ความลี้ลับของกลไกกรรมและเกมส์กลกรรม
บุญอันเกิดจากเผยแผ่ธรรมะเป็นธรรมทานในครั้งนี้ หากเป็นสัญญากรรมที่นำข้าพเจ้ามาเกิดแล้วไซร์
ข้าพเจ้าขออาสาเป็นผู้สนับสนุน ทำนุบำรุง ยกยอพระพุทธศาสนา จนกว่าจะบรรลุถึงซึ่งพระนิพพานในที่สุด
หากเป็นจริงแล้วขออธิษฐานให้มีพละ กำลัง สติปัญญา อำนาจ บุญบารมี ให้เป็นที่อัศจรรย์ด้วยเทอญ จะได้ทำบุญต่อบุญให้ขยายใหญ่ขึ้นไปเรื่อยๆ
การบริหารกรรม และสัญญากรรมหากเราเข้าถึงกฎแห่งกรรม เราก็มีสิทธิที่จะบริหารกรรมของเราเอง การปล่อยชีวิตของเราให้เป็นไปตาม
ยถากรรม ย่อมไม่เป็นผลดีกับชีวิตเราและครอบครัวของเราได้ ทั้งนี้เราต้องปฏิบัติเพื่อศึกษาให้รู้ถึง
กลไกกรรม ให้รู้สัญญาในวิบากกรรม หรือชนกกรรมที่ส่งเรามาเกิด แล้วดำเนินชีวิตในการในทิศทางตาม ชนกกรรม ย่อมมีส่วนแก้ไขปัญหาชีวิตโดยตรง เป็นการการเบี่ยงเบนกรรม ลดกรรม หรือจำกัดกรรมให้อยู่
ขอบเขตที่เราควบคุมได้ ถึงชาตินี้เราเป็นคนดี แต่เจ้ากรรมนายเวรเราก็คงไม่ยกโทษให้เราง่ายๆ
เกมส์กลกรรม นั้นจึงถือว่าเป็นการใช้กรรมทางเลือก เราคงต้องเรียนรู้กรรม เพื่อที่จะบริหารการใช้กรรม
ของเรา หรืออย่างน้อยเราก็ต้องรับรู้และยอมรับว่ากรรมนั้นเป็นสิ่งที่เราได้เคยทำมาเองในอดีตชาติทั้งสิ้น
เกมส์กลกรรม เป็นการเล่นเกมส์กับกรรมที่มาถึงในแต่ละช่วงของกาลเวลา โดยที่ เราเล่นเกมส์กับกฎแห่งกรรมที่จะมาถึง
ในอนาคตอย่างรู้เท่าทัน แล้วนำไปบริหารใช้ในกลไกกรรม ซึ่งเราต้องยอมรับสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้น
รวมทั้งผลกระทบ ผลข้างเคียง เช่นใช้ในกงเกวียนกำเกวียนกรรมเก่าเกี่ยวเก่า ,บุพกรรม, บุพเพสันนิวาส
ซึ่งเราต้องมีความเพียร ความอดทนในการเผชิญปัญหา มีตัวรู้ พร้อมสติจิตตั้งมั่นในการบริหารทิศทั้ง ๖
ด้วย อิทธิบาทธรรม ๔ เมื่อเรารู้ถึงกลไกกรรม ชนกกรรมหรือเหตุแต่กรรมที่ได้ทำมาครั้งอดีตชาติ
เราสามารถที่จะเลือกบริหารกรรมของเราได้พร้อมกันโดยรวมได้ หลายวิธีดังนี้
๑. กฎแห่งกรรมข้อนี้เป็นการการปล่อยชีวิตไปตาม กฏแห่งกรรม นั้นถือเป็นการยอมแพ้ชีวิตแล้วปล่อยชีวิตเผชิญกรรม
ไปตามยถากรรม โดยไม่สร้างตัวรู้ไว้ป้องกันตัวเลย หากกรรมแสดงตัวออกมาอาจจะนำชีวิตเราไปสู่
