ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: ฟังเรื่อง เล่ากฏแห่งกรรม เรื่อง หมอชะลอ ศิษย์หลวงพ่อจรัล  (อ่าน 10397 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 2 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

hope

  • กำลังจะพ้นจากน้ำ
  • *
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 55
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
ฟังเรื่อง เล่ากฏแห่งกรรม เรื่อง หมอชะลอ ศิษย์หลวงพ่อจรัล

ฟังยังไม่จบ ใครมีเนื้อเรื่อง นำมาโพสต์ให้อ่านบ้างครับ เสริร์ชไม่เจอครับ

 กรรมเก่าที่ติดตามส่งผลในชาตินี้..คุณหมอชลอ เกิดสุวรรณ


    เรื่องนี้ได้มาจากท่านพระธรรมสิงหบุราจารย์ (หลวงพ่อจรัญ เจ้าอาวาสวัดอัมพวัน อำเภอพรหมบุรี จังหวัดสิงห์บุรี) เป็นผู้เล่าให้ฟัง มีใจความว่า

    “มีชายคนหนึ่งสนใจศึกษาวิปัสสนากรรมฐาน ได้ไปปฏิบัติวิปัสสนาที่วัดอัมพวันกับท่านพระธรรมสิงหบุราจารย์ ชายผู้นี้อดีตเคยเป็นทหารเสนารักษ์ เป็นคนใจดีมีเมตตาช่วยเหลือชาวบ้านเมื่อเจ็บไข้ได้ป่วยโดยมิได้รังเกียจ ชาวบ้านทั่วไปรักและนับถือ เรียกท่านว่า “คุณหมอชลอ เกิดสุวรรณ” ตั้งบ้านเรือนอยู่ข้างวัดอัมพวัน

    หมอชลอเป็นผู้ที่สนใจฝึกสมาธิและวิปัสสนามาก ใช้เวลาฝึกวันละหลายชั่วโมงเป็นประจำจนสำเร็จได้ฌานชั้นสูง วันหนึ่งขณะที่คุณหมอชลอกำลังฝึกตามปกติ ก็บังเกิดนิมิตปรากฏภาพในอดีตชาติให้เห็นอย่างชัดเจนว่า ครั้งหนึ่งในอดีตชาติ เมื่อหมอชลอมีอายุได้ ๑๖ - ๑๗ ปี ได้ร่วมไปกับพี่ชายและเพื่อนของพี่ชายเข้าปล้นบ้านๆหนึ่งในหมู่บ้านม่องร่าย ใกล้น้ำตกเอราวัณ จังหวัดกาญจนบุรี พี่ชายยิงเจ้าของบ้านตาย ส่วนหมอชลอยิงภรรยาที่เพิ่งคลอดลูกตาย แล้วโยนเด็กที่คลอดใหม่ๆลงไปในกองไฟใต้กระดานอยู่ไฟที่ภรรยาเจ้าของบ้านนอน พักฟื้นอยู่


    ปรากฏว่ากรรมอันเป็นบาปหนักนี้ เป็นเหตุให้หมอชลอและพี่ชายต้องรับใช้หนี้กรรรมชั่วนี้ โดยถูกพวกปล้นยิงตายทั้งสองคนที่หมู่บ้านตำบลม่องร่าย จังหวัดกาญจนบุรี ในระหว่างที่ไปทำการค้าไม้ไผ่อยู่ที่นั่น หลวงพ่อจรัญท่านเล่าว่า ท่านได้ตักเตือนไม่ให้หมอชลอไปทำการค้าไม้ไผ่ที่กาญจนบุรี เพราะเกรงว่าจะถูกทำร้ายอันเกิดจากกรรมเก่าในอดีตชาติตามมาส่งผล แต่หมอชลอไม่ยอมเชื่อ เพราะเวลานั้นไม้ไผ่กำลังเป็นสินค้าที่ส่งไปขายต่างประเทศได้ราคาดี มีกำไรมาก

    แต่ก็หนีกฏแห่งกรรมไม่พ้น เหตุการณ์ทุกอย่างเป็นไปตามที่หลวงพ่อจรัญท่านเตือนหมอชลอไว้ล่วงหน้า หมอชลอถูกคนร้ายยิงตาย หลังจากพี่ชายถูกยิงตายเพียง ๑๕ วัน เหตุเกิดในเวลากลางวัน มีคนแต่งเครื่องแบบสีกากีคล้ายตำรวจมีปืนพร้อม มีจำนวน ๑๐ กว่าคน มาทางเรือหางยาวและจอดที่ท่าน้ำหน้าบ้านหมอชลอ แล้วเรียกหมอชลอให้ออกจากบ้านไปพบที่ท่าน้ำ

    หมอชลอเข้าใจผิดคิดว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจมาทำการสอบสวนเรื่องที่พี่ชายถูก พวกปล้นยิงตาย จึงเดินไปที่ท่าน้ำ เมื่อยืนคุยกันสักครู่หนึ่ง ภรรยาหมอชลอซึ่งอยู่บนบ้านเห็นหมอชลอหันหลังจะกลับจากท่าน้ำเข้าบ้าน ก็ถูกคนร้ายคนหนึ่งที่อยู่ในเรือใกล้หมอชลอ ยกปืนขึ้นจ่อยิงท้ายทอยหมอชลอล้มกลิ้งตกท่าน้ำขาดใจตายทันที เหตุเกิดเมื่อวันที่ ๔ กันยายน พ.ศ. ๒๕๐๔

    เรื่องของหมอชลอแสดงให้เห็นว่ากฎแห่งกรรมมีจริง และเป็นสัจจธรรมที่ว่า “ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว” ถ้าอดีตชาติทำบาปไว้หนักมาก ผลกรรมนั้นต้องตามสนองในชาตินี้แน่นอน แม้ว่าชาตินี้จะปฏิบัติธรรมได้ดีเพียงไร ก็ย่อมหนีกรรมในอดีตชาติไม่พ้น ต้องชดใช้กรรมชั่วนั้นจนได้

    ที่มา - เรื่อง “อดีตชาติ” เรื่องที่ ๑๐๔ ในชุด “กฎแห่งกรรม” ของคุณ ท. เลียงพิบูลย์

คือฟังเล่าในรายการ RDN ยาวมากครับตั้ง 30 นาีที แต่ที่ได้อ่านสั้นมากครับ


..เราทุกคนเจริญกระกรรมฐานต้องพบกรรมแน่ ขอให้ทำให้ได้ขั้น อย่าทำเป็นญาณเบื่อหน่าย อาตมาเป็นห่วงโยม อาตมาไม่เป็นอะไรหรอก แต่จะทำเป็นเพื่อนกันไป อาตมาเคยเข้าผลสมาบัติมาหลายครั้งแล้ว ไม่ใช่นิโรธสมาธิ นิโรธสมาบัติต้อง ๗ วัน มันคนละอย่าง เราแค่ผลสมาบัติเบื้องต้นก็ได้หลายชั่วโมง แต่อาจจะเข้าทีละ ๑๐-๒๐ นาทีได้คือ ไม่รู้เรื่องในกาลนั้นๆ รู้ข้างในแต่ไม่รู้ข้างนอก อาตมถึงได้เป็นห่วงโยมคือ สภาวธรรมนี่สำคัญมาก และคนเบื่อหน่ายอยากจะเลิก ข้อเท็จจริงจะถึงหัวเลี้ยวหัวต่อแล้ว เลิกแล้วจึงไม่ได้อะไรเลย ต้องอดทนต่อไป ตายให้มันตาย มันมีอะไรมา คือมากระซิบตลอด มารคือตัวเรา อยู่ในตัวเรา ให้เลิก ไม่ควรทำอย่างนี้เป็นต้น

