
ที่มาของภาพ http://www.gotoknow.org/blog/aoyyala/151162
อยากทราบ ความคิดเห็นของสมาชิก ชาวกรรมฐาน ด้วยคะ
คำว่า สมาธิ ถ้าจะพูดให้ถูกต้องนะครับ ไม่ว่าจะเป็นสัมมาสมาธิ หรือ มิจฉาสมาธิ
ต้องตีความกันก่อนนะครับ ในเชิงวิชาการ ด้วยการแสดงความคิดเห็น
สมาธิ
[สะมาทิ] น. ความตั้งมั่นแห่งจิต; ความสํารวมใจให้แน่วแน่เพื่อให้จิตใจสงบ หรือเพื่อให้เกิดปัญญาเห็นแจ้ง. (ป., ส.).
อ้างอิง พจนานุกรมอิเล็กทรอนิกส์ ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. ๒๕๔๒
สมาธิ ความมีใจตั้งมั่น, ความตั้งมั่นแห่งจิต, การทำให้ใจสงบแน่วแน่ ไม่ฟุ้งซ่าน, การมีจิตกำหนดแน่วแน่อยู่ในสิ่งใดสิ่งหนึ่งโดยเฉพาะ
อ้างอิง พจนานุกรมพุทธศาสน์ ฉบับประมวลศัพท์ พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ. ปยุตฺโต)
ส่วนนี่้คือการตีความ ว่า สมาธิ เป็นอย่างนี้ มีความหมาย อย่างนี้ นะครับ ตามคำแปล ซึ่งการตีความอ้างอีกับพจนานุกรมพุทธศาสน์ ดังนั้น ก็คือตีความ เป็นสัมมาสมาธิ ไม่ใช่ความหมายของสมาธิทั่วไป เพราะระบุว่าทำใจให้สงบแน่ หรือ เพื่อให้เกิดปัญญา ซึ่งจากคำแปล นั้น มิได้หมายถึง มิจฉาสมาธิ นะครับ เบื้องต้นตามความหมาย ก่อนนะครับ เพื่อตอบตามประเด็น
ดังนั้น สรุปว่า ความหมาย ในคำแปลหมายถึง ผลของการฝึก ทำใจให้สงบแน่แน่ เพื่อให้เกิดปัญญาเห็นแจ้ง
ดังนั้น สมาธิ ตรงคำตอบก็ ผลของการภาวนา ด้วยวิธีใด วิธีหนึ่ง นะครับ จะเป็น การเจริญสติ หรือ กรรมฐาน 40 กองกรรมฐาน ก็เพื่อให้ได้ผลตามนั้น ส่วนนี้จบของการให้ความหมายของคำว่า สมาธิ นะครับ
ที่นี้ลองมาพิจารณา คำถามจากภาพ นะครับ
สมาธิ
ไม่ต้องหลับตา
ไม่ต้องนุ่งขาวห่มขาวไปวัด
ไม่ต้องท่องพุท - โธ
ไม่ต้องนึกถึงศาสดาองค์ใด
แค่จดจ่อ จรดมือบรรจงทำงาน
ด้วยจิตว่าง ไม่กระหายใคร่ได้สิ่งอื่นใด
เพียงเท่านี้ .....สมาธิเกิด
อยากทราบ ความคิดเห็นของสมาชิก ชาวกรรมฐาน ด้วยคะ
จากเนื้อหาภาพ และ คำถาม วิเคราะห์ ก็คือ ผู้ถามไม่ได้เป็นเจ้าของภาพ แต่ไปเห็นภาพคำบรรยายนี้แล้วนำมาถามในห้องนี้ นะครับ เพื่อถามความเห็นว่า ใช่ หรือ ไม่ใช่ ถูก หรือ ผิด หรือ ประมาณนี้
ดังนั้น วิเคราะห์ คือ คำตอบได้อธิบาย ความหมายของสมาธิ ก็คือ สัมมาสมาธิ เท่านั้น เพราะคำถามเป็นคำถามที่กำลังพูดถึง วิธีการที่สวนทางกับการปฏิบัติภาวนาสากล ก็ต้องตามประเด็นนะครับ
ไม่ต้องหลับตา คุณส้มตอบได้ดี แล้ว ครับ คือ วิธีการทำสมาธิ สามารถทำได้ ทั้งลืมตา และ หลับตา และพูดถึงกรรมฐาน ก็วิธีการที่ต้องใช้ปฏิบัติร่วมกันทั้งสองแบบ ซึ่งมีแบบแผนตามกองกรรมฐานต่าง ๆ
ดังนั้นข้อแรก กล่าวได้ว่า ตอบไม่ถูกทั้งหมด คือ หลับตา ก็ได้ ไม่หลับตา ก็ได้ ขึ้นอยุ่กับกรรมฐาน
ไม่ต้องนุ่งขาวห่มขาวไปวัด