อาญากรรมก็ได้ การยอมรับกรรมโดยไม่มีตัวรู้บริหารจัดการ ซึ่งก็คงเป็นชะตาชีวิตของคนส่วนใหญ่
บนโลกใบนี้ หากจะเราต้องการแก้ไขกรรมหรือบริหารจัดการกรรมโดยใช้ข้อกฎแห่งกรรมมาใช้
ในพรหมลิขิต อย่างน้อยเราควรมีตัวรู้ระดับหนึ่งซึ่งสามารถคุมจิตคุมใจเตรียมรับสิ่งที่จะเข้ามากระทบ
ตามกฎแห่งกรรม ด้วยอุเบกขา และเมตตา นั่นคืออย่างน้อยต้องมีพรหมวิหาร ๔ เข้ามาใช้ เพื่อให้ปลงได้
จนชีวิตผ่านพ้นวิกฤตไป ซึ่งคงมีแต่อริยจิตเท่านั้นที่ทำใจได้ ยิ่งหากว่าคนๆนั้นมีครอบครัวมีลูก หรือคนที่
ต้องรับผิดชอบ ที่เรียกว่าบริวารซึ่งจะพลอยทำให้ครอบครัวต้องรับกรรมไปด้วย วิธีนี้จึงไม่สนับสนุนในวิถี
จริตปุถุชน
๒. เกณฑ์แห่งเวร เป็นการเล่นเกมส์เกณฑ์แห่งเวรกับกฎแห่งกรรมที่มาถึงในกาลเวลา โดยที่เราสามารถอธิฐานต่อ
สิ่งศักดิ์สิทธิหรือพระพรหมประจำชีวิตเพื่อก้าวเข้าสู่เกมส์กลกรรม การใช้ข้อเกณฑ์แห่งเวร เป็นการบริหาร
จัดการกรรมด้วยเทวฤทธิ์ เราอาจต้องเผชิญกับกรรมของเราสักระยะ เพื่อแลกเปลี่ยนกับโอกาสทอง
บางโอกาสของชีวิต ทั้งนี้หากเรารู้เท่าทันเกณฑ์แห่งเวรข้อนี้ เราจึงต้องมีความอดทนในการเผชิญปัญหา
ซึ่งเราต้องมีความรู้เรื่องกรรมในระดับหนึ่ง รวมทั้งต้องมีความเพียร รู้จักเปิดรหัสกรรมที่ดีเพื่อเบียดเบียน
กรรมชั่วในอดีตชาติ ซึ่งกรรมดีที่ยิ่งใหญ่ที่จะสามารถต่อกรกับกรรมของเรา โดยเฉพาะกรรมหนัก นั้นต้อง
เป็นบุญที่ตรงกับหนี้กรรมเท่านั้น ซึ่งการทำกรรมดีที่ตรงกับชนกกรรม หรือ หนี้กรรมนั้นจะทำเราสามารถ
ต่อกรกับกรรมที่กำลังจะเข้ามากระทบเราได้ หากเราทราบว่าการทำบุญใดตรงกับหนี้กรรม หรือเป็นมหาบุญ
ที่สามารถเบียดเบียนกรรมหนักทุกกรรมได้ ดังนั้น เราควรระบุ หรืออธิฐานว่าที่ทำบุญนั้นเพื่อสิ่งใด เช่น
ประสงค์จะสร้างพระอุโบสถ ประสงค์จะเป็นเจ้าภาพองค์ผ้าป่า หรือองค์กฐิน หรือประสงค์จะทำบุญสนับสนุน
รายการธรรมะ ซึ่งถือเป็นมหาบุญ และ มหาทาน เนื่องจากการให้ธรรมะเป็นทานนั้นเป็นทานที่ชนะการให้
ทานใดๆทั้งปวงหากเราไม่อธิฐานว่าทำบุญอะไร สิ่งศักดิ์สิทธิ์ คงไม่ทราบว่าก็ทำบุญอะไรตรงกับหนี้กรรม
