นความสำคัญของ “ปฏิสันถาร” มากถึงขนาดนั้นหรือไม่.?
• ถ้าเทียบกับพระรัตนตรัย เทียบกับการศึกษา เทียบกับสมาธิ เทียบกับความไม่ประมาทแล้ว “ปฏิสันถาร” ก็เป็นม้านอกสายตา แทบจะไม่มีใครนึกถึงกันเลยด้วยซ้ำ ใช่หรือไม่.?
@@@@@@@
ลองนึกดูเถิด เราทุ่มเทให้กับการศึกษา เรามีสำนักฝึกปฏิบัติสมาธิ เราสอนสมาธิควบคู่กับวิปัสสนาในฐานะเป็นธรรมะระดับสูง เรายกย่องเชิดชูอัปปมาทธรรมไว้ในที่สูงสุด
แต่มีที่ไหนนึกถึง “ปฏิสันถาร” บ้าง มีสำนักไหนบ้างที่ยกเอา “ปฏิสันถาร” ขึ้นมาฝึกสอนกันในระดับสำคัญเหมือนที่ฝึกสอนสมาธิวิปัสสนา
ปฏิสันถารที่ถูกต้องเหมาะสม อำนวยประโยชน์ยิ่งใหญ่ ก่อให้เกิดคุณอนันต์เพียงไร.?
ปฏิสันถารที่บกพร่อง หละหลวม หรือละเลย ทำลายประโยชน์ยิ่งใหญ่ ก่อให้เกิดโทษมหันต์ปานไหน.?
ใครจำเรื่องในคัมภีร์ได้บ้าง ลองนำมาเล่าสู่กันฟังสักเรื่องสองเรื่องสิขอรับ-อย่างเรื่องศากยวงศ์พินาศเพราะการปฏิสันถารที่ผิดพลาดนั่นก็ได้
ใครที่ผ่านชีวิตผ่านโลกมาพอสมควร ย่อมจะเคยได้ยินได้ฟังได้รู้ได้เห็น หรือแม้แต่ได้ประสบของจริงมาด้วยตัวเองกันบ้างแล้ว-มากพอที่จะหาเหตุผลมาตอบได้ว่า ทำไมท่านจึงให้ความสำคัญแก่ “ปฏิสันถาร” เทียบเท่ากับพระรัตนตรัย เทียบเท่ากับการศึกษา เทียบเท่ากับสมาธิ และเทียบเท่ากับความไม่ประมาท
ทำไมเรามองข้าม “เพชร” ที่สำคัญที่สุดกันได้ถึงขนาดนี้.?
ถ้ายังไม่เคยคิด ต้องเริ่มคิดกันแล้วนะครับ และถ้ายังไม่ฉุกคิดว่าเราหมกเพชรเม็ดงามไว้ในโคลน หรือพูดให้ตรงกว่านั้น-เราเหยียบเพชรเม็ดงามไว้ใต้ฝ่าเท้าโดยไม่รู้คุณค่า เราก็จะเป็นมนุษย์ที่โงเขลาเบาปัญญาเป็นที่สุด
วัดสามหมื่น-สี่หมื่นวัด เพชรสามหมื่น-สี่หมื่นเม็ด ช่วยกันคิดสิขอรับว่า จะขุดขึ้นมาเจียระไนประดับไว้ในพระศาสนาให้งามแวววาวได้อย่างไร กราบละขอรับ-กรุณาอย่าลากภูเขามาขวางทางกันอยู่เลย
นาวาเอก ทองย้อย แสงสินชัย
๑๐ มิถุนายน ๒๕๖๓ | ๑๘:๕๗Thank to :
https://dhamtara.com/?p=2374510 มิถุนายน 2020 | admin2