...เพราะฉะนั้น หมอชลอคู่กับแม่สุ่ม ทองยิ่ง อาตมาสอนแม่สุ่มตอนอายุ ๓๘ ปี พายเรือมา เมื่อสมัยนั้นไม่มีความเจริญ มีเรือเดินแม่น้ำเจ้าพระยา ตอนนั้น ผ.อ.เมือง บุตรชายแม่สุ่ม ยังเป็นเด็กนักเรียน เมื่อสมัย พ.ศ. ๒๔๙๓-๒๔๙๔ สอนมาตลอด เขาก็ระลึกชาติของเขาได้ หมอชลอก็ระลึกว่า ได้ไปฆ่าเขาที่น้ำตกเอราวัณ รูปร่างแบบนั้น น้ำตกเขาเอราวัณยังไม่มีอะไร ไปปล้นเขา พี่ชายฆ่าสามีเขาตายคาบันไดเลย ตัวเองก็ระลึกเหตุการณ์ว่าเป็นลูกมอญ ที่ราชบุรี หนีพ่อแม่ไปที่น้ำตกเอราวัณ ตัวเองก็ระลึกชาติได้ตอนนั่งเจริญพระกรรมฐาน แล้วก็ลืมไปแล้ว อาตมายังจดไว้ทุกวันนี้คู่กับโยมสุ่ม ตรงที่ไปปล้นเขามา แล้วเขาก็ต้องฆ่าหมอชลอในน้ำเลย ตายคาที่ คาบันไดบ้านหลังนั้น

...นี่แหละท่านทั้งหลาย ระลึกชาติได้แล้วต้องตาย ไม่ใช่หมายความว่าเราได้พระกรรมฐานแล้วไม่โดนฆ่าตาย ถ้าเราไปฆ่าเขามา เขาต้องฆ่าเราตายแน่นอน อย่าลืมกฎแห่งกรรม นับประสาพระโมคคัลลานะ สำเร็จเป็นพระอรหันต์แล้วก็ยังโดนฆ่าตาย เห็นไหม ทุบกระดูกแตกหมดเลย แล้วพระโมคคัลลานะสำรวมต่อกระดูก เขาเรียกว่า โมคคัลลานะต่อกระดูก คาถานี้ใช้สำหรับต่อกระดูกคนได้ ต่อกระดูกเสร็จแล้ว อีกภาพหนึ่งก็ให้โจรทุบไป ภาพจริงก็ไปพบพระพุทธเจ้าแล้วทูลลาเข้าสู่นิพพาน พระพุทธเจ้ารู้ว่าเป็นเวรกรรมก็ต้องให้เข้าสู่นิพพานคือ พ่อมาตามฆ่า

...นี่แหละพระกรรมฐาน เราทำจะเห็นกรรม แล้วจะรู้ว่าเราเคยระลึกอะไรบ้าง บางคนทำไปร้องไห้ไปด้วย ขอให้ทำให้เข้าถึงขั้น บางทีทำนิดหน่อยจะไปรู้เรื่องอะไรเล่า อาตมาถึงเป็นห่วงโยม โยมไม่ต้องห่วงอาตมาหรอก อาตมาทำได้มานานแล้ว ตั้งแต่เดินทางไปพม่า รามัญ ไม่อย่างนั้นช้างเหยียบตายแล้ว หลวงพ่อดำที่ขอนแก่นท่านช่วยอาตมามากมาย ยืนหนอ ๕ ครั้งก็ได้ ตั้งแต่ศีรษะท่านบอกตจปัญจกกรรมฐาน ทำให้ได้ ๕ ครั้ง

...เดินจงกรม บางคนขาดสติยังไม่พอ อาตมายังเดินเซเลย เพราะเหนื่อย งานมาก เดินจงกรมเดินช้าๆ เซ ถ้าเดินไวไม่เป็นไร พอขวาย่างหนอ มันคอยอยากจะล้มไปทางโน้น โคลงไปทางนี้ ตั้งสติเข้าไว้เดี๋ยวมันก็หาย กำหนดรู้ไว้ วันนี้เดินยังโคลงเลย ไม่ใช่ว่าทำได้แล้วต้องได้ ไม่ใช่ บางทีเดินโคลง อาตมาอายุมากแล้ว บางทีงานมันมาก กังวลงานเยอะ เดินไปจิตมันก็ส่ายไปทางโน้น ส่ายไปทางนี้ เป็นเรื่องธรรมดา ให้ตัดปลิโพธกังวลเสีย มีงานที่ต้องทำที่กุฏิ จะไปสรงน้ำก็ใช้เวลา ถ้าเราไม่มีสติก็แย่ ทำงานหลายอย่างในเวลาเดียวกัน ลำบากมาก ก็ขอฝากไว้

...หมอชลอต้องไปโดนฆ่าตาย ฆ่าแล้วทำศพเผาตรงนั้น เอากระดูกมา แม่ทองใบผู้เป็นภรรยาก็มาร้องไห้ ช่วงที่ทำบุญให้หมอชลอ ที่บ้านต้องกลายเป็นทำศพให้ด้วย เขาเรียกว่าบ้านแตกสาแหรกขาด ตายโหง ตายห่า ภรรยาต้องตายห่าเพราะไปฆ่าภรรยาเขา แม่ทองใบที่พากันไปทำไร่ จับไม้รวกล่องแก่ง จังหวัดกาญจนบุรี พอสวดมนต์ให้หมอชลอ เอากระดูกมาห่อ คนนั้นมาถามบ้าง คนนี้มาถามบ้าง ว่าหมอชลอเป็นอย่างไร พูดจนเส้นประสาทแตก เพราะคิดถึงความหลังที่ผ่านมา ไม่น่าพากันไปตายโหงเลย

...แม่ทองใบเลือดออกทางปาก ทางหู ทางตา ทั้งๆ ที่จะทำบุญวันพรุ่งนี้แล้ว ตายคาที่เลย เขาเรียกตายโหง ตายห่า บ้านแตกสาแหรกขาด นี่เป็นกฎแห่งกรรม อาตมาไม่ได้ไปงาน แม่ทองใบเขามานิมนต์ บอกไม่ได้ไปหรอกนะ เพราะแม่ทองใบตายเสียวันนี้ จึงสั่งบอกให้เผาศพ ตายบ่ายเผาเย็นเลย ไปเผาวัดปากน้ำ อำเภอท่าวุ้ง จังหวัดลพบุรี

...นี่แหละท่านทั้งหลายเอ๋ย เวรกรรมตามสนอง เรื่องนี้ให้ชื่อว่า บ้านแตกสาแหรกขาด ตายโหง ตายห่า สามีตายโหง ภรรยาตายห่า ตายห่านี้แปลว่าเลือดแตกหมด ใครมาถาม เล่าแล้วก็ร้องไห้ คิดแต่เรื่องเศร้าใจ แม่ทองใบไม่เคยเจริญพระกรรมฐาน ไม่มีสติเลยเส้นประสาทแตก ตามหลักพระพุทธเจ้าสอนเรียกว่า หายห่า สามีตายโหง ภรรยาตายห่า ลูกเต้าซัดเซพเนจรหมด ทุกวันนี้ นี่แหละรุ่นคุณแม่สุ่ม ตั้งแต่อาตมาอยู่วัดพรหมบุรี ย้ายมา พ.ศ. ๒๔๙๙ แม่สุ่มคู่กับหมอชลอเข้าผลสมาบัติ หมอชลอเข้าได้ถึง ๘๔ ชั่วโมง แต่แม่สุ่มได้ ๓๐ ชั่วโมง ขอฝากไว้เรื่องเป็นอย่างนี้ ขอให้ทำให้ได้สภาวะ เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป ก็ขอฝากไว้...