หรือไม่ บางหนี้กรรมเราต้องชดใช้กับคน หรือสัตว์ ที่มีกงเกวียน กรรมเกวียน กรรมเก่าเกี่ยวเก่ากับเรา
ดังนั้น หากเราไม่มีตัวรู้ว่าเรานั้นเกี่ยวข้องกับใครมาอย่างไรในอดีตภพอดีตชาติ เราจึงควรฝึกตนให้สามารถ
ปฏิบัติงานร่วมกับผู้อื่นได้ทุกกิจกรรม โดยเฉพาะงานบุญงานกุศลสำคัญทางพระพุทธศาสนา เช่น การสร้าง
พระอุโบสถ สร้างพระประธาน งานทอดกฐิน งานทอดผ้าป่า การบวชเนกขัมมะ ตลอดจนการเข้าร่วมในพิธี
กรรมต่างๆที่มีผู้มาร่วมในงานบุญ งานพิธีมากๆ หากผู้ที่ร่วมในงาน โดยเฉพาะประธานหรือเจ้าพิธีหากมี
กงเกวียนกรรมเกวียน กรรมเก่าเกี่ยวเก่ากับเรา จะยิ่งเป็นตัวช่วยให้แก้ปัญหาของกงเกวียนกำเกวียน
กรรมเก่าเกี่ยวเก่า และช่วยให้เราผ่านเกมส์กลกรรมไปได้ง่ายขึ้น เราจึงควรร่วมกิจกรรมหรือพิธีกรรมทุก
กิจกรรมด้วยความจริงใจ ลดจิตริษยา อาฆาตพยาบาทให้หมดสิ้น ให้มีแต่จิตที่มีเมตตา หรือที่เรียกว่า
พรหมจิต หรือจิตที่เป็นอัปมัญญาพรหม อันเป็นรักกลางๆ เท่าเทียมกันทุกคน หากคนใดมีเมตตาน้อย
ย่อมยากที่จะผ่านเกมส์กลกรรมไปได้
๓. กติกาแห่งเทพในอดีตชาติเราอาจเคยมีเล่ห์เล่นกลหลอกลวงใครต่อใครไว้มากมาย ชาตินี้เราจึงต้องมาเล่นเกมส์
กับเทพ เป็นการอธิฐานรับเทพเพื่อมาช่วยเหลือปรับปรุงชะตาชีวิต ปรับเพิ่มการเรียนรู้ธรรมะจนชีวิตเป็น
อิสระ สามารถปฏิบัติตามกติกาของเทพให้ได้ เราจึงต้องศึกษาหาความจริงในสัจธรรม จนกว่าจะพ้น
พันธะและความสับสนวุ่นวายในชีวิต เราต้องทราบว่าคนเรานั้นเกิดมาตามกรรม เกิดมาเพื่อใช้กรรม
และเกิดมาสร้างกรรม ทุกวันนี้บางคนอาจมองชีวิตของตนช่างราบเรียบ ไม่เห็นจำเป็นต้องมาพึ่งเทพยดา
หรือสิ่งศักดิ์สิทธิแต่อย่างใด แต่แท้จริงแล้ว อาจสิ่งศักดิ์สิทธิที่มีกรรมสัมพันธ์กับเราอาจช่วยเรา
อยู่เบื้องหลังก็ได้ เราอาจได้ใช้กรรมกับใครต่อใครไปมากแล้วโดยเทวฤทธิ์ปาติหารย์แต่เราเองต่างหากที่
ไม่ทราบ โดยอาจจะมาแฝงอยู่ในเทวาปาติหาริย์ หรือเทวานุภาพที่แฝงอยู่ในจิตตรานุภาพ กติกาเทพนั้น
ละเอียดอ่อนนำกติกามาบริหารกรรม ไม่ใช่มาทดแทนกรรม เทพท่านก็ใช้กฎแห่งกรรมของเราเองให้เรา
เผชิญให้เราชดใช้ หากเราต้องเข้าถึงกติกาของเทพให้ได้ว่าคือสิ่งใด ไม่ทราบว่าเทพต้องการเงื่อนไขใด
