ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: ภัยภายนอก & ภัยภายใน  (อ่าน 4549 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 29288
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
ภัยภายนอก & ภัยภายใน
« เมื่อ: ตุลาคม 27, 2011, 10:34:56 am »
0


ภัยภายนอก & ภัยภายใน

โดย นายแพทย์สุรวุฒิ ปรีชานนท์
วิชัยยุทธจุลสาร ฉบับที่ 34 ประจำเดือน พฤษภาคม - สิงหาคม 2549

  ขณะนี้กำลังมีการหวั่นไหวในหมื่นโลกธาตุ เข้าใจว่าเกิดขึ้นในหมื่นจักรวาลพร้อมๆกัน ในโลกใบนี้ ก็มีกาเปลี่ยนแปลงอย่างมาก ไม่ใช่เฉพาะในโลก มนุษย์และสัตว์ แต่ในสวรรค์ ในนรก พวกเปรต พวกอสุรกาย  พวกสัตว์นรกทั้งหมดก็กำลังเดือดร้อน มากขึ้น สัตว์เดรัจฉานทั่วไปขณะนี้ก็กำลังเดือดร้อน อย่างหนัก โดนเข่นฆ่ามากขึ้นจากน้ำมือมนุษย์ และ สภาวะของธรรมชาติที่เปลี่ยนแปลงไป สัตว์มีที่อยู่อาศัย น้อยลงและมีอาหารน้อยลง ภัยภายนอกได้แก่ ภัย- ธรรมชาติ ภัยสังคม และภัยเศรษฐกิจก็เป็นผลมา จากการกระทำของมนุษย์ทั้งสิ้น

จะพูดให้ถูกต้องที่สุด คือเกิดมาจากความคิดของมนุษย์ที่เปลี่ยนออกมา แสดงให้เห็นเป็นพฤติกรรมที่ไม่มีศีล ไม่มีธรรมนั้นเอง เพราะการกระทำอันใดของมนุษย์ก็เกิดมาจากความคิด ที่จิตใจ  เมื่อจิตใจไม่ปกติคือมีภัยภายในจิต อันเนื่อง มาจากมีกิเลส ตัณหา และอุปาทานมาก ก็จะมีผล กระทบให้เกิดภัยภายนอกขึ้นมาได้มาก

ดังนั้นทุกสิ่ง ทุกอย่างที่เราเห็นมีความเปลี่ยนแปลงเป็นวงกว้าง และ สะท้อนย้อนกลับมาสร้างความเดือดร้อนต่อมนุษย์และ สัตว์ทั้งหลาย ล้วนเกิดจากความคิดที่ผิดและการกระทำ ของมนุษย์ที่ผิดทั้งสิ้น สัตว์เดรัจฉานไม่สามารถทำลาย ธรรมชาติได้มาก เพราะสัตว์เดรัจฉานไม่สะสมอะไรเลย



     ยุคนี้มีการกระทำที่ทำลายธรรมชาติและ เบียดเบียนธรรมชาติมากกว่ายุคใดๆ ที่เคยมีปรากฎ มาให้เห็น นั่นแหละคือความคิดผิด เข้าใจผิด เห็นผิดรู้ผิดและการกระทำผิดๆของมนุษย์ทั้งสิ้น ทั้งๆที่ทุกคน คิดว่ายุคนี้มนุษย์ฉลาดมากเจริญมาก ศิวิไลซ์มาก

     แต่ที่แท้จริงเป็นความรู้ที่เกี่ยวกับวัตถุทั้งนั้น ความรู้ออก ไปข้างนอกตัว ความรู้เกี่ยวกับการสร้างวัตถุ สะสมวัตถุ ความรู้ในการสร้างขยะให้กับโลก ความรู้ในการโกงกัน เบียดเบียนกัน ตั้งแต่ประเทศใหญ่เบียดเบียนประเทศ เล็ก คนใหญ่เบียดเบียนคนเล็ก คนได้รับสัมปทานเบียด- เบียนคนไม่ได้รับสัมปทาน คนมีอำนาจเบียดเบียนคน  ไม่มีอำนาจ คนมีโอกาสเบียดเบียนคนไม่มีโอกาส