อันนี้ก็สั้น .....

 http://board.palungjit.com/f4/%E0%B8%9A%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B9%81%E0%B8%95%E0%B8%81%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B9%81%E0%B8%AB%E0%B8%A3%E0%B8%81%E0%B8%82%E0%B8%B2%E0%B8%94-%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%98%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%A1%E0%B8%AA%E0%B8%B4%E0%B8%87%E0%B8%AB%E0%B8%9A%E0%B8%B8%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%88%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%A2%E0%B9%8C-67382.html

http://tamroiphrabuddhabat.com/xmb/viewthread.php?tid=431

บันทึกการเข้า

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28906
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0



เรื่อง อดีตชาติ
โดย ท. เลียงพิบูลย์ิ์

ถ้ามนุษย์เราได้ใช้ความคิดกันสักหน่อย ก็จะเห็นใจสัตว์มีความสงสารเวทนาและแผ่เมตตาธรรมให้สัตว์เหล่านั้น เพราะที่อยู่อาศัยก็ไม่มีต้องตะเกียกตะกายเพื่อเอาชีวิตรอดมาพึ่งวัด กระต่ายบางตัวก็หลบหนีเข้าไปซ่อนตัวอยู่ในโบสถ์ อาตมาพิจารณาดูแล้วก็สงสารคิดว่าสัตว์ก็กลัวตายเหมือนมนุษย์ หนีร้อนมาพึ่งเย็น

จึงได้บอกประกาศให้ญาติโยมแถบใกล้ ๆ วัดนั้นว่า ขออย่าได้ทำอันตรายกระต่ายเลยเพราะท่าที่เขาเสี่ยงภัยเข้ามาอยู่ใกล้คนนี้ก็กลัวมากอยู่แล้ว ตามปกติกระต่ายก็ตื่นกลัวมนุษย์อยู่แล้ว อย่าได้ไปทำลายเขาเลย เรามาช่วยกันป้องกัน ให้พวกเขารอดพ้นอันตรายจากน้ำท่วมก็เป็นกุศลที่เราได้ช่วยชีวิตสัตว์ให้พ้นทุกข์ เพราะเขาไม่มีทางหนีไปที่ไหนอีกแล้ว

ต่อมาชาวบ้านอยู่ข้างวัดคนหนึ่งไม่สนใจใยดีกับคำขอร้อง ได้ถือโอกาสแอบไปล่าเอาไปกินเป็นอาหาร อาตมารู้ก็เศร้าใจ เพราะคิดว่าใครทำลายกระต่าย พวกที่หนีร้อนมาพึ่งเย็นนั้นต้องรับกรรมหนักกว่าธรรมดามาก ผิดกับพวกที่ไปเที่ยวบุกยิงในป่า เพราะพวกกระต่ายยังมีที่หลบหนีได้

แต่บัดนี้ไม่มีทางหลบหนีไปทางไหนได้ เพราะจนตรอกและในเวลาต่อมาคนที่กินกระต่ายที่อาศัยวัดหนีภัยน้ำท่วม อยู่ได้ไม่นานก็มีอาการป่วยผิดปกติ และก็ตายอย่างทรมาน เพราะกรรมตามสนอง นี่ก็เห็นจะเป็นเพราะสร้างกรรมหนัก ไม่เชื่อฟังอาตมาสิ่งที่หนีไม่พ้นก็คือต้องชดใช้หนี้กรรม

เพื่อนผู้เป็นนักล่าได้ฟังก็รู้สึกไม่สบายใจเพราะได้ยิงสัตว์มาก ไม่เคยสนใจคิดถึงเรื่องบุญบาปมาก่อน หาความสนุกสนานตามอารมณ์ของคนวัยหนุ่ม จึงถามท่านพระครูว่า "ท่านอาจารย์ครับ ขอรับว่าผมเคยยิงสัตว์ป่ามาก่อน แต่ไม่คิดถึงกรรมเวรที่จะติดตามมาสนอง

บัดนี้รู้สึกว่า การที่ทำไปเพราะความคะนองของคนเมื่ออยู่ในวัยขาดศีลธรรม เมื่อมารู้สึกผิดชอบเช่นนี้แล้ว มีทางใดบ้างครับเพื่อจะลบล้างบาปที่เราได้ทำมาแล้วเมื่อครั้งอดีต" ท่านพระครูได้ฟังก็บอกว่า "บุญกับบาปลบล้างกันไม่ได้ บุญก็อยู่ส่วนบุญ บาปก็อยู่ส่วนบาป" เปรียบเหมือนน้ำกับน้ำมันเท่าที่เรารู้สึกตัวว่าทำบาปสร้างกรรมชั่ว เมื่อคิดได้รู้บุญบาปแล้วก็เป็นนิมิตที่ดีต่อไปก็จะกลับใจสร้างแต่กรรมดี เป็นผู้ที่ควรยกย่องนับถือกว่าบุคคลบางคนที่เห็นผิดเป็นชอบ

เมื่อรู้สึกตัวว่าทำผิดแต่ก็ไม่ละเว้นการทำบาปชั่ว คล้ายกับตกกระไดพลอยโจนคิดว่า ไหน ๆ ผิดเราก็ทำบาปทำกรรมมาแล้วก็ทำมันต่อไป แทนที่จะสำนึกตัวได้จะกลับตัวกลับใจสร้างกุศลสร้างกรรมดีทดแทนที่หลงผิด มาก่อน ถ้ากลับชั่วเป็นดีได้พระท่านยกย่องสรรเสริญ

หากเราสร้างกรรมดีสร้างบุญกุศลให้มากแม้บุญกุศลจะไม่สามารถลบล้างกรรมได้ดี หากกรรมชั่วบาปมีน้อยก็ยังติดตามไม่ทัน เพราะกุศลบารมีมากกว่า เมื่อเราสร้างบุญกุศลเป็นบารมีมากขึ้น เราก็แผ่ส่วนกุศลครั้งใดก็อุทิศทุกครั้งไป หากกรรมชั่วเรามีน้อยไม่มากก็จะจางไป เพราะส่วนกุศลที่เราอุทิศชดใช้หนี้กรรมไปในตัวแล้ว แต่เมื่อเราสร้างบุญกุศลสร้างกรรมดีมากขึ้น กรรมชั่วถึงไม่จางก็ค่อยห่างออกไปยังตามไม่ทัน



หากหยุดสร้างบุญกุศลและหันมาสร้างกรรมชั่วสร้างบาปต่อไป กรรมชั่วก็จะเข้าใกล้ติดตามมาทันสนองเร็วขึ้น หากยิ่งเป็นกรรมหนักแล้วก็ยากที่จะหลบหลีกให้พ้นไปได้ แม้จะพยายามสร้างกรรมดีเพียงใด แต่กรรมบาปนั้นหนักเกินกว่ากรรมดีที่กำลังปฏิบัติในชาตินี้ ก็ต้องได้รับกรรมหนักชาติก่อนที่ตามมาสนองไปก่อนกว่าจะหมดเวร ส่วนกรรมดีก็คงจะสนองภายหลังหรือชาติหน้า เมื่อใช้หนี้อกุศลกรรมหมดแล้ว
   