ให้เราปฏิบัติ หรือมาตรฐานจิตระดับใดในการผ่านเกมส์ เราจึงต้องพิจารณาศึกษาให้ดี บางครั้งเราอาจจะ
กำลังเล่นเกมส์กลกรรมกับเทพอยู่ในชีวิตประจำวันกับเหตุการ์ณที่เกิดขึ้นมาทดสอบจิตของเราโดยไม่รู้ตัว
เลยก็ได้ บางทีเราอาจผ่านกติกาหรือสอบตกกติกาของเทพไปแล้วโดยที่เราไม่รู้ตัวก็ได้ หากใครไม่สามารถ
ผ่านเงื่อนไขกติกาของเทพได้อาจทำให้ชีวิตของเขาสะดุดหรือ ลำบากขึ้น รอโอกาสในชีวิตนานขึ้น หรือ
พลาดโอกาสสำคัญในชีวิตไปเลย ไปโดยที่เราไม่รู้ตัวก็ได้ โดยเราสามารถอธิฐานจิตเพ่งชื่อเทพขอมาคุ้มครอง
ดูแลเราในกติกาเทพก็ได้ หรือรับเทพจากการรับขันธ์ครูซึ่งเทพท่านจะมาในนิมิตร ๓ หากเรามีตัวรู้ พร้อมมีสติ
จิตตั้งมั่นในการบริหารทิศทั้ง ๖ ด้วย อิทธิบาทธรรม ๔ ที่สมบูรณ์ มีอุเบกขาพร้อมในการรับสถานการณ์ฉุกเฉิน
รู้จักอดทน อดออม อดกลั้นจิตใจ โดยต้องคุมจิตให้ได้ จิตไม่ฟู ไม่แฟบ ทั้งระดับกายประพฤติ จิตคิด
และสูงสุดในการฝึกให้จิตมีอุเบกขาในระดับองค์ฌาน และฝึกให้เกิดตัวรู้ในระดับองค์ญาณ ก็จะเป็นพื้นฐาน
และปัจจัยสำคัญที่จะทำให้เราสามารถผ่านกติกาของเทพไปได้ในที่สุด
๔.ระเบียบวินัยทางวิญญาณ เป็นการฝึกจิตสู่สัมมาสมาธิ เช่นการนั่งกรรมฐานจนมีระดับจิตที่สูงขึ้นไป
ด้วยสติปัฏฐาน๔ ซึ่งวิธีนี้ต้องการตัวรู้และใช้เวลามาก ส่วนใหญ่หนีกรรมไม่พ้นก่อน เนื่องจากต้องได้ญาณ
ระดับอภิญญาญาณแล้วเท่านั้น จึงจะพ้นอำนาจแห่งเวรกรรมได้ ยกเว้นอนันตริยกรรม ถึงจะได้อรหันต์แล้ว
ก็ต้องชดใช้กรรมนั้น ซึ่งกรรมในอดีตภพของพระอรหันต์เองที่เคยทำมานั้นก็ไม่ได้สูญสิ้นไปไหน ก็ยังคงบันทึกอยู่
ในภวังคจิตของพระอรหันต์อยู่นั่นเอง เพียงแต่ไม่สามารถแสดงออกได้ เท่ากับเป็นอโหสิกรรม หรือกรรมเป็นกลาง
ไปนั่นเอง คนส่วนใหญ่บนโลกล้วนไม่มีอภิญญาญาณเหมือนพระอรหันต์จึงหนีกรรมกันไม่พ้นก่อน เราจึงต้อง
วนเวียนอยู่ในวัฏจักรสงสารเผชิญกับเวรกรรมเก่าอยู่ร่ำไป การแก้ปัญหากรรมเฉพาะหน้าโดยใช้รหัสกรรม๔
และรหัสเวร๔ จึงถือเป็นทางเลือกหนึ่งของการแก้ไขชะตาชีวิต ให้ผ่านพ้นเฉพาะหน้าไปในวิถีที่ง่ายที่สุดของปุถุชน
การที่เรามีความรู้ความเข้าใจในเกมส์กลกรรม รหัสกรรม๔ และรหัสเวร๔ ย่อมเป็นการเพิ่มโอกาส