อันนี้เห็นด้วย เพราะความสำคัญของการภาวนา ไม่ได้อยู่ที่เครื่องแต่งกายแต่อยู่ที่ ศีล กุศลกรรมบถ ของผู้ภาวนานะครับ แต่การแต่งกายชุดขาว ก็เป็นเรื่องที่ดี เป็นแบบอย่างแสดงถึงความจริงใจในเวลาเข้าไปปฏิบัติเป็นการประกาศตน เป็นผู้ภาวนา ดังนั้นเวลาใครแต่งชุดขาวไปทำชั่ว ก็จะเกิดความละอาย ส่วนคนที่คิดว่าแต่งชุดอะไรก็ได้นั้น จะมีข้อเสียคือ ไม่ระมัดระวัง สำรวมเพราะแต่งกายที่ไปไหนก็ได้ เดินไปโรงหนังก็ได้ โรงนวดก็ได้ ไปเล่นการพนัน สิ่งไม่ดีก็ได้ ความละอายจะมีน้อยกว่า ผู้แต่งชุดขาวที่ประกาศตน ถ้าถามว่าการประกาศตนเป็น พุทธมามกะ ไม่สำคัญ พระพุทธเจ้าพระองค์ก็คงจะไม่ต้องให้เรากล่าวถึงคำ พระรัตนตรัย เป็นที่พึ่งหรอกครับดังนั้นสรุป จากคำถามนี้ จะสวนกลับวัฒนธรรมนะครับ เพราะเขาแต่งชุดขาวไปวัดกัน เรามาแต่งชุดสีกันไป ใส่สีแดงแป๋ด แสดงถึงความไม่จริงใจ ไร้รูป ไร้แบบ อย่างนี้ผิดครับ แต่หากปฏิบัติภาวนาอยู่ที่บ้านจะแต่งชุดอย่างไรก็ได้ครับ ดังนั้น คำถามนี้ไม่ได้เกี่ยวกับการภาวนา แต่เกี่ยวกับกติกาสังคม ก็คือ ระเบียบ จัดเป็นพระวินัย
ดังนั้นในข้อสอง ไม่ใช่วิธีการภาวนากรรมฐาน อันนี้ตอบผิดไม่เกี่ยวข้องกับวิธีการภาวนาครับ
ไม่ต้องท่อง พุท-โธ
ถูกครับไม่ต้องท่อง แต่ให้บริกรรม ถามว่า ถ้าคุณภาวนากรรมฐาน พระพุทธานุสสติ คุณไม่บริกรรม พุทโธ คุณก็ต้องใช้คำในบทพระพุทธคุณ ดังนั้น ถ้าผู้ภาวนาไม่ได้ ภาวนาพุทธานุสสติ ใช้กรรมฐาน อื่น ๆ ก็ได้ครับขึ้นอยุ่ว่าผู้ภาวนาเลือกกรรมฐานอะไร แต่ถ้าเลือกกรรมฐาน ลงไปแล้วคุณไม่ภาวนาบริกรรม แล้ว คุณจะมีวิตก ได้อย่างไรครับ ดังนั้นในส่วนวิธีการ อย่างไรก็ต้องมี วิตก คือ บริกรรม อยู่ดีครับ
ไม่ต้องนึกถึงศาสดา องค์ ใด
อันนี้เป็นความคิดที่เพี้ยนเลยครับ เพราะว่าเลือกปฏิบัติในวัด ในพระพุทธศาสนา ไม่เคารพในพระศาสดาแล้วก็จบเห่ครับ ตถาคตโพธิสัทธา ไม่มีจะภาวนาไม่ได้แต่ ดังนั้น ศาสดา ของ ศาสนาพุทธ คือ พระธรรม และ พระวินัย ครับ ให้ทำความเข้าใจ ต้องนึำกถึงองค์ธรรม กรรมฐานที่เรียน ที่ภาวนา ไม่งั้น ก็ต้องตรัสรู้ชอบเองแล้วครับ
แค่จดจ่อ จรดมือบรรจงทำงาน ด้วยจิตว่าง ไม่กระหายใคร่ได้สิ่งอื่นใด
ดูเหมือนกำลังจะดึงวิธีการภาวนาไปสู่การทำสติ เป็นหลัก ไม่มีเป้าหมายเพื่อการสิ้นกิเลส เพียงมีเป้าหมายกับการงานที่ทำอยู่ อะไรคือบริกรรมในขณะนั้น ตกลงทำลงไปโดยไม่ต้องคิด บริกรรม ไม่มีวิธีการ ไม่ต้องการใคร่ได้สิ่งอื่นใด มั่วซะไม่มี อยู่ ๆ จะให้จิตว่าง โดยไม่คิด และทำโดยไม่กระหายว่าทำ แล้วมันจะไปทำได้อย่างไร เพราะจิตว่าง ไม่มีความคิด จินตนาการ ใด ๆ ญาณทัศนะ ยถาภูตญาณทัศนะ อยู่ตรงไหน ญาณทัศนะวิสุทธิอยู่ตรงไหน อันนี้ ตอบฟันธงเลยนะครับ
สมาธิ ไม่เกิดหรอกครับ จะได้ความฟุ้งซ่านแทนนะครับ
ผมเห็นมาหลายรายแล้ว ครับ โดยเฉพาะพวกสายที่เรียกว่า ปัญญา จะหลีกเลี่ยงหนีการทำสมาธิ เพราะเห็นว่าไม่มีความจำเป็น ไม่ต้องดำเนินจิตในสมาธิก็น่าจะบรรลุได้ ประมาณนี้
พระพุทธเจ้าตรัสแสดงไว้ว่า อริยมรรค มีองค์ 8 เป็นหนทางอันประเสริฐ เครื่องถึงความพ้นทุกข์
นาน ๆ มาช่วยตอบสักทีครับ เพราะอยากให้คนอ่านได้เข้าใจ ในประเด็นของคำถามนะครับ
สรุปนะครับ สมาธิ เป็นผลนะครับ
วิธีการที่ได้สมาธิ ในพระพุทธศาสนา เรียกว่า สมถะวิปัสสนากรรมฐาน ครับ
ดังนั้นผลของ สมาธิ ก็คือ ระงับ นิวรณ์ 5 ประการเบื้องต้น นะครับ ส่วน