เช่นเรื่องที่เกิดขึ้นมาแล้ว เมื่อปี ๒๕๐๔ ซึ่งเป็นเรื่องที่ผู้ได้รับเคราะห์กรรมในเวลานั้นเป็นผู้เลื่อมใสศรัทธาในทางพระพุทธศาสนา มีจิตใจเป็นกุศลได้ร่วมงานทำบุญช่วยเหลือกิจการของวัดกับอาตมาหลายปี และได้สนใจศึกษาทางวิปัสสนากรรมฐานกับอาตมา

บุคคลผู้นี้มีนามว่า ชลอ เกิดสุวรรณ เพราะในอดีตเคยรับราชการเป็นทหารเสนารักษ์ เป็นคนใจดีมีความเมตตาเผื่อแผ่ช่วยเหลือชาวบ้านเมื่อเจ็บไข้ได้ป่วยมิได้รังเกียจ เป็นที่รักใคร่ ชาวบ้านพากันเรียกว่า "หมอชลอ" ท่านผู้นี้เดิมมีภูมิลำเนาอยู่บ้านศาลาลอย จังหวัดอยุธยา

ต่อมาได้แต่งงานอยู่กันกับนางสาวทองใบ ซึ่งมีหลักฐานบ้านเรือนอยู่ในหมู่บ้านข้างวัด หมอชลอได้มาวัดศึกษานั่งสมาธิบริกรรมเป็นประจำ จนสามารถทำจิตให้สงบเป็นสมาธิเข้าขั้นใช้ได้ วันหนึ่งหมอชลอได้เล่าให้อาตมาฟังว่า เมื่อขณะที่หมอชลอนั่งสมาธิก็เกิดนิมิตปรากฎเป็นภาพในอดีตชาติให้เห็นอย่างชัดเจนเหมือนชีวิตเพิ่งผ่านไปไม่นานนัก

ภาพนั้นแสดงให้เห็นชีวิตก่อนเมื่อครั้งหมอชลอมีอายุอยู่ในวัย ๑๖-๑๗ ขวบ และมีพี่ชายอยู่ผู้หนึ่งส่วนบิดามารดาเป็นชาวรามัญ มีภูมิลำเนาอยู่ในจังหวัดราชบุรี อาชีพขายโอ่ง โดยนำโอ่งบรรทุกเรือขึ้นล่องไปขายตามลำน้ำ ครั้งนั้นมีเพื่อนของพี่ชายได้มาชักชวนให้หมอชลอเข้าพวก ไปปล้นหมู่บ้าน "ม่องร่าย" ใกล้น้ำตกเอราวัณ เขตกาญจนบุรี

ชีวิตของคนวัยรุ่น เมื่อถูกชักจูงไปทางชั่วก็เห็นเป็นของสนุกตื่นเต้น ขาดสติยับยั้งจึงตกลงร่วมไปปล้นกับพวกเขา ถึงเวลานัดก็ไปกับพี่ชายพร้อมอาวุธปืน เมื่อถึงบ้านหนังหนึ่งปลายหมู่บ้านอยู่โดดเดี่ยว ก็จู่โจมเข้าไปไม่ทันให้เจ้าของบ้านรู้ตัว

เมื่อชายเจ้าของบ้านตกใจ เห็นการบุกเข้ามาในบ้านก็นึกรู้ว่าเป็นพวกปล้นไม่ทันจะต่อสู้ พี่ชายหมอชลอก็เอาปืนยิงชายเจ้าทรัพย์ล้มฟุบลง เพื่อนของพี่ชายทำหน้าที่ออกคำสั่งให้หมอชลอฆ่าหญิงเมียเจ้าของบ้าน ซึ่งกำลังนอนอยู่บนกระดานไฟ เพิ่งจะออกลูกใหม่ ๆ เพราะหญิงนั้นตกใจร้องเรียกให้คนมาช่วยจนเสียงหลง หมอชลอก็ได้ฆ่าผู้หญิงคนนั้นตายและโยนเด็กที่คลอดใหม่ ๆ ลงในกองไฟทั้งเบาะเผาทั้งเป็น

ซึ่งหมอชลอทำได้อย่างใจแข็ง ดุร้ายขาดความเมตตากล้าต่อการทำบาป ไม่คิดสงสารสังเวชจิตใจเหี้ยมโหด ไม่สะทกสะท้านตื่นเต้น (การฆ่าทั้งแม่ทั้งลูก) กลับเห็นเป็นของธรรมดาได้ทำตามคำสั่งของหัวหน้าซึ่งเป็นเพื่อนของพี่ชายด้วยความเต็มใจ องอาจและทั้งอยากแสดงถึงความกล้าหาญใ ห้เห็นว่าเป็นคนเก่ง ตามนิสัยคนหนุ่มที่ไม่รู้บุญบาป
   
ส่วนเพื่อนของพี่ชายเก็บทรัพย์สินเงินทองเท่าที่ค้นได้เสร็จแล้วก็จุดไฟเผาบ้านให้ไหม้หมดทั้งหลัง แล้วต่างก็พากันรีบหลบหนีเพราะเกรงกลัวพวกชาวบ้านจะพากันมาช่วย เมื่อกลับถึงบ้านก็ช่วยกันปิดเรื่องปล้นไม่ให้พ่อแม่รู้ ครั้นต่อมาหมอชลอกับพ่อแม่ก็ล่องเรือนำโอ่งบรรทุกไปขายตามที่เคยปฏิบัติมาแล้ว หมอชลอกำลังถ่อเรือขายโอ่งแล้วก็หน้ามืดตกลงไปในน้ำถึงกับความตาย


นี่เป็นกรรมในอดีตชาติซึ่งได้เกิดนิมิตขึ้นมาให้เห็นในขณะนั่งกรรมฐาน หมอชลอได้เล่าให้อาตมาฟังอย่างถี่ถ้วน อาตมาพิเคราะห์ดูก็รู้ว่าอดีตกรรมนั้นหนักมาก และคงตามสนองในอนาคต แม้ในชาติปัจจุบันจะปฏิบัติธรรมเพียงไรก็หนีกรรมในอดีตชาติไม่พ้น

อาตมาก็ให้ลืมเรื่องที่นิมิตเสีย อย่านำมาคิดเป็นอารมณ์ ลืมภาพที่ได้เห็นนั้นเสียแล้วทำใจให้ปกติและเสร็จแล้วน ั่งทำสมาธิปฏิบัติกรรมฐานใหม่ อย่านึกถึงภาพในอดีตอีกต่อไป แม้หมอชลอจะได้พยายามนั่งใหม่ แต่ภาพนิมิตก็เกิดซ้ำ ๆ กันหลายครั้ง เมื่อหมอชลอมาเล่าและถามอาตมาก็ได้แต่ปลอบโยนให้พยายามลืมเสีย อย่าได้นึกถึงอีก แล้วพยายามทำบุญกรวดน้ำให้พวกเจ้ากรรมนายเวร