ชนะเกมส์กลกรรมได้มากขึ้น แม้ว่าเราจะไม่ได้แต่งงานกับบุพเพสันนิวาสที่แท้จริงในชาตินี้ เราก็สามารถบริหาร
จัดการเกมส์กลกรรม เพื่อให้ได้มาซึ่งรางวัลชี้วิตได้ ทั้งนี้ ?การที่เรามีอุเบกขา ความกตัญญูระดับชาติ ศาสนา
พระมหากษัตริย์ และ มีความรักความเมตตาระดับอัปมัญญาพรหม? จะเป็นฐานกำลังสูงสุดในการเล่นเกมส์กับเทพ
ผนวกกับปัญญา และความสามารถในการเข้าถึงสัจธรรม ที่จะทำให้มนุษย์เราผ่านเกมส์กลของเทพไปได้ทันการ
ก่อนที่เวลาของกฎแห่งกรรมจะมาถึง
การแก้ไขปัญหากรรมเราต้องรู้จักตัวกรรมให้ดีพอ อย่างน้อยเราต้องมี ยถาภูตญาณทัศนะ หรือหมายถึง
มีญาณทัศนะที่หยั่งรู้ฐานะแห่งจิตวิญาณ ไม่ปล่อยชีวิตไปตามยถากรรมทีเดียว อย่างน้อยต้องรู้ว่าเราเกิดมาตามกรรม
เกิดมาใช้กรรม เกิดมาสร้างกรรม อย่างไรจึงจะถูกต้อง เราต้องรู้ว่ากรรมจะแสดงออกตามกาลเวลา เมื่อรู้จักกรรมแล้ว
ต้องรู้จักแก้ รู้จักใช้รหัสกรรม ๔ ร่วมกับรหัสเวร๔ หรือใช้ เกมส์กลกรรมเป็นทางเลือก ระวังอย่าให้เวลาหมดก่อน
เพราะเมื่อเวลาหมด ก็หมายถึงอาญากรรมมาถึง หรือหมดโอกาสได้รางวัลชีวิต ก็เรียกว่าสายเกินไป
การทำบุญที่ตรงกับหนี้กรรมสิ่งที่หลายคนคุ้นเคยกับการทำดีคู่กับพระพุทธศาสนาคือการทำบุญที่วัด การทำทานด้วยสิ่งของช่วยเหลือผู้ด้อย
โอกาสหรือผู้ที่กำลังเดือดร้อน แต่แท้จริงแล้ว อีกหลายๆสิ่งที่พึงศึกษาเกี่ยวกับพระพุทธ ศาสนายังมีอีกมาก เช่น
บุญกริยาวัตถุ ๑๐ ซึ่งสำคัญที่สุดคือการทำทานด้วยธรรมะ และการทำบุญที่ตรงกับหนี้กรรมจะช่วยให้เราหลุดพ้น
จากเงื่อนปมต่างๆได้เร็วขึ้น การทำบุญในพระพุทธศาสนา ได้แก่ บุญกริยาวัตถุ มีถึง ๑๐ ประการแต่คนส่วนใหญ่ไม่รู้
ซึ่งพอจะสรุปได้ดังนี้
๑. ทานมัย (ทำบุญด้วยการให้ทาน ปันสิ่งของ)
๒. สีลมัย (ทำบุญด้วยการรักษาศีลหรือประพฤติดี)
๓. ภาวนามัย (ทำบุญด้วยการเจริญภาวนาคือฝึกอบรมจิตใจ)
๔. อปจายนมัย (ทำบุญด้วยการประพฤติอ่อนน้อม)
๕. เวยยาวัจจมัย (ทำบุญด้วยการช่วยขวนขวายรับใช้)
๖. ปัตติทานมัย (ทำบุญด้วยการเฉลี่ยส่วนแห่งความดีให้แก่ผู้อื่น)
๗. ปัตตานุโมทนามัย (ทำบุญด้วยการยินดีในความดีของผู้อื่น )
๘. ธัมมัสสวนมัย (ทำบุญด้วยการฟังธรรมศึกษาหาความรู้)