    พูดง่ายๆก็คือ ขณะนี้พวกเรากำลังอยู่ในยุดของคนไร้ศีลธรรม คนพูดได้แต่เรื่องศีลธรรม แต่ประพฤติปฏิบัติศีลธรรม ไม่เป็น ก็คือ มือถือสากปากถือศีลนั่นเอง



ภัยสังคม
      ขณะนี้ก็เกิดการวิปริตทางสังคม สังคมไม่เป็น ระเบียบเพราะมีการเบียดเบียนกัน การเบียดเบียนกัน ไม่จำเป็นต้องทำร้ายร่างกายกันให้เห็นชัดเจนเช่นต่อย กันหรือเอาอะไรเคาะหัวกัน แต่การเบียดเบียนคนอื่น โดยอาศัยความแยบยล ใช้ชั้นเชิง เล่ห์เหลี่ยม และหาช่องทางกอบโกย โดยอาศัยจุดอ่อนของกฎหมาย จาก การคอร์รัปชั่น โกงภาษี มีผลประโยชน์ทับซ้อน ทำให้เกิด ผลกระทบต่อผู้คนในวงกว้าง จะทำให้มีผลกระทบ กลับมามาก การกระทำแบบนี้ก็เหมือนมหาโจรปล้นชาติ

     บางครั้งดูไปก็อาจจะถูกกฎหมายแต่ไร้ซึ่งศีลธรรม และจรรยา อันนี้ยมบาลเขาไม่ยกเว้น เพราะเขาไม่ได้ถือ กฎหมาย แต่เขาถือศีลธรรมซึ่งเป็นกฎธรรมชาติของ สามโลกเท่านั้น พวกที่ทำตัวเป็นภัยต่อสังคมคือ เบียด เบียนสัตว์ มนุษย์ และธรรมชาติภายนอก พอตกนรก ไปแล้วยมบาลเขาเอาจริง เพราะยมบาลเขาไม่มีคอร์รัปชั่น แสดงว่าในเมืองนรกและเมืองสวรรค์ผู้คน เขาไม่แสวงหาผลประโยชน์เพื่อตนเอง จะรวยกี่หมื่น กี่แสนล้านในเมืองมนุษย์ก็ตามพอตายไปแล้วก็คงต้อง ลงอเวจีนรกแน่นอน

     ดังนั้นจะเห็นว่าผู้นำประเทศใหญ่ ผู้มีอำนาจ และผู้มีโอกาส ถ้าทำไม่ดีผิดศีลผิดธรรม จะทำให้เกิด ภัยสังคมเกิดขึ้นในวงกว้างได้มาก  เมื่อเกิดการเอาเปรียบกัน ไม่ให้ความเป็นธรรม ซึ่งกันและกัน ไม่มีความกรุณากัน ไม่เมตตากัน เช่น ประเทศใหญ่เอาเปรียบประเทศเล็กๆ พยายามดึงผล ประโยชน์จากประเทศเล็กๆ ไปแบ่งกันในประเทศใหญ่ๆที่มีอำนาจ

    ประเทศใหญ่ๆพยายามสร้างกฎสร้าง เกณฑ์ขึ้นมา ไม่ให้ความเป็นธรรมต่อประเทศเล็กๆ ทำให้เกิดความวุ่นวายกันอยู่ทั่วโลกขณะนี้ เมื่อมีภัย สังคมเกิดขึ้นมาภัยเศรษฐกิจก็ตามมา เมื่อมาถึงจุด ที่ทนไม่ได้ ผู้ที่เคยถูกเอารัดเอาเปรียบอย่างไม่รู้ตัว ก็จะ ตอบโต้แบบให้รู้ตัว คือ ปล้นสะดม  ตีชิงวิ่งราว เพื่อความ อยู่รอด คนที่ทำนาไม่ใช่บนหลังนา เช่นพวกเล่นแร่แปร- ธาตุ ฟอกเงิน ฟอกหุ้น พวกลงทุนก็พยายามสร้างมูลค่า เพิ่มขึ้นมา โดยใช้เล่ห์ เพทุบายต่างๆอย่างแยบยล เรียกว่าเป็นการปล้นสังคมแบบเงียบๆและเลือดเย็น