ข้อสำคัญให้พยายามสร้างบุญ แผ่อุทิศส่วนกุศลให้มากขึ้น เรื่องนี้อาตมาได้บันทึกไว้เมื่อวันที่ ๘ กรกฎาคม ๒๔๙๘ เพื่อตรวจสอบเหตุการณ์ข้างหน้าว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นกับหมอชลอ แต่คงจะยังไม่ทันทำอะไรเพราะบังเอิญนายเจริญ เกิดสุวรรณ ซึ่งเป็นพี่ชายของหมอมีภูมิลำเนาอยู่ที่จังหวัดอยุธยาได้เดินทางมาหา และได้ชักชวนให้หมอชลอร่วมทุนไปค้าไม้ไผ่ที่เมืองกาญจนบุรี

เวลานั้นไม้ไผ่กำลังเป็นสินค้าที่ขายส่งออกต่างประเทศมาก ผู้ค้าไม้ไผ่มีกำไรดีมีผู้ร่ำรวยไปตามกัน เพราะลงทุนน้อยได้กำไรมาก หมอชลอมองเห็นทางที่จะร่ำรวยเหมือนผู้อื่น อยากเป็นเศรษฐีอย่างมนุษย์ปุถุชนธรรมดาทั่วไป มองเห็นแต่ทางได้เงินอยู่ข้างหน้าอย่างตื่นเต้นสนใจมาก

หมอชลอได้มาหาอาตมาเพื่อปรึกษาขอความเห็นในเรื่องจะไปค้าไม้ไผ่ อยากจะอพยพครอบครัวไปอยู่เสียที่เมืองกาญจนบุรี เพื่อสะดวกไม่ต้องห่วงหน้าห่วงหลังที่ต้องขึ้น ๆ ล่อง ๆ เป็นภาระทำให้เสียเวลาทำมาหากิน อาตมาถามถึงตำบลที่จะไปตั้งครอบครัว

หมอชลอบอกว่าพี่ชายจะให้ไปอยู่ที่ตำบลม่องร่าย เมืองกาญจนบุรี เมื่ออาตมาได้ยินก็เศร้าไม่สบายใจ ได้พิจารณาเห็นว่าหากจะยับยั้งขัดขวาง ห้ามหมอชลอคงไม่สำเร็จ เพราะจิตใจหมอชลอตื่นเต้นมองเห็นความเป็นเศรษฐีอยู่ข้างหน้า หายใจเป็นไม้ไผ่อยู่แล้ว เหมือนน้ำกำลังเชี่ยวจัด ไม่มีอะไรจะขัดขวางยับยั้งไว้ได้ แม้จะเกรงใจอาตมาอยู่บ้างแต่ก็ยากที่จะสำเร็จได้ เห็นจะเป็นอกุศลกรรมจึงเกิดโลภ

อาตมาจะเตือนถึงเรื่องอดีตชาติ ที่เห็นทางนิมิตก็ไม่ได้ เพราะอาตมาได้สอนให้ลืมเรื่องอดีตชาติที่เคยมองเห็นในนิมิต อย่าได้นึกถึงต่อไป ขอให้เพียงสร้างบุญสร้างกุศลให้มาก ๆ เท่านั้น

ยังไม่จบครับ เชิญอ่านกระทู้ถัดไป

ที่มา http://www.jarun.org/v6/th/lrule01r0402.html
ขอบคุณภาพจาก http://songphuket.net,http://i260.photobucket.com,http://dhammaonline.files.wordpress.com
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28906
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0

เรื่อง อดีตชาติ
โดย ท. เลียงพิบูลย์ิ์

(ต่อจากกระทู้ที่แล้ว)   
เมื่ออาตมาพิจารณาดูจึงเพียงแต่แนะนำว่า การไปครั้งแรกยังไม่ควรจะนำครอบครัวไป เพราะเรายังไม่รู้ไม่เห็นความเป็นอยู่ทางโน้นจะเป็นอย่างไร ควรจะไปคนเดียวก่อน เมื่อไปได้เห็นและได้ประโยชน์เพียงพอแล้วก็หาที่ทางไว้ก่อน เมื่ออพยพไปก็จะไม่เกิดยุ่งยาก หากไปเห็นการค้าไม่ไผ่ไม่เกิดผลดี ตามที่เข้าใจก็จะกลับมาอยู่อำเภอพรหมอย่างเดิมก็จะได้ไม่ต้องลำบาก หมอชลอก็ได้ตกลงตามที่อาตมาให้ความเห็น

จากนั้นหมอชลอก็ได้ออกเดินทางพร้อมกับพี่ชายไปทำการค้าไม้ไผ่ที่เมืองกาญจนบุรี อาตมาก็อดที่จะห่วงหมอชลอไม่ได้ คอยฟังข่าวอยู่เสมอว่าจะมีอะไรเกิดขึ้น แต่ก็ยังไม่มีข่าวอะไรคืบหน้า หลังจากหมอชลอออกจากบ้านที่อำเภอพรหม

เวลาผ่านไปได้หนึ่งปีหมอชลอก็กลับมาบ้านเยี่ยมครอบครัว ได้เล่าถึงเรื่องการค้าไม้ไผ่ได้ผลประโยชน์กำไรดีมาก เพียงปีเดียวก็เห็นหน้าเห็นหลัง ได้จับจองที่ดินอยู่ในป่าลึก ได้ปลูกกระต๊อบในพื้นที่จับจองบ้านม่องร่าย ตำกลท่ากระดาน แถวถิ่นน้ำตกเอราวัณ กิ่งอำเภอศรีสวัสดิ์ เขตกาญจนบุรี


มาคราวนี้ตั้งใจจะรับครอบครัวไปอยู่รวมกันจะได้ไม่ต้องเป็นห่วงเพราะต้องนำไม้ไผ่ล่องแพไปขายตามลำน้ำแคว ไปขายส่งที่เมืองกาญจนบุรีทั้งปลูกบ้านไว้สำหรับครอบครัวแล้ว กว้างขวางสบาย อาตมารับฟังด้วยความสงบและพูดให้กำลังใจว่าหากไปหากินได้รับความเจริญก้าวหน้า อาตมาก็ยินดีด้วย แต่ใจนั้นรู้สึกสังหรณ์ชอบกล ก็ได้แต่เตือนให้ระวังเคราะห์กรรม อย่าทิ้งทางพระหนักจะเป็นเบา และได้ชี้เหตุผลกฎแห่งกรรมให้ฟังแต่รู้สึกหมอชลอเปลี่ยนแปลงลงไปมาก ให้พูดว่าเมื่อถึงคราวแล้วอยู่ที่ไหนก็ตายทุกคนหนีไม่พ้น

แต่ก็ดีใจที่สร้างกุศลไว้มากแล้ว อาตมารู้สึกว่าไม่สามารถจะยับยั้ง กลับมาสู่ปกติเดิมได้ เห็นจะเป็นเพราะกรรมเวรนำไป เมื่อได้สนทนาพอสมควรแล้วหมอชลอจึงได้อำลาจากไป และได้อพยพครอบครัวและหลาน ๒ คน คือนางอุไร และนายเชวง เชื้อศรีแก้ว ซึ่งขอติดตามไปประกอบอาชีพที่เมืองกาญจนบุรีด้วย ทั้งหมอชลอกำลังตื่นเต้นมองเห็นความมั่งมีล่วงหน้าในอนาคต อาตมาก็ได้แต่เตือนว่าอย่าได้ทิ้งทางพระเท่านั้น