๙. ธัมมเทสนามัย (ทำบุญด้วยการสั่งสอนธรรมให้เป็นทานถือเป็นทานที่เหนือกว่าการทำทานใดๆทั้งปวง
๑๐. ทิฎฐุชุกัมม์ (ทำบุญด้วยการทำความเห็นให้ตรง )คนบางคนทำบุญมาตลอดชีวิต แต่สุดท้ายชีวิตก็ไปไม่ถึงไหน หากการทำบุญนั้นไม่ตรงกับสัญญากรรม
หรือชนกกรรมหรือหนี้กรรมของคุณ นั่นคือรหัสกรรม และ รหัสเวรของท่านไม่เปิด หากเราไม่สามารถทราบว่า
สัญญากรรม หรือ หนี้กรรมของเราเราคืออะไร แล้วทำบุญไปโดยมีมีตัวรู้ไม่อธิฐานชี้แจงวัตถุประสงค์การทำบุญ
ที่ชัดเจน สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ลิขิต และกำกับชีวิตของเราจะทราบได้อย่างไรว่า ท่านได้ทำบุญตรงกับหนี้กรรม
เราคงได้แต่บุญเก็บไว้ใช้ชาติหน้า แต่โอกาสที่เราจะหลุดพ้นจากปมเงื่อนชีวิตของเราในชาตินี้นั้นคงเป็นไปได้ยาก
เราคงต้องมีชีวิตที่ต้องโต้คลื่นกับชะตากรรมไปโดยไม่มีทิศทาง การเข้าถึงสัญญากรรมเราสามารถรู้ได้หากเรามีสมาธิ
ระดับองค์ญาณชั้นสูง หากเรายังไม่สามารถมีตัวรู้ในระดับนั้น เราก็ยังมีวิธีในการเผชิญกรรมชะตาชีวิตอันที่เราจะได้
กล่าวต่อไป
สัญญากรรม ชนกกรรมโดยปกติแล้วบุญบาปที่ทำมา ทั้งหมดจะถูกบันทึกไว้ทั้งหมดทุกเจตนา ทุกเหตุการณ์ เก็บไว้เป็นสัญญาไว้ในภวังคจิต
คำว่าสัญญาย่อมไม่มีตัวตน จับต้องไม่ได้ เป็นเพียงสัญญาว่าเคยมีเหตุการณ์เกิดขึ้นแล้วต้องมาชดใช้กันกับทุกฝ่ายที่
เกี่ยวข้องในเหตุการณ์ในสัญญานั้น ใครเคยทำอะไรกับใครไว้วันหนึ่งในภพชาติใดภพชาติหนึ่งก็ต้องมาเกี่ยวข้อง
สัมพันธ์กันเพื่อชดใช้ให้กัน วันหนึ่งๆเราอาจทำเหตุการได้ทั้งบุญและบาปและทั้งไม่บุญไม่บาปมามากมายหลาย
เหตุการณ์ สะสมมาหลายภพชาติ มาชาตินี้ก็ไม่ใช่ว่าเราจะต้องมาชดใช้ทุกเหตุการณ์ในอดีตทุกเหตุการณ์ไป ผลของ
กรรมในชาตินี้ถือเป็นบุญบาปสุทธิที่หักกลบลบหนี้กันแล้วระดับหนึ่ง มาชดใช้กันในลักษณะที่เป็นกรรมรวม มาพบกันใหม่
ในชาตินี้ เราจึงควรมีตัวรู้ว่าเราติดหนี้ใครไว้อย่างไร แล้วต้องชดใช้เขาด้วยอะไร อย่างไร ปริมาณมากน้อยแค่ไหน หาก
ชาตินี้เกิดมาแล้วยังมีโลภะ โทสะ โมหะ ไม่โกงหรือเบียดเบียนเขาอีกก็จะยีงไปเพิ่มหนี้กรรมให้มากและซับซ้อนมากขึ้นอีก
