คนส่วนใหญ่ เข้าใจว่า นิ่งเป็น ฌาน หรือเป็น สมาธิ หรือตกภวังค์ กันบ่อย ๆ จะ เป็น ฌาน หรือ สมาธิ
ในหลักการฝึกภาวนาตามแบบที่พระอาจารย์ สนธยา ได้ถ่ายทอดไว้ให้ผมก็ 3 ปีแล้วครับ คือผมก็เป็นผู้ตกภวังค์บ่อย ๆ ครับในสมัยนั้น จะมีอาการวูบ ตก วูบ ตก แล้วก็ไปติดนิ่งครับ พอได้มาฝึกกรรมฐานมัชฌิมา แบบลำดับ เป็นที่น่าแปลกครับ ไม่มีอาการวูบตกนิ่ง และ ยังสามารถเข้าสภาวะกรรมฐานได้นานมากขึ้น ถึง 4 ชม. ขึ้นไปแล้วครับในตอนนี้ ดังนั้นผมจะบอกประเด็นที่ผิดพลาดของผู้ที่จดจำวิธีการสมาธิ แบบผิด ๆ ไว้ครับ ให้ท่านกันนะครับ
1. สมาธิที่เป็นอัปปนา เมื่อว่างจากวิตก วิจาร ไม่ใช่ หยุดคำภาวนาครับ จิตยังมีคำภาวนากับนิมิต อยู่ นิมิตยังปรากฏเป็นรูปประจำองค์ผู้ฝึกอยู่ มิได้หายไป ถึงแม้จะเลื่อนจิต เป็น อัปปนาจิตขั้นสูง ก็ยังปรากฏนิมิตอยู่ ดังนั้นใน ฌาน ยังมี นิมิตอยู่ ครับ แ่ต่เป็นนิมิต ที่พ้นจาก ปฏิภาคนิมิต เป็นนิมิตแท้ นิมิตประจำตัว ( อันนี้สุดแท้แต่ ละบารมีแต่ละท่านครับ ) ดังนั้นผู้คนส่วนใหญ่ เข้าใจว่า หยุดนิ่ง ว่างนั้นเป็น สมาธิ อันนั้นไม่ใช่ อันนี้เรียกว่าติดสุขครับ หรือ ตกภวังค์ ข่างฝ่ายโสมนัส ครับ
2.จิตเป็นปฐมฌาน ไม่ว่างจาก นิมิต ทัง 3 ครับ แต่ ว่างจากนิวรณ์ มีอารมณ์เดียว แต่ประกอบด้วยสุข เป็นอารมณ์เดียว ไม่ใช่ นิ่งว่าง พิจารณาให้ดีครับ วิตก วิจาร ปีติ สุข เอกัคตา มีอารมณ์ เนื่องด้วยกันทั้งหมดครับ ไม่มีคำ่ว่า อุเบกขา ถ้า เป็นอุเบกขา ร่วมด้วยเป็น ปัญจมะฌาน ครับ เรียกว่า ฌานที่ 5 ครับ
คุยกันเท่านี้แก้ขัดก้นก่อนนะครับ
ขอขมาต่อครูอาจารย์กรรมฐานทุกรูป ที่ศิษย์ได้แสดงความเห็นครับ