    โดยที่ตนเองนั้นไม่ได้เป็นผู้ผลิตวัตถุสิ่งของ แต่หากิน กับกฎเกณฑ์ที่บิดๆเบือนๆ เอาเปรียบ เอากำไร ไปอยู่ กับตนมากๆ และในที่สุดสถาบันต่างๆก็ล้มครืนลงมา เพราะความไม่ชอบมาพากลของพวกเหล่านี้ พูดง่ายๆ คือไม่มีศีลไม่มีธรรม มีแต่กิเลส ตัณหา และอุปาทาน เป็นตัวพาไป

    ท่านผู้อ่านครับ ภัยสังคมและภัยเศรษฐกิจ กำลังก้าวมาถึงจุดวิกฤตของโลกแล้ว ขณะนี้เรากำลังเข้าสู่กลียุค จนเกิดการสับสนอลหม่านมากขึ้น และ ต่อไปจะถึงสัตถันตลกลับยุคคือยุคแห่งการพลิกแผ่นดิน ภัยสังคมจะไปร่วมกับภัยธรรมชาติ เกิดแผ่นดินไหว ภูเขาไฟระเบิด น้ำท่วม ดินถล่ม โลกจะพังพินาศ ผู้คนและสัตว์จะล้มตายเป็นจำนวนมาก



          ประเทศไทยก็กำลังเข้าสู่ยุคที่เขาได้ทำนายไว้นาน แล้ว ว่าจะเป็นยุคของ
     -    ถิ่นกาขาว (ฝรั่งจะเข้ามามาก พวกเราหันไปนิยมวัฒนธรรมฝรั่ง)
     -    ชาวศิวิไลซ์ (พวกนิยมวัตถุ นิยมความสะดวกสบายทางโลก)
     -    น้ำจะท่วมฟ้า (คนต่ำๆที่อาจเอื้อมของสูง)
     -    ปลาจะกินดาว (คนที่มียศถาบรรดาศักดิ์ เช่นมีดาวอยู่บนบ่าจะถูกปลดออกหมด)
     -    ค้างคาวจะแตกรัง (พลเมืองอย่างเราๆจะแตกฮือ หนีเอาตัวรอด)
     -    หมากพลูจะหมดเมือง (อาหารการกิน จะลำบาก)
     -    กระเบื้องจะเฟื่องฟูลอย (สิ่งต่ำๆ เช่น กระเบื้องที่เท้า ถูกคิดว่าเป็นของสูง)
     -    น้ำเต้าน้อยจะถอยจม (สิ่งที่ดีๆ สวยงาม จะไม่ถูกเป็นที่นิยมอีกต่อไป)
     -    ผู้ดีต้องเดินตามตรอก (คนมีเงิน คนชั้นสูงต้องหลบหลีก กลัวโดนปล้น)
     -    ขี้คอกเดินถนน (คนชั้นต่ำ มองหาโอกาสที่จะตีชิง วิ่งราว)
     -    คนดีจะหนีไปอยู่ป่า (คนจิตใจดี จะไปหาที่สงบอยู่)
     -    คนบ้าจะอยู่เมือง (คนไม่มีสติ ก็จะอยู่ในเมืองต่อไป)
     -    เศรษฐีจะนั่งน้ำตานองเนืองกลางถนน (หลังปีพ.ศ. 2555 เงินอาจจะหมดธนาคาร เบิกเงินไม่ได้)
                และสุดท้าย ขี้คอกจะออกเมือง (คนรับใช้จะกลับภูมิลำเนาเดิมหมด)