เราควรที่จะหันมาศึกษาปฏิบัติ ให้เข้าถึงปมเงื่อนกรรม หรือหนี้กรรมนี้ อันเป็นปมเงื่อนหรือหนี้ที่สำคัญในพรหมลิขิตเพื่อ
ชดใช้ให้เขา หากเราไม่ทราบพรหมลิขิต หรือสัญญากรรมของเราที่เราเคยทำกับใครไว้อย่างไร เราจึงไม่ควรประมาท
ไม่ควรเกลียดชังผู้ใดจนเป็นอาฆาต พยาบาต แม้แต่สัตว์ก็อาจมีปมเงื่อนไขกรรมกับเราอยู่ในอดีตภพได้ เราจึงควรพยายาม
ฝึกและปรับจิตของเราสู่พรหมวิหารเป็นพื้นฐาน ให้จิตของเราเต็มไปด้วยความรักความเมตตา การเป็นมิตร มีเมตตาในทิศ
ทั้ง ๖ อย่างน้อยถึงเราจะไม่ได้ชดใช้เขาถูกหนี้กรรม แต่เราก็จะได้ไม่ไปเพิ่มความซับซ้อนวุ่นวายในพรหมลิขิตให้ยุ่งยาก
มากขึ้นไปอีก
ชนกกรรมเรื่องของชนกกรรมนั้นหากแปลโดยตรงในความหมายคือ ? กรรมพ่อ? หมายถึงกรรมที่ส่งให้เรามาเกิดด้วยซึ่งจะ
แตกต่างกันในแต่ละคน หรือเรียกได้ว่าเป็นกฎของการเกิด หากจะเปรียบเทียบกับองค์พรหมนั้นอุปมาเทียบได้กับองค์พรหม
ภาคนั่ง อันหมายถึงพรหมลิขิตที่กำหนดชีวิตเราให้ไปตามที่กำหนดของชีวิตคนแต่ละคน ซึ่งจะแตกต่างกันแต่ละคนขึ้นอยู่
กับสัญญากรรมของแต่ละคนที่ได้กระทำมาในอดีตชาติ เมื่อเรามาเกิดแล้วชีวิตเราก็จะถูกกำกับให้เป็นไปตามชนกกรรมตาม
ที่กำหนดอุปมาดั่งองค์พรหมภาคยืน ที่จะคอยกำกับชีวิตเราให้ไปตามทิศทางที่กำหนดไว้ตามพรหมลิขิตว่าไปแล้วชนกกรรม
ก็คือ สัญญากรรมที่ถูกเลือกกำหนดมาให้เรามาทำในชาตินี้ว่าเราเกิดมาแล้วต้องมาทำกิจนั้นตามสัญญาแห่งชนกกรรมที่ส่ง
มาเกิด จึงจะหลุดเงื่อนปมชีวิตโดยมีกาลเวลาในกฏแห่งกรรมเป็นตัวควบคุม หากใครหมดกาลเวลาแล้วยังไม่ทำตามชนกกรรม
ได้ครบถือว่าผู้นั้นผิดคำมั่นสัญญา ผู้นั้นก็จะมีโอกาสพบปัญหา สอบตก อกหัก หลักลอย คอยงาน สังขารโทรมได้ หากเรามีตัวรู้
หรือมีครูผู้ชี้แนะที่ดี สามารถเข้าถึงชนกกรรมได้ รู้ว่าชนกกรรมคืออะไร ต้องรู้ว่าคนเราเกิดมาตามกรรม เกิดมาใช้กรรม เกิดมา
สร้างกรรม เราต้องรู้ว่าต้องทำกรรมใดเงื่อนไขใด รู้จักวิธีใช้กรรม รู้วิธีบริหารกรรม เมื่อเราทราบชนกกรรมทั้งหมดแล้ว แล้วเราต้อง
พยายามปฏิบัติให้ได้ตามชนกกรรมให้ครบ เมื่อเราได้ทำตามคำมั่นสัญญาของเราแล้วเส้นทางชีวิตของผู้นั้นก็จะเดินทางไปสู่