เวลาผ่านไปประมาณ ๔ ปีก็ยังไม่มีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้น อาตมาสนใจในครอบครัวนี้มาก เพราะเหตุการณ์ในอดีตชาติเมื่อเวลาทำสมาธินั่งวิปัสสนานั้นเป็นกรรมที่หนักมาก ยังมองไม่เห็นทางที่จะแบ่งเบาลงได้ นอกจากปฏิบัติทางธรรมแล้วอุทิศส่วนกุศลไปให้เจ้ากรรมนายเวร เพื่อขออโหสิกรรมคงเบาลงได้บ้าง แต่ทราบว่าที่ไปอยู่เมืองกาญจนบุรีนั้น หมอชลอไม่มีเวลานั่งกรรมฐานทำบุญสร้างกุศล มัวแต่คิดถึงการงานหาเงินอาตมาก็เศร้าใจเพียงแต่คอยฟังข่าว   

จากนั้นต่อมาอาตมาก็ได้รับข่าวเหตุร้ายแรงเกิดขึ้นกับครอบครัวนี้ เป็นเรื่องที่เศร้าสลดใจมาก ข่าวนี้จากญาติภรรยาของหมอชลอซึ่งไปมาหาสู่ มาเล่าให้อาตมาฟังและกรรมหนักในอดีตชาติของหมอชลอได้ตามทันมาสนองแล้ว เรื่องมีว่าวันนั้นหมอชลอได้เดินทางมีธุระเข้าไปในเมืองกาญจนบุรีพร้อมด้วยบุตรและภรรยา ทางบ้านเหลือแต่พี่ชายคนเดียว เมื่อกลับมาถึงบ้านก็ได้ทราบข่าวว่าทางบ้านถูกปล้น



ส่วนพี่ชายถูกพวกปล้นยิงสิ้นใจตายคาบันไดบ้าน แล้วพวกปล้นก็กวาดทรัพย์สินเงินทองไปหมด เมื่อหมอชลอพร้อมบุตรภรรยาทราบข่าวกลับถึงบ้านเห็นเหตุการณ์ร้ายแรงก็ตกใจสิ้นสติแทบจะเป็นลม หมอชลอรีบเดินทางไปแจ้งกับเจ้าหน้าที่ให้ทราบและให้มาชันสูตรศพพี่ชายตามระบิลเมือง แต่เจ้าหน้าที่มาช้าปล่อยให้ศพขึ้นจนอืดแล้ว

ต่อมาก็มีชายลึกลับมาบอกหมอชลอแกมขู่ให้รีบอพยพครอบครัวออกจากตำบลนี้ไปอยู่เสียให้ไกลโดยเร็วที่สุด มิฉะนั้นก็จะตายอย่างพี่ชาย หมอชลอไม่ชอบให้คนมาขู่ มีความหยิ่งในศักดิ์ศรีของลูกผู้ชาย ธรรมดาคนเราส่วนมากไม่ชอบให้ใครมาขู่

ยิ่งเอาอำนาจมืดความชั่วเข้ามาข่มขู่แล้วแม้ว่าจะสู้ไม่ได้ ความโกรธ ความแค้น ความเจ็บใจ ความพยาบาททำให้ขาดสติเกิดความประมาท ไม่ได้คิดหน้าคิดหลัง ยิ่งพี่ชายถูกข่มเหงถูกฆ่าตายสด ๆ ร้อน ๆ เช่นนี้ก็ยิ่งเจ็บแค้นมุมานะ หากจะมาข่มเหงฆ่าฟันกันซึ่ง ๆ หน้าแล้ว ก็คิดว่าต้องมายิงกันพักหนึ่งจนกว่าจะรู้ว่าใครจะเป็นศพไป


ฉะนั้น ความโกรธแค้นเจ็บใจเป็นพลัง ทำให้หมอชลอไม่ยอมหนีไม่กลัวคำขู่ ทั้งไม่ยอมไปจากถิ่นที่ได้ทำประโยชน์เป็นเงินเป็นทองขึ้นมาแล้ว ทั้งคอยระวังตัวไม่ประมาท ซ้อมยิงปืนให้แม่นยำอยู่เสมอทั้งปืนสั้นและปืนยาว และตลอดเวลาอยู่ในบ้านปืนไม่ยอมให้ห่างตัว ขึ้นลำกล้องอยู่เสมอ เมื่อฉุกเฉินหยิบฉวยใช้ยิงได้ทันที เตรียมพร้อมเพื่อต่อสู้เต็มที่อย่างลูกผู้ชาย เมื่อเข้าที่คับขันก็ได้สติ นึกถึงคำเตือนของท่านพระครูขึ้นมาได้ จึงสั่งหลานไว้ว่าหากตนได้ประสบชะตากรรมสิ้นบุญไปแล้ว ก็ขอให้ช่วยกันดูแลบ้านช่องต่อไปด้วย

หลังจากพี่ชายถูกยิงตาย เมื่อผู้ร้ายเข้าปล้นผ่านไปเพียง ๑๕ วัน วันนั้นเป็นเวลากลางวัน เสียงเรือหางยาวมาจอดอยู่ที่ท่าน้ำหน้าบ้าน แล้วตะโกนร้องเรียกชื่อหมอชลอที่ท่าน้ำ ฝ่ายนางทองใบ ภรรยาหมอชลอได้ลงจากเรือนไปที่ท่าน้ำที่เรือหางยาวจอดอยู่ เห็นคนในเรือประมาณ ๑๕ คน แต่งเครื่องแบบสีกากีมีปืนพร้อมคล้ายตำรวจ ร้องตะโกนถามนางทองใบว่าหมอชลออยู่ไหม มีเรื่องจะขอพบด่วนให้ลงมาหาที่ท่าน้ำ

นางทองใบรีบขึ้นบนเรือนบอกหมอว่า เจ้าหน้าที่เขาขอพบด่วน หมอชลอนึกว่าเป็นเจ้าหน้าที่มาสอบสวนเรื่องพี่ชายถูกพวกปล้นฆ่าตายก็เกิดความประมาท เดินลงบันไดไปที่ท่าน้ำ ส่วนภรรยาก็ยืนมองอยู่บนตลิ่งสูงชันเพียงเห็นเขายืนพูดกัน แต่ก็ไม่ได้ยินว่าเขาพูดกันเรื่องอะไรเพราะอยู่ไกล ครู่หนึ่งก็เห็นหมอชลอหันหลังจะก้าวเดินกลับขึ้นบ้าน

ทันใดนั้นคนหนึ่งที่อยู่ในเรือใกล้หมอชลอก็ยกปืนขึ้นจ่อยิงท้ายทอย หมอชลอไม่ทันรู้ตัวจึงไม่ได้ระวัง พอสิ้นเสียงปืนก็ล้มกลิ้งตกน้ำขาดใจตายทันที ภรรยาหมอเห็นเหตุการณ์เกิดขึ้นก็ตกใจสิ้นสติเป็นลม ส่วนพวกคนร้ายที่ปลอมเป็นตำรวจนั้นหลังจากยิงหมอชลอตกลงไปในน้ำแล้ว เมื่อแน่ใจว่าตายแล้วก็เร่งเครื่องหางยาวหลบหนีไป เหตุเกิดขึ้นเมื่อวันที่ ๔ กันยายน พ.ศ. ๒๕๐๔