หมายเหตุ! กลอนนี้ไม่สมบูรณ์ ผมไม่มีต้นฉบับ ถาม ใครก็จำกันไม่ค่อยได้

     พวกเราคงจะฝืนการเปลี่ยนแปลงทางสังคม และเศรษฐกิจไม่ได้ แต่เราอาจจะชะลอเวลาได้ เราต้อง ได้ผู้นำที่มีศีลธรรม ไม่คิดแต่เรื่องทุนที่เป็นเงิน ต้องคิด เรื่องศีลธรรม สังคม จริยธรรม ประเพณี และวัฒนธรรม ด้วย เราต้องพยายามไม่ขายชาติ พยายามไม่ให้ฝรั่งมา ลงทุนในประเทศมากเกินไป เอาพอดี พอดี อย่าให้คณะ บุคคลคอยชักหัวคิว หรือชักเปอร์เซนต์

    พยายามพัฒนาชาติบ้านเมืองแบบค่อยเป็นค่อยไป แบบพอเพียง ถ้าหากเราอนุญาติให้ฝรั่งเข้ามามาก เขาจะมา เป็นนายทุน เข้าล็อคแบบฉบับที่เขาถนัดในการหากิน เอาเปรียบประเทศด้อยพัฒนา และพวกฝรั่งจะเข้ามา เป็นเจ้านายเรา เราก็ต้องเป็นขี้ข้าของเขาในแผ่นดิน ที่เราเกิด พวกฝรั่งเขารู้วิธีเอาเปรียบมาก เรายังเรียนรู้ และมีภูมิต้านทานไม่พอ



ขอบคุณข้อมูลและภาพจาก
http://www.vichaiyut.co.th/html/jul/34-2549/p53-56_34.asp
http://board.palungjit.com
http://202.28.109.109/web/UserFiles/
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ

saichol

  • พอพึ่งพาได้
  • ***
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 247
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: ภัยภายนอก & ภัยภายใน
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: ตุลาคม 27, 2011, 10:41:39 am »
0
อ้างถึง
ประเทศไทยก็กำลังเข้าสู่ยุคที่เขาได้ทำนายไว้นาน แล้ว ว่าจะเป็นยุคของ
     -    ถิ่นกาขาว (ฝรั่งจะเข้ามามาก พวกเราหันไปนิยมวัฒนธรรมฝรั่ง)
     -    ชาวศิวิไลซ์ (พวกนิยมวัตถุ นิยมความสะดวกสบายทางโลก)
     -    น้ำจะท่วมฟ้า (คนต่ำๆที่อาจเอื้อมของสูง)
     -    ปลาจะกินดาว (คนที่มียศถาบรรดาศักดิ์ เช่นมีดาวอยู่บนบ่าจะถูกปลดออกหมด)
     -    ค้างคาวจะแตกรัง (พลเมืองอย่างเราๆจะแตกฮือ หนีเอาตัวรอด)
     -    หมากพลูจะหมดเมือง (อาหารการกิน จะลำบาก)
     -    กระเบื้องจะเฟื่องฟูลอย (สิ่งต่ำๆ เช่น กระเบื้องที่เท้า ถูกคิดว่าเป็นของสูง)
     -    น้ำเต้าน้อยจะถอยจม (สิ่งที่ดีๆ สวยงาม จะไม่ถูกเป็นที่นิยมอีกต่อไป)
     -    ผู้ดีต้องเดินตามตรอก (คนมีเงิน คนชั้นสูงต้องหลบหลีก กลัวโดนปล้น)
     -    ขี้คอกเดินถนน (คนชั้นต่ำ มองหาโอกาสที่จะตีชิง วิ่งราว)
     -    คนดีจะหนีไปอยู่ป่า (คนจิตใจดี จะไปหาที่สงบอยู่)
     -    คนบ้าจะอยู่เมือง (คนไม่มีสติ ก็จะอยู่ในเมืองต่อไป)
     -    เศรษฐีจะนั่งน้ำตานองเนืองกลางถนน (หลังปีพ.ศ. 2555 เงินอาจจะหมดธนาคาร เบิกเงินไม่ได้)
                และสุดท้าย ขี้คอกจะออกเมือง (คนรับใช้จะกลับภูมิลำเนาเดิมหมด)