เส้นทางแห่งความสำเร็จ หรือได้รางวัลชีวิตได้ในที่สุด แต่หากปฏิบัติได้ไม่ครบทุกข้อ ก็จะต้องแบ่งส่วนกันระหว่างรางวัลชีวิต
และอาญากรรมมากน้อยตามข้อกำหนดชนกกรรมที่ปฏิบัติได้
สัญญากรรม สัญญาณเวร เทพนิมิต ปรากฏการณ์ทางวิญญาณ
เมื่อชีวิตของคนเราถูกกำหนดและกำกับให้เป็นไปตามพรหมลิขิต ตามชนกกรรมหรือที่เรียกว่าเป็นกฎการเกิด ที่ส่งเรา
มาเกิดคนที่มีภพชาติที่ยิ่งซ้ำซ้อนเท่าไรย่อมมีปรากฏการณ์แปลกๆเกิดขึ้นในชีวิตของเขา ด้วยอำนาจของอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์
และเทวฤทธิ์ปาฏิหาริย์ อันจะทำให้เกิดเป็นนิมิตเทพให้เราได้แปลความหมาย ตามกฎของการเกิด คือคนเราเกิดมาตามกรรม
เกิดมาใช้กรรม เกิดมาสร้างกรรม เช่นสิ่งเอะใจ ลางสังหรณ์ ทั้งเหตุการณ์ภายนอก และภายใน ซึ่งการแปลความหมายนิมิตนั้น
จะแม่นยำเพียงใด ขึ้นอยู่กับว่าสัญญาณเวรที่ส่งมาต้องไม่ถูกปิดกัน แล้วตรวจสอบสัญญาณเวรนั้นด้วยตัวรู้ของเรา ทั้งนี้ปรากฏ
การทางวิญญาณที่ถูกต้องชัดเจนมีตัวรู้ในระดับองค์ฌานองค์ญาณสามารถเข้าถึงสัญญากรรมจนสูงสุดรู้แจ้งแทงตลอดที่เรียกว่า
มีวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ อันจะสามารถแปลได้ว่านิมิตเทพหรือสัณญาณเวรนั้นเป็นนิมิตจริงหรือปลอม มาในขั้นตอนใดของกลไกกรรม
หรือเกมส์กลกรรม โดยการส่งสัญญาณเวรสามารถส่งสัญญาณมาได้ในทุกขั้นตอนของกลไกกรรม รู้ถึงความเกี่ยวเนื่อง กับรหัสกรรม
หรือรหัสเวร สัญญาณมาเตือนเราด้วยเหตุการณ์ใด ด้วยสาเหตุใด ร้ายหรือดี แล้วนำมาแปลเพื่อใช้ประโยชน์สามารถใช้กรรมและ
สร้างกรรมได้ตรงกับสัญญากรรมเพื่อที่เราจะได้รีบแก้ไข ปรับปรุง อย่าประมาท ทั้งนี้เราอาจมีธาตุรู้อยู่ก่อนได้เพราะเรามีทุนเดิม
แต่เราก็ควรเสริมทุนใหม่ด้วยในชาตินี้ น้อยคนนักที่มีตัวรู้จากปรากฏการณ์ทางวิญญาณจนสามารถปรับเปลี่ยนแปลงนิมิตเทพไปได้
แล้วนำตัวรู้มาเปลี่ยนแปลงชะตาชีวิตเรา ด้วยรหัสกรรม รหัสเวร ด้วยเกมส์กลกรรมในกรรมตามกฎการเกิด เพื่อไม่ให้เกิดภาวะกรรม
เก็บกดสะสมมากขึ้น ก่อนกาละเวลาของเงื่อนตายจะมาถึง หรือก่อนเวลาจะหมดเพราะถ้าหากเวลาหมดแล้ว เราก็หมดสิทธิ์เล่นเกมส์
กลกรรม คงต้องปล่อยชีวิตไปตามกรรมอย่างไม่มีทางหลีกเลี่ยง