ยังไม่จบครับ เชิญอ่านกระทู้ถัดไป

ที่มา http://www.jarun.org/v6/th/lrule01r0403.htm
ขอบคุณภาพจาก www.bloggang.com,www.kroobannok.com,http://3.bp.blogspot.com
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กันยายน 26, 2011, 06:39:00 pm โดย nathaponson »
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28906
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0


เรื่อง อดีตชาติ
โดย ท. เลียงพิบูลย์ิ์
   
(ต่อจากกระทู้ที่แล้ว)   
ส่วนนางทองใบภรรยาพอฟื้นได้สติก็ร้องไห้โฮคล้ายคนบ้า วิ่งไปที่ท่าน้ำลงไปประคองสามีที่รัก เมื่อรู้ว่าสามีสุดที่รักหมดลมไปก่อนแล้ว ไม่มีโอกาสได้สั่งเสียบุตรภรรยา ก็กอดศพผัวรำรำไห้สะอึกสะอื้นแทบจะขาดใจตายตามสามี ครั้นจะอุ้มศพสามีขึ้นจากน้ำก็อุ้มไม่ไหว พวกคนงานก็ยังอยู่ในป่า เหลือแต่ลูกก็ยังช่วยอะไรไม่ได้ จำเป็นต้องหาเชือกมาผูกศพไว้กับสะพานท่าน้ำ เพราะเกรงว่าเมื่อน้ำขึ้นศพจะลอยไปไกลหรือจมห่างออกไปจากท่าน้ำจะลำบาก รีบไปแจ้งความให้ทางบ้านเมืองรีบมาชันสูตรศพตามระเบียบ

นางทองใบนั้นครั้นสามีที่รักได้สิ้นบุญไปแล้ว ทั้งต้องสูญเสียพี่ชายของสามีทั้งตัวก็เป็นหญิง ทำอะไรไม่ถูก มีแต่ความหวาดกลัวและเศร้าโศกเสียใจอย่างหนักยิ่งคิดก็ยิ่งใจหายเพราะสามีต้องมาตายลงอย่างสด ๆ ร้อน ๆ ตัวก็มีความว้าเหว่ยังไม่เคยประสบกรรมหนักเช่นนี้มาก่อนในชีวิต จึงไม่สามารถจะอยู่ในดงป่าตามลำพังกับลูกหลานต่อไปได้

จึงตัดสินใจนำศพสามีพร้อมด้วยพี่ชายจัดการเผาอย่างตามมีตามเกิดให้เสร็จสิ้นไปโดยเร็วในเขตที่กลางลานบ้าน มีเจ้าหน้าที่มารับรู้ในการเผาครั้งนี้ด้วย เมื่อเสร็จแล้วก็รีบจัดแจงเก็บกระดูกห่อผ้าขาวไว้ แล้วมิได้รออยู่ช้ารีบเก็บข้าวของเท่าที่มีอยู่พอจะนำติดตัวไปได้ก็พาลูก ๆ ลงแพแล้วก็รีบล่องแพไปตามลำน้ำแคว เพื่อกลับภูมิลำเนาเดิม แต่เคราะห์กรรมมิได้สุดสิ้นลงเพียงเท่านั้น ได้ติดตามสนองครอบครัวของหมอชลอต่อไป

การล่องแพนั้นเป็นการเสี่ยงอันตรายมากหากไม่ชำนาญร่องน้ำแล้ว อาจชนหินเกาะแก่งใต้น้ำทำให้แพแตกได้ แพที่นางทองใบภรรยาหมอชลอก็เช่นกัน คนถ่อแพคงไม่ชำนาญจึงเกิดไปกระทบกับโขดหินใต้น้ำจนแพแตก พวกเด็ก ๆ ต้องลอยคอกันอยู่ในน้ำ แต่เคราะห์ดีที่ได้มีชาวบ้านช่วยกันไว้ทัน จึงไม่มีใครเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิต เพราะพาเข้าฝั่งได้

เคราะห์กรรมมิได้หยุดยั้งได้ ติดตามซ้ำเติมบุตรภรรยาหมอชลอ กว่าจะแก้ปัญหาการเดินทาง กว่าจะกลับมาถึงภูมิลำเนาเดิมที่บ้านบางสำโรง อำเภอพรหมบุรี จังหวัดสิงห์บุรี ก็ได้รับความลำบากยากแค้นแสนสาหัสเลือดตาแทบกระเด็น เป็นเรื่องเศร้าสลดใจท่าที่เคยได้ยินมา เมื่อมาถึงบ้านสำโรงแล้ว พวกญาติพี่น้องก็พากันมาเยี่ยมแสดงความเสียใจในการตายของหมอชลอ และความทุกข์ยากของนางทองใบและลูก ๆ ในการเดินทางต้องผจญชีวิตแม่ ๆ ลูก ๆ

พวกพี่น้องได้พร้อมใจกันกำหนดวันจัดการทำบุญกระดูกเพื่ออุทิศส่วนกุศลให้หมอชลอกับพี่ชาย เจ้าภาพได้มานิมนต์ให้อาตมาไปร่วมในงานนี้ แต่บังเอิญรับนิมนต์ที่อื่นไว้ก่อน จึงไม่ได้ไปในวันงาน แต่อาตมาก็ได้ไปเทศน์ก่อนงานสองวัน เพื่อให้ญาติโยมทั้งหลายได้ทราบถึงกรรมในอดีตชาตินั้นมีจริง สามารถจะกลับมาสนองในชาตินี้ได้ ไม่มีปัญหาข้อความใด ๆ สงสัยอีก
   
หลังจากวันที่อาตมาไปเทศน์ก่อนวันงานนั้น ได้มีญาติพี่น้องเพื่อนฝูงผู้คุ้นเคยได้พากันไปเยี่ยมและซักถามถึงสาเหตุการตายของหมอชลอ ทำให้นางทองใบระลึกถึงสามีคู่ชีวิตต้องมาตายอย่างน่าเอน็จอนาถใจ ก็เริ่มเสียใจร้องไห้สะอึกสะอื้นปริ่มว่าชีวิตจะจากร่างตามสามีไป

ผู้ที่ได้ยินได้ฟังเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับหมอชลอจนที่สุด ก็ต้องตายอย่างน่าสงสารที่ประสบโชคร้ายเช่นนี้ ต่างก็พลอยเศร้าโศกเสียใจไปด้วย และต่างก็เห็นใจนางทองใบที่รักสามีอย่างสุดซึ้ง เล่าไปร้องไห้ไปท่ามกลางหมู่ญาติพี่น้องมิตรสหายผู้คุ้นเคย



ซึ่งบางคนก็ไม่สามารถจะกลั้นน้ำตาได้ก็พลอยร้องไห้ไปด้วย ความเศร้าเสียใจหนักจนทำให้นางทองใบสลบแน่นิ่งไป หมู่ญาติต้องช่วยกันแก้ไขให้รู้ตัวขึ้นมาแล้วนางทองใบก็มิได้สร่างความเศร้าโศก ยิ่งนึกยิ่งเสียใจร้องไห้รำพันถึงความดีของหมอชลอผู้เป็นสามีมิได้หยุด มิได้ระงับความทุกข์ไว้ เพราะขาดสติได้ปล่อยไปตามอารมณ์