 :13: :13: :13:
 :character0029: :character0029: :character0029:
บันทึกการเข้า

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 29288
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
Re: ภัยภายนอก & ภัยภายใน
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: ตุลาคม 27, 2011, 10:54:19 am »
0


ภัยธรรมชาติ
(ต่อเนื่องจากบทความด้านบน)
      ในปัจจุบันนี้จะเห็นว่ามีภัยธรรมชาติมาก จาก การหวั่นไหวในหมื่นโลกธาตุ ซึ่งเป็นผลมาจากความประพฤติของมนุษย์ที่ทำลายธรรมชาติ มนุษย์มีศีลธรรม น้อยลง จะเห็นว่ามีเหตุการณ์ แผ่นดินไหว ภูเขาไฟ ระเบิด น้ำท่วม โคลนถล่ม อุบัติเหตุมากขึ้นเรื่อยๆ เป็น สภาวะที่ก่อให้เกิดการตายโหงของหมู่มนุษย์และ สัตว์มากขึ้น ในอนาคตจะมีเชื้อโรคประหลาดอะไร สักอย่างหนึ่ง

      อาจจะเป็นไข้หวัดนกก็ได้ที่ได้พัฒนา สายพันธุ์ไป จนมาทำลายมนุษย์และสัตว์ได้มากๆ คือ เกิดโรคที่ติดต่อกันง่ายเหมือนไข้หวัดคน แต่ตายง่าย เหมือนไข้หวัดนก และการติดเชื้อโรคนี้จะติดต่อแผ่ กระจายออกไปทั่วโลกอย่างรวดเร็ว จะก่อให้เกิดสภาวะ ตายห่าอย่างมากมายในหมู่มวลมนุษย์และสัตว์

    ในปัจจุบันเราจะเห็นว่าพวกสัตว์เดรัจฉานมีสภาวะ ตายโหงและตายห่าอย่างมากมาย เช่นพวกไก่ที่เป็น ไข้หวัดนก ซึ่งจะถูกมนุษย์นำมาทำลายฆ่าทั้งเป็น (ตายโหง) และก็มีตายไปเองจากการติดเชื้อ (ตายห่า) คราวละมากๆ ต่อมาสภาวะตายโหงและตายห่าก็จะ ลามมาสู่มนุษย์ในที่สุด

     ภัยธรรมชาตินับวันจะรุนแรงขึ้นเรื่อยๆครับ สิ่งที่จะมาทำลายล้างมนุษย์ในที่สุดมากๆก็มีเช่น แผ่นดินไหว ภูเขาไฟระเบิด คลื่นยักษ์ สารพิษขึ้นมาจากพื้นดินสู่อากาศ น้ำท่วม โคลนถล่ม โรคติดเชื้อ ระเบิด นิวเคลียร์ ระเบิดชีวภาพ (เชื้อโรค) และพายุสุริยะ (Solar Strom) เป็นต้น

     เหตุการณ์ทุกอย่างนี้กำลังแข่งกันมา ไม่ว่าจะเป็นภัยจากมนุษย์ทำลายกันเอง หรือเกิดจาก ธรรมชาติทำลายมนุษย์และสัตว์ ไม่ทราบว่าอะไรจะ เกิดขึ้นก่อน แต่อาจเกิดขึ้นมาพร้อมๆกันก็ได้ ท่านคง จะได้พบในชั่วชีวิตของท่าน อีกสักระยะหนึ่งพวก สัตว์เลื้อยคลานมีพิษ จะออกมาเพ่นพล่านมาก เพราะใต้ดินจะมีความร้อนมากขึ้น พวกงูมีพิษจะออกมาเป็น อันตรายต่อมนุษย์มากขึ้น

     นอกจากนั้นพวกผี เปรต อสุรกาย ก็จะไม่มีที่อยู่ เพราะป่าเขาลำเนาไพร จะน้อยลง ตลอดจนคุกหรือนรกจะแตกมาก พวกนี้จะ เพ่นพล่านเข้ามาในเมืองมาก จะได้ยินเสียงร้อง ครวญครางของพวกเปรตมากขึ้น



ภัยภายใน(จิต)
          ภัยนี้สำคัญที่สุด เพราะมันเป็นต้นเหตุของภัย สังคมและภัยธรรมชาติ ภัยภายในจิตนี้จะติดไปกับเรา ยังโลกหน้าด้วย สาเหตุของภัยภายในจิตคือ โลภ โกรธ หลง อิจฉา ริษยา อาฆาต พยาบาท และจองเวร ภัย ที่จะติดตัวของเราไปกับจิตของเรายังชาติหน้ามีอยู่ 2 กรณี คือ

          1. ความผิดชนิดมีคู่กรณีหรือมีคู่อาฆาต เช่นไป ทำร้ายคนอื่น เราก็จะมีคู่กรณี ต่อไปเมื่อเจอกันหรือ ประสพโอกาสก็จะอาคืนกัน จองเวรกันไปเรื่อยๆ จนกว่าจะอโหสิให้กัน

          2. ความผิดชนิดไม่มีคู่กรณี คือตัวเราเป็นคู่กรณี กับตัวเราเอง คือความโง่ งี่เง่าของตัวเอง คือรู้ผิด เห็นผิด เข้าใจผิด ไม่มีปัญญาทางธรรม ไม่รู้แจ้งเห็นจริงตาม ความเป็นจริง ยังคิดยังติดยังยึดอยู่กับสิ่งที่ไม่ควรติด ไม่ควรคิดและไม่ควรยึด พูดง่ายๆก็คือยังมีกิเลสอยู่มาก ในดวงจิต

          เมื่อมีกิเลสมากๆ ปัญญาทางธรรมก็ไม่มี อาจ จะมีปัญญาทางโลก มีแต่ปัญญาในการแสวงหาวัตถุ ปัญญาในการเสพวัตถุ ปัญญาในการสะสมวัตถุ แต่ ปัญญาทางโลกนี้หากไม่ใช้ให้ถูกต้อง ก็จะสร้าง ความทุกข์ภายในดวงจิต และปรากฎออกมาเป็น ภัยสังคม ภัยเศรษฐกิจ และภัยธรรมชาติไปเรื่อยๆ


      ดังนั้นเมื่อพวกเรามีโอกาสได้เกิดมาเป็นมนุษย์ ก็ต้องพยายามพัฒนาจิต ไม่ให้จิตมีภัย พยายามให้จิต พ้นภัย  ไม่ให้จิตมีสิ่งเศร้าหมอง ให้จิตบริสุทธิ์ผุดผ่อง เมื่อ ถึงวาระที่จะต้องละสังขารก็ขอให้จิตของเราเป็นจิตที่ บริสุทธิ์ยิ่งกว่าดวงจิตของเราขณะที่เกิดมาก็ถือว่า ประสพความสำเร็จแล้ว หากขณะเสียชีวิตสภาพจิต ของเราสกปรกกว่าเมื่อตอนเกิดก็เรียกว่าเราเสียชาติเกิด หรือว่าซวยที่เกิดมาเป็นคน

     หากระดับจิตขณะตาย บริสุทธิ์เท่ากับระดับจิตขณะเกิด เรียกว่าการเกิดของเรา ชาตินี้เป็นโมฆะ คือเป็นโมฆะบุรุษ โมฆะบุคคล ไม่รู้ว่าจะเกิดมาทำไมตั้งหลายปี แต่สภาพจิตอยู่ใน สภาพเดิม ไม่ได้เลือนชั้น แต่จริงๆแล้วพวกมนุษย์ ที่เกิดมาระดับความบริสุทธิ์ของจิตจะต่ำชั้นลงเป็น ส่วนมาก