และในที่สุดก็เป็นลมสิ้นสติลงไปอีก เพราะเสียใจมากเกินไป แน่นิ่งไปในท่ามกลางหมู่ล้อมรอบด้วยญาติพี่น้องเพื่อนฝูงต่างพากันตกตลึง ช่วยกันแก้ไขอีกครั้งหนึ่ง แต่ไม่มีใครสามารถที่จะช่วยอะไรได้ เพราะนางทองใบได้สิ้นใจลงเพราะหัวใจวาย เมื่อวันที่ ๘ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๐๔ ต้องทิ้งให้ลูกหลานผจญชีวิตอยู่ในโลกต่อไป

หลังจากนั้นไม่นานก็ได้ข่าวว่า ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจมิได้นิ่งนอนใจ ท่านผู้กำกับ พันตำรวจเอกยงยุทธ เกษรมาลา ได้นำกำลังตำรวจหลายหน่วยติดตามจับกุมพวกโจรผู้ร้ายที่ทำการอุกอาจเที่ยวปล้นทำลายชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนชาวบ้าน ผลกรรมตามสนองตำรวจได้ล้อมไว้ เสือไม่ยอมมอบตัว และได้ยิงต่อสู้เจ้าหน้าที่ ที่สุด เสือสวัสดิ์ อุดม และเสือปี ปิยะพันธ์ ซึ่งเป็นหัวหน้าโจร และรองหัวหน้าโจรเป็นผู้เข้าปล้นและฆ่าพี่ชายหมอชลอ และต่อมาก็ยิงหมอชลออย่างใจเย็นก็ถูกกระสุนปืนของตำรวจตายตามกรรมที่ได้ก่อไว้

ส่วนสมุนโจรก็ยอมเข้ามอบตัวและถูกจับรวม ๓๘ คน เมื่อเจ้าหน้าที่ไต่สวนแล้ว ก็ฟ้องลงโทษทางโอกาสาลต่อไป นี่อาตมาก็คิดว่าเป็นตัวอย่างที่ผู้สร้างบาปอย่างอนันตกรรมไว้ในอดีตชาติซึ่งได้ตามมาสนองในชาตินี้ หรือจะเรียกว่ากรรมเก่าชาติก่อนมาสนองในชาตินี้ ขอให้ญาติโยมทั้งหลายจงพิจารณาดูว่า ทุกคนเกิดมาใช้หนี้กรรมไม่ว่าจะเป็นกรรมดีกรรมชั่ว ย่อมตามสนองเราอยู่เสมอ ไม่มีใครหนีพ้นกรรมไปได้

ขอให้ญาติโยมทั้งหลายใช้สติปัญญาพิจารณาดูเป็นตัวอย่างในเรื่องนี้ เมื่อท่านพระครูเล่าเรื่องนี้จบลงแล้ว พวกเราก็สนทนากับท่านอยู่พักหนึ่ง เห็นเวลาจะเที่ยงคืนแล้ว เดือนกำลังแจ่มฟ้า เรามอบดูตากันแล้วพยักหน้า ต่างก็ก้มลงกราบนมัสการท่านอาจารย์พระครุภาวนาวิสุทธิ์ เพื่อท่านจะได้พักผ่อนจำวัด เพราะรู้สึกว่าท่านจะมีแขกมาสนทนากับท่านตลอดเวลา

เมื่อเราขึ้นรถออกจากวัดอัมพวัน แล้วมุ่งหน้ากลับจังหวัดลพบุรี ขากลับนี้แสงจันทร์สว่างกระจายออกไปทั่ว เพราะเป็นเวลาเพียงแรมหนึ่งค่ำ แต่พวกเราก็นั่งเงียบมิได้ปริปากพูดอะไร เพราะทุกคนก็ใช้หัวคิดจะพูดออกมาแต่ละคำก็มักจะพูดถึงเรืองกรรมในอดีตชาติ นอกจากเสียงเครื่องยนต์ของรถ ซึ่งกำลังผ่านทุ่งนาป่าดงริมเขาลำเนาไพร ซึ่งมีดวงจันทร์ส่องกระจ่างอยู่กลางเวหา เพราะเวลากำลังจะย่างเข้าวันใหม่

ที่สุดเราก็กลับถึงที่พักในค่ายทหาร สิ่งที่เราได้รับความรู้ในคืนนั้นก็คือ "เรื่องอดีตชาติ" ไม่มีข้อสงสัยอะไรเหลือไว้เป็นปัญหาอีกแล้ว หากจะมีก็เฉพาะบุคคลที่มีระดับจิตแตกต่างกันเท่านั้น ผู้เขียนเรียบเรียงเรื่องนี้ขึ้นจากท่านผู้บันทึก ซึ่งเป็นนายทหารผู้หนึ่งได้กรุณาส่งมาให้หากท่านผู้อ่านยังสงสัยเรื่องอดีตชาติที่ได้บรรยายมานี้ ยังมีสิ่งใดไม่แจ่มแจ้ง ก็ได้กรุณาถามไปทาง ท่านพระครูภาวนาวิสุทธิ์ ที่วัดอัมพวัน อำเภอพรหมบุรี จังหวัดสิงห์บุรี ท่านคงจะได้ข้อความแจ่มแจ้งกว่านี้

ท่านอาจให้ความรู้สึกซึ้งกว่าที่ได้บรรยายมาแล้ว และขอกราบนมัสการขอบคุณท่านพระครูภาวนาวิสุทธิ์ ที่ได้กรุณาให้ลงชื่อจริงได้ทุกท่าน และตำบลที่อยู่อย่างแจ่มแจ้ง เพื่อคลี่คลายที่บางท่านจะนึกสงสัยว่า เรื่องจริงหรือเรื่องแต่ง คงหมดหน้าที่ผู้เขียนจะต้องคอยตอบคำถาม และนับว่าเรื่องนี้คงจะเกิดประโยชน์ขึ้นบ้างไม่มากก็น้อย

ขอให้ความดีของเรื่องทั้งหมดอุทิศให้แก่บุคคลผู้เกี่ยวข้องในเรื่องนี้ที่ได้ล่วงลับไปแล้วทุกท่าน และผู้เรียบเรียงจะลืมเสียมิได้ก็คือ ขอขอบคุณ พันเอกวสันต์ พานิช และพันตรีเที่ยง กนกนุวัตร ผู้ได้ให้ความกรุณาบันทึก เรื่องจากท่านพระครูภาวนาวิสุทธิ์ ที่เกิดขึ้นแล้วส่งมา เพื่อจะได้เกิดประโยชน์ส่วนรวมต่อไป........
  (เรื่องจบเท่านี้)


ที่มา http://www.jarun.org/v6/th/lrule01r0404.html
ขอบคุณภาพจาก http://deco-00.slide.com,http://variety.teenee.com,http://i.ytimg.com
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กันยายน 26, 2011, 06:38:14 pm โดย nathaponson »
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ

saiphone

  • กำลังแหวกกระแส
  • **
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 134
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
อ่านเรื่องนี้ ทำให้นึกถึงพ่อ ตนเอง เลยคะ

กฏแห่งกรรม เป็นสิ่งที่เข้าใจยาก นะคะ เพราะว่า ครอบครัวคุณหมอชะลอ นี้ตายหมดเลยนะคะ

  :03: :03: :03: :03: :03:

  กรรมจากอดีตส่งผล

 และคนที่สร้างกรรม กันอย่างนี้ไม่ผลัดกันฆ่ากันไป กันมา หรือคะ

  :smiley_confused1: :03:
บันทึกการเข้า
พระธรรม นำให้ ส่วางไสว ในดวงจิต