     ภัยของจิตความจริงแล้วสามารถแยกออกจาก ภัยภายนอกได้ ความไม่สะดวกภายนอก ไม่น่าจะต้อง สร้างภัยให้เกิดขึ้นในจิต แต่ภัยสังคมและภัยธรรมชาติ อาจจะสร้างความแข็งแกร่งให้กับจิตได้ หากจิตนั้น พยายามเรียนรู้ธรรม ต่อสู้ ดิ้นรน ให้เข้าใจสภาวะ ธรรมชาติ ธาตุธรรม

     เราต้องเปลี่ยนวิกฤตให้เป็นโอกาส ในทางตรงกันข้าม ผู้ที่เกิดมาสบายเกินไป รวยเกินไป อาจจะหลงใหลเพลิดเพลินไปกับอารมณ์ภายนอกมากไป จนไม่ได้ฉุกคิด ไม่ได้พิจารณา ก็ไม่เกิดการพัฒนาไม่ได้เกิดการเรียนรู้ ไม่เกิดการเข้าใจ และไม่เกิด อริยสมบัติไว้ใช้ ขณะเปลี่ยนภพเปลี่ยนภูมิไปแล้ว

     สรุปว่า ไม่ว่ายุคนี้สมัยนี้จะมีภัยสังคมมาก ภัย- เศรษฐกิจมากและภัยธรรมชาติมาก เพราะกำลังเป็น ยุคเปลี่ยนแผ่นดิน และทุกครั้งที่จะมีการเปลี่ยนแปลง เปลี่ยนพระศาสดาองค์ใหม่ ก็จะเกิดการหวั่นไหวใน หมื่นโลกธาตุ

     เพื่อจัดระเบียบดวงจิตมโนวิญญาณ ทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นมนุษย์ เทพเจ้า เหล่าเทวดา อินทร์ พรหม ยมราช เปรต อสุรกาย สัตว์นรก และเดรัจฉาน ทั้งหลาย ความไม่สะดวกภายนอกจากภัยสังคม ภัยการเมือง ภัยเศรษฐกิจ ภัยธรรมชาติ โรคระบาดต่างๆ ตลอดจนสงครามต่างๆ ไม่ควรจะต้องมามีส่วนให้ สภาพจิตของเราตกต่ำลง

     แต่ควรจะโน้มเข้ามาสอนจิต ของเรา (โอปนยิโก) ให้รู้ดี รู้ชั่ว รู้บุญ รู้บาป รู้คุณ รู้โทษ รู้ประโยชน์หรือมิใช่ประโยชน์ มากขึ้น ให้พยายามพินิจ พิจารณา ใคร่ครวญ ไตร่ตรอง และตีตลบทบทวนจนเห็น แก่นแท้แห่งธรรมครับ ความแตกฉานในธรรมเท่านั้น ที่จะพาเรา พาท่านไปสู่โลกหน้าที่ดีได้ จะได้ไปอยู่ เมืองแก้ว จะได้แคล้วบ่วงมาร จะได้พบพระศรีอารย์ ครับ

     หมายเหตุ บทความนี้มีบางส่วนเป็นความ เห็นส่วนบุคคล เป็นความเชื่อส่วนบุคคล เขียนเพื่อ ให้พิจารณา ไม่ได้ให้เชื่อตาม อ่านแล้วก็แล้วแต่ว่าแต่ละ ท่านจะคิดพิจารณาและสรุปเอาเองครับ สวัสดี


ขอบคุณภาพและข้อมูลจาก
http://www.vichaiyut.co.th/html/jul/34-2549/p53-56_34.asp
http://www.sahavicha.com
http://1.bp.blogspot.com
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